ชายที่มีรอยสักพวกนั้นก็ไม่ได้โกรธอะไร กลับพูดออกมาด้วยความสนใจ “น้องสาว ปากคอเราะร้าย แบบนี้พี่ชอบ!”
“ชอบบ้าอะไร กลับบ้านไปหาแม่แกโน้น!” ฟางเสี่ยวเต๋อไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ตะโกนด่ากลับไปอีกครั้ง
ฉินเฉิงที่นั่งอยู่ข้างๆก็ไม่ได้พูดอะไร สำหรับนิสัยของฟางเสี่ยวเต๋อ เขาชินกับมันตั้งนานแล้ว
สักพักบริกรก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร มีแกะเสียบไม้ หมูเสียบไม้ อาหารมากมายเต็มโต๊ะไปหมด
“สาวน้อย กินเยอะแบบนี้มันไม่ดีนะ ไม่กลัวอ้วนเหรอ?” ชายเหล่านั้นพูดออกมาอีกครั้ง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกนาย!” ฟางเสี่ยวเต๋อด่าออกไป “พูดให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าพูดอีกหละก็ ฉันจะตบให้ปากฉีกเลย!”
“ใส่กระโปรงสั่นขนาดนี้ ไม่ใช่คิดจะมาอ่อยผู้ชายหรอกเหรอ?”
“ดูสิ กระโปรงสั้นน่าดูเลย!”
“ฮ่าฮ่า สาวน้อย ขาวไม่เบาเลยนะเรา!”
ชายกลุ่มนั้นหัวเราะชอบใจกันไม่หยุด พูดจาหยาบคายออกมาอย่างไม่ละอายใจ
ฟางเสี่ยวเต๋อไม่สามารถด่าสู้พวกเขาได้ แก้มของเธอโปนขึ้นมา
“นายเป็นใบ้หรือไง ทำไมไม่ช่วยฉันด่าพวกเขาสักสองสามคำ?” เมื่อเห็นฉินเฉิงเงียบและไม่พูดอะไร ฟางเสี่ยวเต๋อก็ชี้นี้วไปที่เขาและถามออกมา
ฉินเฉิงมองไปที่เธอ “ฉันด่าคนไม่เป็น”
“งั้นก็ช่างมันเถอะ” ฟางเสี่ยวเต๋อกินอาหารพร้อมกับพึมพำออกมา
และในระหว่างที่ทานอาหารอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบมองไปที่โต๊ะข้างๆแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
และในตอนนั้น เธอก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาไว้บนโต๊ะ แต่จู่ๆเธอก็สาดมันไปใส่พวกผู้ชายโต๊ะที่อยู่ข้างๆ
“นี่ถือเป็นการลงโทษพวกนาย!” หลังจากที่เธอสาดเหล้าใส่พวกเขาแล้ว เธอก็ยืนเท้าเอวพูดออกมาด้วยท่าทางที่ภูมิใจ
สีหน้าของชายกลุ่มนั้นเปลี่ยนไปทันที หนึ่งในนั้นลุกขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “สาวน้อย ดูแล้วพวกเราคงจะต้องสั่งสอนเธอสักหน่อยแล้วหละ!”
พูดจบเขาก็ยืนมือออกมาจับที่หน้าอกของฟางเสี่ยวเต๋อ
ฟางเสี่ยวเต๋อไม่พูดอะไรทั้งนั้น เธอรีบวิ่งมาหลบอยู่ด้านหลังของฉินเฉิง
“นี่ ช่วยฉันสอนพวกเขาแทนฉันหน่อยสิ!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาเบาๆ “นายเคยรับปากกับพ่อของฉันเอาไว้ไม่ใช่เหรอ ว่านายจะดูแลฉันเป็นอย่างดี!”
ในขณะที่พวกเขาพูดกับ ชายที่มีรอยสักคนนั้นก็เดินเข้ามา
เขาเดินมานั่งข้างๆฉินเฉิง ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “น้องชาย แฟนของนายสาดเหล้าใส่พวกเรา นายคิดว่าควรจะจัดการกับมันยังไง?”
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “แล้วนายคิดจะเอายังไง?”
ชายที่มีรอยสักพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มองจากสภาพของนายแล้วคงทำให้เธอพอใจไม่ได้ช่ไหมหละ? งั้นให้พวกฉันช่วยหน่อยเป็นไง?”
ฉินเฉิงเหลือบตามองไปที่เขาอีกครั้งและพูดออกมาว่า “ให้เวลาสามวินาที ออกไปให้พ้นจากหน้าของฉันเดี๋ยวนี้!”
ชายที่มีรอยสักผงะ จากนั้นก็หัวเราะออกมา “นายกำลังทำให้ฉันกลัวหรือเปล่า?”
“สาม” ฉินเฉิงทานอารหารพร้อมกับพูดออกมา
“ไปก็บ้าแล้ว แกคิดว่าฉันกลัวแกหรือไง? ฉันจะบอกนายเอาไว้ ว่ายังไงคืนนี้ฉันก็จะต้องได้สนุกกับผู้หญิงคนนี้!” ชายที่มีรอยสักตะโกนออกมา
“สอง” ฉินเฉิงนับออกมาอีกครั้ง
“อย่างที่สอง คนที่ไร้น้ำยาอย่างนายมันจะไปทำอะไรได้ เดี๋ยวฉันจะช่วยแฟนนายแทนนายเอง!” ชายที่มีรอยสักหัวเราะออกมา
ฉินเฉิงมองไปที่เขา จากนั้นก็ยกมือขึ้นและตบไปที่หน้าของเขา
ตบไปเพียงฝ่ามือเดียวแต่ทำให้ชายคนนั้นล้มลงไปกับพื้นและลุกขึ้นมาอีกไม่ได้เลย
“ทำไมถึงไม่ฟังที่ฉันพูดบ้างเลย” ฉินเฉิงส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
ส่วนคนอื่นๆที่อยู่โต๊ะรอบๆต่างตกใจ แค่ฝ่ามือเดี๋ยวถึงกับสลบไปเลย?
“เห็นแล้วหรือยัง? ถ้าหากพวกนายกล้าที่จะมายุ่งกับฉันอีกหละก็ เดี๋ยวพวกนายก็จะได้เป็นแบบนี้กันทุกคน!” ฟางเสี่ยวเต๋อเดินออกมาและพูดอย่างสง่างาม
ชายที่มีรอยสักเหล่านั้นมองมาที่ฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “นี่นาย นายรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร? สำนักชิงหรง เคยได้ยินไหม?”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ฉันขอเตือนพวกนายเอาไว้ อย่ามารบกวนตอนที่ฉันกำลังกินข้าว”
ชายเหล่านั้นชี้มาที่ฉินเฉิงและพูดว่า “นายรอก่อน ถ้าแน่จริงก็อย่างหนี!”
พูดจบพวกเขาก็จากไป
“เฮ้ ถ้าฉันเก่งเหมือนนาย ฉันจะต้องฉีกปากของพวกนั้นออกมาเป็นชิ้นๆ!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาด้วยความไม่พอใจW
ฉินเฉิงถอนหายใจและพูดออกมาว่า “เธอนี่มันชอบสร้างปัญหาจริงๆ”
“เรื่องนี้จะมาโทษฉันไม่ได้นะ พวกเขาเป็นคนมายุ่งกับฉันก่อนเอง” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดพร้อมกับแลบลิ้นออกมา
ไม่นานพนักงานก็เดินเข้ามา
เขาพูดกับฉินเฉิงเบาๆว่า “น้องชาย ฉันว่านายรีบหนีไปเถอะ พวกเขาเป็นคนของสำนักชิงหรง นายสู้พวกเขาไม่ได้หรอก และร้านค้ารอบๆนี้ก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขา ต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้พวกเขาทุกเดือน แค่พวกเขาโทรกรี๊งด้วยก็เรียกคนมาได้เป็นร้อยๆคน!”
“ดุขนาดนั้นเลย? นี่มันสังคมอะไรกัน?” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้ดูท่าพวกเราคงจะต้องสั่งสอนพวกเขาสักหน่อย!”
พูดจบฟางเสี่ยวเต๋อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออกไป
เธอพูดออกไปด้วยเสียงที่งอแง “ลุงหยู่ ฉันถูกรังแกที่เมืองจิง ลุงจะว่ายังไง!”
ลุงหยู่พูดออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย “เสี่ยวเต๋อ เธอไปก่อเรื่องอะไรอีกหละ?”
ฟางเสี่ยวเต๋อพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันได้ก่อเรื่องที่ไหนกันหละ มีคนที่มาจากสำนักชิงหรงคนหนึ่งต้องการที่จะมาจับตัวฉันไป และบอกว่าจะจับฉันไปขาย ลุงจะเอายังไงอะ!”
ลุงหยู่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ขมวดคิ้วและถามออกมาว่า “นี่เธอพูดจริงใช่ไหม?”
“ก็จริงนะสิ!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกไปอย่างจริงจัง “เห้อ สาวน้อยที่น่าสงสารอย่างฉัน จะต้องถูกเอาตัวไปขาย น่าสงสารจริงๆ!”
ลุงหยู่เงียบไปทันที จากนั้นเขาพูดออกมาว่า “เอาที่อยู่มาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
“ขอบคุณคะ!” ฟางเสี่ยวเต๋อตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ ฉินเฉิงขมวดคิ้วออกมาและถามว่า “เธอโทรไปหาใคร?”
“เพื่อนของพ่อฉัน เป็นคนของสำนักงานความมั่นคง” ฟางเสี่ยวเต๋อส่งที่อยู่ไปให้เขาพร้อมกับพูดออกมา
ฉินเฉิงกางมือออกและพูดพึมพำในใจว่า “สำนักชิงหรงนี้โชคร้ายจริงๆที่มายุ่งกับปีศาจตัวน้อยคนนี้!”
จากนั้นไม่นาน รถของสำนักงานความมั่นคงก็ขับเข้ามาไกลๆ
มองไปรอบ รถทุกคันเต็มไปด้วยทหารมีปืน พร้อมกระสุนจริง และดูสง่างามมาก
“เฮ้ย นี่มัน…นี่มันจะเกินไปหรือเปล่า” แขกที่กินอาหารอยู่โต๊ะข้างๆอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“จะออกไปรบที่ไหน?”
“คราวนี้คงถึงคราวที่สำนักชิงหรงจะล่มสลายแล้ว….”
หลังจากที่รถจอดลง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“ลุงหยู่!” ฟางเสี่ยวเต๋อวิ่งไปหาเขาทันที
ลุงหยู่ลูบศีรษะฟางเสี่ยวเต๋อและพูดว่า “พวกมันอยู่ไหน?”
“ไม่รู้ เหมือนว่ากำลังจะกลับไปตามพวก” ฟางเสี่ยวเต๋อพึมพำออกมา “ลุงไม่รู้หรอก พวกมันโอหังมาก!”
ลุงหยู่พยักหน้าและพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรารออยู่ที่นี่ก่อน จะได้จัดการกับพวกมันทีเดียว”
จากนั้นลุงหยู่ก็หันกลับไปและตะโกนว่า “ทุกคนฟังคำสั่ง เตรียมตัวให้พร้อม!”
“ครับ!” ทุกคนรับคำสั่งพร้อมกัน ทำให้เกิดเสียงดังไปทั่วท้องถนน
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีรถหลายคันขับเข้ามา นั่นไม่ใช่ใคร พวกเขาก็คือคนของสำนักชิงหรง