เซินอี้เมิ้งพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า: “ได้…ได้ยินหมดแล้ว”
“อย่างงั้นตอนนี้จะต้องทำยังไง?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา
เซินเฉิงเจิ้งรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้จะไปเชิญอาจารย์มา!”
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย: “เด็กนี่ก็เกิดมาแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบบอสเซินยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อีกเหรอ”
เซินเฉิงเจิ้งปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเค้า เค้าพยักหน้าแล้วพูดว่า: “คุณฉิน พวกเรารู้ว่าจะต้องทำยังไง…”
ฉินเฉิงตอบตกลง พลังที่เค้าเพิ่งปล่อยออกมามันมากเกินไป ตอนนี้มันก็เลยทำให้เค้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
เค้าบิดเอวแล้วพูดว่า “ฉันง่วงนอนแล้ว ขอขึ้นไปนอนก่อนนะ”
ทันทีที่เค้าเดินขึ้นบันไดไป เต้าเฉิงก็ตามเค้าขึ้นไป
เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า: “คุณฉิน คุณนี่มีฝีมือจริงๆเลย ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะสามารถจัดการกับผีปีศาจได้ด้วย!”
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ฉันทำไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องถ่อนตนหรอกครับ ถ้าคุณทำไม่ได้ อย่างงั้นก็ไม่มีใครในโลกนี้ทำได้แล้วครับ!” เต้าเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา
ฉินเฉิงไม่อธิบายอะไร เค้าไม่รู้วิธีจับผีปีศาจอะไรจริงๆ แต่เค้าใช้วิธีที่ง่ายที่สุด: ก็คือการชกด้วยหมัดเท่านั้น
หลังจากกลับมาที่ชั้นบน ฉินเฉิงเผลอหลับลึกไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฉินเฉิงก็พร้อมที่จะรับเงินแล้วจากไป
ตระกูลเซินได้เตรียมเงินไว้แล้ว แม้ว่าเงินหนึ่งพันล้านหยวนจะเป็นเงินจำนวนมากมหาศาล แต่พวกเค้าก็ไม่กล้าที่จะหักเงินอะไรเลย ดังนั้นพวกเค้าทำได้เพียงแค่ยอมจ่ายเงินหนึ่งพันล้านหยวนไปอย่างเชื่อฟัง
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่างงั้นฉันก็ขอตัวก่อน” ฉินเฉิงรับบัตรธนาคารแล้วพูดว่า “คุณเซิน รบกวนคุณช่วยเอารถไปส่งผมที่สนามบินด้วย”
เซินเฉิงเจิ้งเดินเข้ามาอย่างเขินอาย เค้าถูมือแล้วพูดว่า: “คุณฉิน ทำไมคุณถึงรีบร้อน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะมาที่นี่ จะ… จะอยู่ที่นี่ต่ออีกซักวันไหมครับ พวกเราจะได้มีโอกาสได้ขอบคุณคุณฉินด้วย…”
“ไม่ต้องหรอก” ฉินเฉิงพูดขึ้นมา
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็เดินออกไป
เซินเฉิงเจิ้งกัดฟัน เค้ารีบวิ่งตามไปแล้วพูดอย่างขมขื่นว่า: “คุณฉิน คุณรอปรมาจารย์มาจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปได้ไหมครับ ผม…ผมกลัวจริงๆ ว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก.. . ”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “นายไม่ได้อยากจะทุบหัวเค้าด้วยหมัดอย่างงั้นเหรอ?”
“ผม… ผมแค่พูดไปงั้น…” เซินเฉิงเจิ้งยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น
ฉินเฉิงคิดอยู่ซักพัก จากนั้นเค้าก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “เอาสิ จะช่วยแล้วก้ต้องช่วยให้ถึงที่สุด อย่างงั้นฉันก็จะอยู่ต่ออีกซักวัน แต่ฉันจะให้เวลานายแค่วันเดียวเท่านั้นนะ”
“ไม่ต้องห่วง แน่นอนครับ!” เซินเฉิงเจิ้งก็รีบพยักหน้าขึ้นมา
วันนี้ ท่าทีของตระกูลเซินที่มีต่อฉินเฉิงมันก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่พวกเค้าจะให้คนใช้คอยอยู่ทุกที่ทุกเวลาเท่านั้น แต่พวกเค้ายังจัดห้องนอนใหญ่เพื่อรับรองฉินเฉิงอีกด้วย
ในตอนบ่าย ตระกูลเซินก็ตามปรมาจารย์ไปเพื่อจัดการ พวกเค้าทิ้งฉินเฉิงกับเต้าเฉิงไว้ที่บ้านตระกูลเซินตามลำพัง
“คุณฉิน เรื่องของตำหนักเทพโอสถ คุณคิดว่า…” เต้าเฉิงถามขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจ “ผมได้รายงานเกี่ยวกับความสามารถของคุณแล้ว ผู้อาวุโสของตำหนักเทพโอสถสนใจคุณมาก!”
ฉินเฉิงคิดอยู่ซักพักแล้วพูดว่า: “ไปดูแล้วค่อยว่ากัน”
เต้าเฉิงพูดว่า: “คุณฉิน คุณว่างเมื่อไหรก็ ไปที่ตำหนักเพทโอสถได้ตลอดเลยนะครับ ผมจะรอคุณอยู่ที่นั่น!”
“อืม” ฉินเฉิงคิดอยู่ซักพัก ช่วงนี้เค้าเองก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ เค้าเองก็สามารถฝึกฝนได้ทุกที่ทุกเวลา อย่างงั้นเค้าก็เลยตอบตกลง
ปรมาจารย์ท่านนี้ทำอยู่เกือบสามชั่วโมงกว่าเค้าจะร่ายมนต์เสร็จ ในตอนใกล้ค่ำ ฉินเฉิงก็มองขึ้นไปบนฟ้า เค้ามองดูมนต์ดำที่ค่อยๆสลายไป ในที่สุดเค้าก็โล่งใจ
ในตอนนี้เอง พ่อแม่ของเซินอี้เมิ้งก็ฟื้นขึ้นมา แม้ว่าพวกเค้าจะดูอ่อนแอเล็กน้อย แต่พวกเค้าก็ไม่ได้รู้สึกมึนงงอะไรอีกต่อไป
“นีมันเรื่องอะไรกัน? ทำไมฉันถึงเป็นลมไปอีก” เซินเฉิงอันก็ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นมา
เซินลั่วกับเซินเฉิงเจิ้งก็วิ่งเข้ามาแล้วอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“คุณไม่รู้เลยสินะ ฉากนั้นมันน่ากลัวมากจริงๆ!” เซินเฉิงเจิ้งก็พูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณฉิน เกรงว่าเรื่องคืนนั้นคงจะไม่มีใครจัดการได้!”
เมื่อเซินเฉิงอันรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากการทำแท้งของเธอ เธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า: “อันที่จริงเรื่องนี้ฉันก็ยอมแพ้ไปนานแล้ว หลายปีที่ผ่านมาเราใช้มาหลายวิธี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
“ถ้าไม่ใช้เพราะคุณฉินอยู่ที่นี่ เราก็คงทำอะไรไม่ได้!” เซินเฉิงเจิ้งก็รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เซินเฉิงอันก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวว่า: “มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว อย่างงั้นก็ไม่ควรที่จะเข้มงวดอีกต่อไป”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย เซินเฉิงอันคิดได้แล้ว
ในตอนเย็น ตระกูลเซินก็ได้เตรียมอาหารค่ำมื้อใหญ่เพื่อเป็นการขอบคุณฉินเฉิง
“เสี่ยวเมิ้ง ดื่มเป็นเกียรติให้กับคุณฉินซักแก้ว เค้าไม่เพียงแต่ช่วยให้เธอรอดเท่านั้นนะ แต่เค้ายังช่วยตระกูลซูของเราเอาไว้ด้วย!” เซินเฉิงอันก็พูดขึ้นมา
เซินอี้เมิ้งก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมา เธอหน้าแดงแล้วพูดว่า “คุณฉิน ฉันขอดื่มให้กับคุณ”
ฉินเฉิงก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเหลือบมองไปที่เซินอี้เมิ้ง เมื่อพวกเค้าสบตากัน ใบหน้าของเซินอี้เมิ้งก็แดงกร่ำขึ้นมาในทันที
เธอไม่กล้าที่จะมองไปที่ฉินเฉิงเลย ดังนั้นเธอก็เลยรีบหันหน้าหลบไปทางอื่น
ฉินเฉิงส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อย เค้าเทเหล้าในแก้วทิ้งและลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันอิ่มแล้ว ขอไปนอนหละกัน”
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็ขึ้นไปที่ข้างบนในทันที
หลังจากที่ฉินเฉิงจากไป ที่ห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงแค่คนของตระกูลเซินก็เท่านั้น
เซินลั่วก็วิ่งเข้าไปที่ด้านข้างของเซินอี้เมิ้ง เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “น้องสาว พี่ถามหน่อยนะ เธอคงจะไม่ได้สนใจฉินเฉิงเข้าให้แล้วใช่ไหม?”
เซินอี้เมิ้งหน้าแดงแล้วรีบปฏิเสธขึ้นมาว่า: “พี่ชาย พี่กำลังพูดเรื่องบ้าอะไร! ฉันกับคุณฉินก็ไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ พวกเราพึ่งจะเจอกันได้แค่สองครั้งเองนะ…”
“ฮ่าฮ่า เธอโกหกคนอื่นได้ แต่โกหกพี่ไม่ได้หรอกนะ!” เซินลั่วหัวเราะขึ้นมา “ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา สาวงามมักหลงรักวีรบุรุษ มันไม่มีใครหนีความจริงข้อนี้ไปได้!”
อย่างที่เซินลั่วพูด ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ฉินเฉิงเป็นราวกับเทพเจ้าที่จุติมาบนโลก เค้าทำให้หัวใจของเซินอี้เมิ้งเต้นแรงขึ้นมา
แต่เธอรู้สึกเสมอว่าฉินเฉิงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย เค้าไม่เคยมองมาที่เธอเลยด้วยซ้ำ
“น้องสาว ฉันจะบอกเธอให้นะ ฉินเฉิงคนนี้เค้าอาจจะได้เป็นผู้อาวุโสแห่งจำหนักเทพโอสถ! เธอรู้ไหมว่านี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” เซินลั่วยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าว่าแต่เป็นผู้อาวุโสเลย ต่อให้เป็นหมอยาคนหนึ่ง ความสามารถของเค้าก็ไม่มีใครเทียบได้เลย! เค้าเป็นราวกับท้องฟ้าเลยนะ!”
“ถ้าเธอได้แต่งงานกับฉินเฉิง นี่มันจะต้องเป็นเรื่องดีกับตระกูลเซินของเราเป็นอย่างมาก!” เซินลั่วก็หัวเราะขึ้นมา
เซินลั่วนี่ก็ลืมไปแล้วว่าเมื่อวันก่อนเค้าเป็นคนที่เข้าไปเตือนฉินเฉิงว่าอย่ามายุ่งกับน้องสาวของตัวเอง แต่ตอนนี้เค้ากลับกลายเป็นคนที่หน้าด้านแล้วผลักดันน้องสาวของตัวเองซะเอง
ไม่เพียงแต่เซินลั่วเท่านั้นที่มีความคิดนี้ ทุกคนในตระกูลเซินต่างก็มีความคิดแบบนี้
“น้องสาว ในเมื่อเธอเองก็ชอบเค้าแล้วมันก็ดีสำหรับตระกูลเซินของเรา อย่างงั้นเธอจะต้องมากังวลเรื่องอะไรอีก มันไม่มีอะไรที่จะสูญเสียแล้ว!” เซินลั่วก็รีบตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อน
ด้วยคำพูดแบบนี้เอง เซินอี้เมิ่งก็ถูกล่อลวงเล็กน้อย เธอก็กระซิบถามขึ้นมาว่า: “แต่… เค้าจะมองมาที่ฉันเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า น้องสาว เธอกังวลเกินไปแล้ว” เซินลั่วพูดอย่างมั่นใจเป็นอย่างมาก “ดูจากหน้าตาของน้องสาวของฉันแล้ว ผู้ชายคนไหนจะไปทนได้?”
เซินอี้เมิ้งก็กัดริมฝีปากสีแดงของเธอ เธอดูมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก: “เอาล่ะ ฉันจะลองดู”
…
ในตอนนี้เอง ในตอนที่ฉินเฉิงกำลังนั่งสมาธิอยู่บนโซฟา
มันก็มีเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมาจากด้านนอก
“คุณฉิน หลับแล้วยัง?” เซินอี้เมิ้งยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู เธอถามขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ