“นอกจากจะดูอาการป่วยแล้ว ยังมีการทำนายดวงชะตา การดูดวง และศาสตร์หลายแขนงที่มีอยู่บนโลกใบนี้อีกด้วย!” จี้หงเซิงก็คุ้ยโม้ขึ้นมา
จากนั้นเค้าก็ถอนหายใจออกมา: “แน่นอนว่าเมืองเจียงใช้อำนาจของมณฑล มันก็เลยจัดขึ้นได้ปีละครั้งเท่านั้น มันไม่เหมือนเมืองใหญ่อย่างจิงตู เรื่องแบบนี้มันมีตลอด!
คำพูดเหล่านี้ มันก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ทรัพยากรของเมืองจินตูนั้นเหนือชั้นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยและตระกูลซูในฐานะตระกูลชั้นนำในเมืองจินตูเองก็สามารถเพลิดเพลินไปกับการใช้ทรัพยากรเหล่านี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฉิงก็มองไปที่จี้หงเซินแล้วถามว่า “การไปที่ถนนซานเซิง มันมีอะไรที่ยากลำบากไหม?”
“แน่นอน!” จี้หงเซิงพูดว่า “ไม่ว่าจะรวยหรือมีชื่อเสียง อย่างน้อยๆก็จะต้องเป็นคนที่มีหน้ามีตาในท้องถิ่น ไม่อย่างงั้นมันจะไม่วุ่นวาย?”
ฉินเฉิงถอนหายใจเล็กน้อย นี่มันก็ยังคงเป็นวังวนอย่างไม่รู้จบ
ยิ่งยืนได้สูงมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งได้ทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น
และคนธรรมดาพวกนั้น เค้าก็ไม่มีโอกาสเลย
“เอาหล่ะ คืนนี้ฉันจะไปกับนาย” ฉินเฉิงพยักหน้า
“เยี่ยมไปเลยครับ!” จี้หงเซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เค้าเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นที่มีค่อนข้างตรงไปตรงมา หลังจากที่รวยขึ้นมาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เค้ากำลังคิดที่จะปรับปรุงทรัพยากรที่เค้ามีแล้วกวาดซื้อขุมทรัพย์ทุกหนทุกแห่ง แต่ทุกคนกลับมองว่าเค้าเป็นคนโง่ นี่มันก็ไม่รู้เลยว่าเค้าต้องทนทุกข์มากแค่ไหนกัน
ครั้งนี้การไปร่วมงานวันเกิดนายท่านซู ถ้าเอาของปลอมไป เกรงว่าต่อไปมันก็จะไม่มีหน้าอยู่ในเมืองนี้อีกเลย
…
ในตอนกลางคืน จี้หงเซิงก็พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมารับฉินเฉิงไปที่ถนน ซานเซิง
เมื่อมองไปที่ลูกน้องที่แข็งแกร่งที่อยู่ข้างหลังเค้า ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วพูดว่า “นายจะไปซื้อของหรือว่าจะไปสู้กับใครกันแน่?”
“ผมก็แค่อยากจะดูมีบารมีก็เท่านั้น…” จี้หงเซิงลูบเข้าไปที่จมูกของเค้า
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาและพูดว่า: “ให้พวกเค้าทั้งหมดแยกย้ายกันไปซะ”
จี้หงเซินไม่กล้าขัดต่อคำพูดของฉินเฉิง เค้าโบกมือขึ้นมาในทันทีแล้วพูดว่า: “ทุกคนกลับไปซะ!”
“คุณฉิน จะให้ผมทำอะไรอีกไหมครับ” จี้หงเซิงถามขึ้นมาอย่างเคารพ
ฉินเฉิงนั่งอยู่บนรถ เค้าหลับตาลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”
รถขับไปตลอดทาง หลังจากนั้นไม่นานก็ไปถึงที่ถนนซานเซิง
ทันทีที่ลงจากรถ ฉินเฉิงก็รู้สึกแปลกๆ
ถนนซานเซิงสายนี้… มันดูแปลกไปหน่อย
สภาพแวดล้อมดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกลุ่มหลงอะไรบางอย่าง
“นายรู้สึกหายใจอะไรไม่ออกบ้างไหม?” ฉินเฉิงมองไปที่จี้หงเซิงแล้วถามขึ้นมา
จี้หงเซิงเกาหัวแล้วพูดว่า “ไม่นะครับ”
สีหน้าของฉินเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเขค้าก็กระซิบขึ้นมาว่า: “จำกัดกลกระบี่ของนักยุทธ์?”
มันมีความเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
เจ้าของถนนซานเซิงอาจจะไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยเค้าก็เป็นปรมาจารย์กลกระบี่
สภาพแวดล้อมของถนนซานเซิงนั้นสวยงามมาก มันมีอาคารเก่าแก่สองข้างทางแล้วก็ยังมีผู้สาวที่มีเสน่ห์ยืนอยู่บนสะพานเป็นครั้งคราว
ในตอนนี้มันก็เป็นเดือนมิถุนายนที่ดอกไม้บานสะพรั่ง ถนนซานเซิงทั้งสายก็ยิ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้
ถนนซานเซิงในปัจจุบันมีเต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นถนนคนเดิน ทันทีที่เดินเข้าไป ทั้งสองฝั่งของถนนก็เต็มไปด้วยโบราณวัตถุมากมาย
ฉินเฉิงไม่สนใจเรื่องนี้เลย ดังนั้นเค้าก็เลยไม่ได้มองดูอะไรมาก
จี้หงเซิงกลับมีตาที่เป็นประกาย เค้าคอยแต่ที่จะถามฉินเฉิงว่าจะซื้ออันไหนดี
ฉินเฉิงใช้นิ้วชี้ไปที่ชิ้นหยกเนื้อแกะสลักแล้วพูดว่า “หยกชิ้นนี้ ถ้าเอามันมาได้ด้วยราคาซักห้าล้านหยวน มันก็คุ้มกับเงินที่จ่ายไป การต่อรองราคามันก็ขึ้นกับนาย”
หลังจากหลอกล่อจี้หงเซิงได้แล้ว ฉินเฉิงก็รีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
สุดถนนซานเซิง มันมีหินอยู่ก้อนหนึ่ง มันเรียกว่าหินซานเซิง
ในวันธรรมดา คู่รักหนุ่มสาวจำนวนมากจะมาสาบานกันที่ก้อนหินซานเซิง ดังนั้นมันก็เลยมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
“ตระกูลเหล่ย เหล่ยหยุนมาแล้ว!” ในตอนนี้เอง ฝูงชนก็ตื่นตัวขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง ก็มองเห็นกลุ่มชายชกรรณ์ที่เดินเข้ามา
ออร่าของคนเหล่านี้มันทรงพลังมากแล้วคนที่อยู่รอบข้างก็ต้องหลบหลีกพวกเค้าเพราะกลัวว่าจะไปทำให้พวกเค้าไม่พอใจ
“ตระกูลเหล่ย! อัจฉริยะที่ได้รับเชิญจากสำนักงานความมั่นคงเมืองจิงตู คิดไม่ถึงเลยว่าเค้าจะมาที่นี่ด้วย!”
ในตอนนี้เอง ก็มีชายหนุ่มอีกคนที่มีภูมิหลังที่ใหญ่กว่าก็เดินเข้ามา!
“ทำไมเหรินกุ้ยอีถึงมาที่นี้ด้วย? ด้วยความสามารถของเค้าแล้ว เค้าควรไปที่เมืองจิงตู”
“ใช่แล้ว เมืองเจียงเป็นเพียงแค่สถานที่เล็กๆเท่านั้น อัจฉริยะแบบนี้มันจะไม่ดึงดูดผู้คนได้ยังไงกัน? มันเป็นไปได้ไหมว่าวันนี้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นถนนซานเซิง? หรือว่ามันมีของมีค่าที่ดึงดูดให้ตระกูลใหญ่พวกนี้เข้ามา?”
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคนแบบนี้ ฉินเฉิงก็เริ่มสนใจในตัวของเหรินกุ้ยอีขึ้นมา
ได้รับเชิญจากสำนักงานความมั่นคงเมืองจิงตู? แม้แต่ฉินเฉิงเองก็ยังไม่เจอกับอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!
ดูเหมือนว่าอายุของเหรินกุ้ยอีจะใกล้เคียงกับฉินเฉิง พลังปราณในร่างกายของเค้ามันก็เสถียรเป็นอย่างมาก เค้าเองก็มองไม่เห็นถึงความผันผวนของพลังภายในเหมือนกับคนทั่วๆไปเลย
“ตระกูลหยู หยูเหม่ยเหริน มาที่นี่แล้ว!” ในตอนนี้ เค้าก็ร้องอุทานขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดสีแดงพร้อมกับผมยาวที่พลิ้วไสวเดินเข้ามาภายใต้การดูแลของผู้คน
ทันทีที่เธอปรากฏตัวขึ้นมา มันก็ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันที แม้แต่เหริน กุ้ยอีกับเหล่นหยุนและคนอื่นๆเอง พวกเค้าต่างก็ยิ้มและทักทายเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามคนก็รวมตัวกัน หลายคนต่างก็จ้องมองไปที่พวกเค้า แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปราณี
ฉินเฉิงเหลือบมองไปไปที่หยูเหม่ยเหริน จากนั้นเค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในใจ
ผู้หญิงคนนี้เธอฝสวยงามมาก แต่เธอก็มีออร่าที่น่าขนลุกอยู่บนร่างกายของเธอ เธอเหมือนนักฆ่าสาวที่ส่งมาจากเมืองซวนหมิง
มันเป็นไปใอย่างที่คิดเอาไว้เลย ฉินเฉิงเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เค้าเองก็ไม่ต้องการมี่จะเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ เหตุผลที่เค้ามาที่ถนนซานเซิงในวันนี้อย่างแรกก็เพื่อมารู้จักที่นี่ อย่างที่สองก็มาลองเสี่ยงโชคดูว่าเค้าจะเจออะไรที่มีค่าไหม
“ฉินเฉิง ฉินเฉิง!” ในตอนนี้เอง ที่ไม่ไกลออกไปก็มีเสียงตะโกนที่ดังขึ้นมา
หลังจากนั้น เค้าก็มองเห็นฟางเสี่ยวเต๋อที่วิ่งเข้ามา
วันนี้ฟางเสี่ยวเต๋อเธอยังคงสวมกระโปรงสั้น ภายใต้แสงไฟที่สะท้อนขาของเธอก็ดูเป็นสีชมพู
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
ฟางเสี่ยวเต๋อพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า “งานแบบนี้ แน่นอนว่ามันจะขาดฉันไปได้ยังไงกัน!”
ที่ข้างๆเธอก็มีชายหนุ่มรูปงาม ฉินเฉิงเองก็ไม่เคยเจอเค้ามาก่อน
“เสี่ยวเต๋อ นี่ใครกัน?” ชายหนุ่มก็มองไปที่ฉินเฉิงแล้วถามขึ้นมา
ฟางเสี่ยวเต๋อก็พูดขึ้นมาอย่างหมดความอดทน: “นายไม่ได้ยินที่ฉันเรียกชื่อของเค้าไปแล้วเหรอ? ทำไมยังจะมาถามอีก?”
เด็กชายรูปงามก็ยิ้มขึ้นมา เค้าไม่โกรธ จากนั้นก็แนะนำตัวเอง: “สวัสดีครับ ผมชื่อเซียงหรง คนพวกนั้นเค้าเป็นเพื่อนของผมเอง”
จากนั้นก็มองเห็นเซียงหรงที่ชี้ไปที่เหรินกุ้ยที่อยู่ไม่ไกลออกไปด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อยในสายแววตาของเค้า
“โอ้” ฉินเฉิงพยักหน้าขึ้นมา การแสดงออกของเค้ามันดูไม่มีความผันผวนอะไรเลย
สิ่งนี้มันทำให้เซียงหรงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เค้าจับเข้าไปที่แขนของฟางเสี่ยวเต๋อ เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “ไปกันเถอะ เสี่ยวเต๋อ ฉันจะพาเธอไปทักทายเพื่อนๆของฉัน”
“ไม่ ถ้านายจะไปนายก็ไปเองสิ” ฟางเสี่ยวเต๋อพูด จากนั้นเธอก็กลอกตาใส่ เธอหันกลับมาแล้วคว้าเข้าไปที่แขนของฉินเฉิง เธอยิ้มแล้วพูดว่า: “ข้างหน้ามีหินซานเซิง ฉันจะพานายไปเอง!”
“หินซานเซิงมันมีอะไรน่าดูอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงก็ส่ายหัวขึ้นมา “ฉันไม่ไป”