เมื่อเค้าพูดออกมาแบบนี้ เต้าเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “คุณฉิน คุณดูถูกผมมากไปหรือเปล่า แม้ว่าผมจะไม่สามารถเทียบกับคุณในเรื่องของเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุได้ แต่ผมก็มีประสบการณ์มาหลายปีและมั่นใจในการรักษาโรค”
เมื่อเต้าเฉิงพูดออกมาแบบนี้ เค้าก็ดูภูมิใจไม่น้อย
เค้ามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในความเป็นมืออาชีพของเค้า
ฉินเฉิงส่ายหัวไม่พูดอะไร
สิ่งนี้มันก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินเฉิงคนนี้ มันหยิ่งเกินไปไหม? คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง?
“เฮ้ ต่อให้ฉินเฉิงนี่จะมีความสามารถแค่ไหนก็ตาม เค้าก็เป็นแค่เด็กหนุ่มที่อายุยี่สิบปีก็เท่านั้น ความสามารถของเค้ามันก็ไม่ได้ไกลเกินไปกว่านั้นเลย” เต้าเฉิงคิดกับตัวเอง
“เงินนี้เก็บไว้ให้ดีก็แล้วกัน” ฉินเฉิงคืนบัตรธนาคารให้เต้าเฉิง เค้าเหลือบดูเวลาแล้วพูดว่า: “ถึงเวลากินข้าวแล้วยัง? ฉันหิวแล้วนิดหน่อย”
เซินอี้เมิ้งรีบพูดขึ้นมาว่า: “ผมจะให้คนไปเตรียมอาหารเย็นในทันที!”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเค้าก็นั่งลงบนโซฟาแล้วหลับตาลงราวกับว่ากำลังนั่งสมาธิ
เต้าเฉิงเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อ เค้าหันหลังแล้วเดินลงบันไดไป
หลังจากนั้นไม่นาน เซินอี้เมิ้งก็เดินขึ้นมา เค้าเคาะประตูแล้วพูดว่า: “คุณฉิน กินข้าวเถอะค่ะ!”
ตั้งแต่พ่อแม่ของเธอหายจากอาการป่วย เฉิงอี้เมิ้งก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เพื่อเป็นการขอบคุณเต้าเฉิง ตระกูลเซินได้เตรียมอาหารเย็นเป็นอย่างดี
ฉินเฉิงก็มองแล้วลองชิมรสของอาหารตะวันออกเฉียงเหนือ
“คุณเต้า ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน” พ่อของเซินอี้เมิ้ง เซินเฉิงผิงก็ยิ้มไปพูดไป
หลังจากนั้น เค้าก็ลุกขึ้นแล้วยกแก้วเหล้าให้กับฉินเฉิงและพูดว่า: “ต้องขอโทษที่รบกวนเวลาของคุณฉิน”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร คุณเซินไม่จำเป็นต้องสุภาพมากหรอก”
เซินลั่วก็พูดติดตลกว่า: “คุณฉินเป็นคนตลก เมื่อวานเค้าก็ล้อเล่นกับเราแล้วบอกว่าตระกูลเซินของเรามันมีของสกปรกอยู่”
“ใช่แล้ว คุณฉินบอกว่าทั้งสองคนป่วยเพราะของสกปรกนั่น” เซินเฉิงเจิ้งยิ้มแล้วพูดว่า “พูดตามจริง ฉันเองก็ใช้ชีวิตมามากแล้ว ฉันก็ยังเป็นสิ่งที่เรียกว่าของสกปรกนั่นอยู่”
ฉินเฉิงเคาะโต๊ะแล้วพูดว่า: “คุณเซินจริงจังมากเลยนะ? นายจะเจอมันจริงๆเหรอ?”
“ครับ” เซินเฉิงเจิ้งพูดว่า “เฮ้ น่าเสียดายที่ดวงผมแข็ง ผมเองก็อยู่มานานกว่าสี่สิบปีแล้ว คุณว่ามันจะทำอะไรคนได้ไหม?”
“ไม่ต้องรีบร้อน” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าคุณอยากเห็นก็มีโอกาส”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนที่อยู่บนโต๊ะก็ขมวดคิ้วทันที
เห็นได้ชัดว่าพวกเค้าไม่พอใจกับคำพูดของฉินเฉิง ใครจะจะไปรู้ว่าการเจอเข้ากับของสกปรกนี่มันจะทำให้โชคร้าย นี่มันคือการสาปแช่งของตระกูลอย่างงั้นเหรอ?
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ฉันจะขึ้นไปพักผ่อนสักหน่อย”
หลังจากที่ฉินเฉิงจากไปแล้ว เซินเฉิงผิงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า: “คุณฉินคนนี้ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ค่อยชอบเข้าสังคมซะเท่าไหร่นะ เค้าดูพูดไม่ค่อยเก่งจริงๆเลย”
“ครับ” เซินเฉิงเจิ้งพูดต่อว่า “การพูดมันเป็นศิลปะ เห็นได้ชัดว่าเค้าไม่เข้าใจมันเลย”
ในความคิดของพวกเค้า มันเป็นเรื่องจริง แต่พวกเค้าไม่รู้ว่าในความคิดของฉินเฉิง ฉินเฉิงไม่จำเป้นต้องสนใจความรู้สึกของพวกเค้าเลย อยากพูดอะไรก็พูดออกไป มันก็แค่นั้น
“คุณเต้า ห้องถูกจัดไว้ให้แล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่สนามบินเอง” จากนั้นเซินลั่วก็พูดพร้อมกับรอยยิ้ม
เต้าเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดวว่า: “งั้นก็ต้องรบกวนคุณเซินด้วย”
ในตอนนี้เอง เซินเฉิงผิง พ่อของเซินอี้เมิ้งก็โบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันเวียนหัวนิดหน่อย โอ้ย นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ดื่มไปนิดหน่อยก็เมาเลย ”
“ฉันเองก็เวียนหัวนิดหน่อย” ในตอนนี้เอง ติงเจี่ยแม่ของเซินอี้เมิ้งก็ลูบเข้าไปที่หัวของเธอในทันที
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ ทั้งห้องมันก็เงียบลงทันที
“ไม่ใช่แล้ว น้อง พวกน้องยังไม่ได้ดื่มเหล้าเข้าไปเลยนะ จะเวียนหัวได้ยังไงกัน?” เซินเฉิงเจิ้งก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ติงเจี่ยงงงวย: “ใช่เหรอ ฉันยังสงสัยอยู่เลย อาหารเวียนหัวนี่ มันเหมือนว่าจะดื่มมากไป หรือว่ามันจะเป็นเพราะว่านอนมานานมากไป”
“เอาล่ะ พวกเธอคุยกับคุณเต้าไปก่อน พวกเราขอกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะ” เซินเฉิงผิงก็โบกมือขึ้นมา
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกไปด้วยกันแล้วเข้าไปในห้องนอน
พวกเค้าพึ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ทันใดนั้นก็มีเสียง “ตุบ” ดังขึ้นมาแล้วทั้งสองคนก็ล้มลงกับพื้นในทันที!
“พ่อ แม่!”
“ลุงรอง!”
สีหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนไปในทันที พวกเค้ารีบถามอย่างกังวลว่า: “เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ทั้งคู่หลับตาสนิท ริมฝีปากของพวกเค้าเป็นสีม่วง พวกเค้าไม่พูดอะไรเลยซักคำ
“ครบดีเต้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เซินเฉิงเจิ้งรีบถามขึ้นมา
เต้าเฉิงรีบเดินเข้ามา เค้าก้มลงแล้วสัมผัสชีพจรของทั้งสองคน จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “แปลกจัง ทำไมชีพจรของทั้งสองคนถึงอ่อนมากขนาดนี้”
เค้าหยิบยาเม็ดอีกสองเม็ดออกมาจากกระเป๋าของเค้าแล้วยัดเข้าปากของทั้งสอง แต่รอบนี้มันก็ไม่มีผลอะไรเลย ชีพจรของทั้งสองเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ และพวกเค้าไม่ได้สติอะไรเลย!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เต้าเฉิงยังคงสับสนเล็กน้อย
“คุณเต้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” เซินเฉิงเจิ้งถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
เต้าเฉิงเกาหัวแล้วพูดว่า “อย่าพึ่งกังวลไป ผมเองก็ไม่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน…”
ทันทีที่พูดจบ มันก็มีลมพัดผ่านประตูเข้ามา จากนั้นประตูห้องก็ปิดลง!
“ตึง..”
โคมระย้าในห้องก็สั่นไหวไปมา ชั้นวางหนังสือมันก็สั่นไปหมด
อุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหัน มันหนาวเย็นถึงกระดูกในทันที!
ฉากแปลกๆนี้เอง เซินเฉิงเจิ้งก็กลัวมากจนตัวสั่นในทันที ปากของเค้ามันก็สั่นขึ้นมาในทันทีแล้วพูดว่า: “ไม่… มันคงจะไม่ใช่สิ่งที่คุณฉินพูดใช่ไหม…”
เต้าเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เค้าก็ไม่ได้กลัวอะไรมาก
ในฐานะหมอยาตำหนักเทพโอสถ ฉากแบบนี้เค้าจะไปเคยเจอมาก่อนได้ยังไงกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น เค้ายังเป็นเจ้าแห่งพลังปราณ
“ฮู้ววววว!”
ลมที่พัดเข้ามาอีกครั้ง ลมนี้มันพักผ่านผิวหนัง มันคมกริบราวกับมีด! มันทำให้พวกเค้าทั้งหมดมีบาดแผลในทันที!
เต้าเฉิงรีบเรียกพลังปราณของเค้าขึ้นมา เค้าพยายามต่อต้านกับมัน แต่ก็พบว่าพลังปราณของเค้ามันถูกควบแน่น มันดูเหมือนกับกระดาษสีขาวแล้ว “ฉับ” มันถูกตัดขาดไปในทันที!
“วู้วววว!”
ลมพัดไปมา คราวนี้มันเหมือนกับมีดที่ฆ่าคน!
แม้แต่เต้าเฉิงเองก็ยังมีเลือดออก เค้าถอยหลังออกครั้งแล้วครั้งเล่า!
“ช่วย…ช่วยด้วย!” เซินเฉิงเจิ้งเป็นคนแรกที่ตกใจ ร่างของเค้าเต็มไปด้วยเลือดในทันที!
เซินอี้เมิ้งเองก็กลัวมาก เธอกลัวจนอยู่นิ่งกลับที่แล้วปล่อยให้ลมพัดผ่านร่างของตัวเอง!
“วู้ววววว!”
ปราณสีดำที่ดูเหมือนใบมีดคม มันก็ทำให้เซินอี้เมิ้งขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที!
“เสี่ยวเมิ้ง!” เซินลั่วก็จ้องมองแล้วตะโกนออกมาอย่างเป็นกังวล
เค้ารีบวิ่งไปทางเซินอี้เมิ้งแล้วพยายามปกป้องน้องสาวของเค้า แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าเซินอี้เมิ้งกำลังจะถูกฟัน ทันใดนั้นเอง ผ่ามือหนึ่งก็ยื่นเข้ามา!
ด้วยคลื่นจากฝ่ามือนี้เอง ดาบที่ฟันเข้ามามันก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วนในทันที!