ผู้เฒ่าทั้งสี่เดินออกมาอยู่ด้านหน้าของฉินเฉิงด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
ใบหน้าของฉินเฉิงยังคงสงบนิ่ง แต่พลังวิญญาณด้านในของเขาได้เพิ่มขึ้นไปถึงขีดสุดตั้งนานแล้ว
“ตู้มมม!” จู่ๆหนึ่งในผู้อาวุโสก็โจมตีออกไปโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น!
หมัดนี้รุนแรงมาก มันเต็มไปด้วยแรงแห่งจิตวิญญาณที่ควบแน่น!
ผู้ที่อ่อนแอจะถูกลมที่เกิดขึ้นมาจากหมัดของเขาพัดจนล้มลงทันที!
ฉินเฉิงไม่ได้ร้อนรนแต่อย่างใด เขายกมือของเขาขึ้นมาช้าและต่อยออกไป!
“ปึ้งงง!”
ทันทีที่หมัดทั้งสองปะทะกัน ก็มีเสียงเหมือนเหล็กปะทะกันเกิดขึ้น! และพื้นดินที่อยู่รอบๆก็เกิดเป็นหลุมขนาดใหม่!
ผู้อาวุโสของ ตำหนักเทพโอสถถอยกลับไปสองสามก้าวด้วยความสง่างาม เขายกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ไหนออกมาจากปากของเขา!
ส่วนทางด้านของฉินเฉิงนั้นตรงกันข้าม เขายังคงยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม!
เมื่อทุกคนเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
เจ้าหนุ่มคนนี้ มีฝีมือถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
ส่วนผู้โดยสารสองคนที่นั่งมากับเขาก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกเสียวสันหลัง
โชคดีที่เมื่อกี้พวกเขาไม่ได้โจมตีฉินเฉิง ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะถูกหมัดนี้เล่นงานเอาก็ได้
“เจ้าเด็กนี้แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ” หยูฉงชือเหลือบตามองและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ตอนที่อยู่บ้านของตระกูลหลิน ฉินเฉิงยกเป็นแค่เด็กอมมือ ถูกคนอื่นกลั่นแกล้งไปทั่ว
ไม่เจอกันไม่กี่ปีเขาแข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ลงมือพร้อมกันเลย!” หยูฉงชือสั่งออกมา
เหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากัน จากนั้นก็ค่อยๆก้าวออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ในตอนนั้นมีชายชราสวมชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาจาก ตำหนักเทพโอสถ
เมื่อหยูฉงชือและคนอื่นๆเห็นชายชราคนนั้นต่างก็มีสีหน้าที่ตกใจ รีบโน้มตัวลงและพูดออกมาว่า “สวัสดีค่ะ ผู้อาวุโสใหญ่!”
ชายชราพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น “ก่อความวุ่นวายขึ้นที่หน้าตำหนักเทพโอสถเลยหรอ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไง!”
หยูฉงชือรีบอธิบายออกมา “ผู้อาวุโสใหญ่ เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าอะไรดีหรืออะไรผิด เขาดูถูก ตำหนักเทพโอสถของพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแถมยังทำให้คนเฝ้าประตูของเราต้องบาดเจ็บ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสอนบทเรียนให้เขา!”
“จริงเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่เธออย่างเยือกเย็น จากนั้นก็พูดออกมาว่า ” ตำหนักเทพโอสถเป็นแขกที่ทาง ตำหนักเทพโอสถของพวกเราเชิญมา เขาจะมาต่อว่า ตำหนักเทพโอสถของพวกเราได้ยังไง! โกหกกันซึ่งๆหน้า คิดว่าฉันตาบอดมองอะไรไม่เห็นหรือไง!”
สีหน้าของหยูฉงชือเปลี่ยนไปทันที
ฉินเฉิงคือแขกคนสำคัญที่ผู้อาวุโสใหญ่เชิญมา?
สาวหญิงสาวตระกูลหลินทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆก็อ้าปากค้าง
ฉินเฉิงจะมีความสัมพันธ์กับ ตำหนักเทพโอสถได้อย่างไร? มณฑลปินโจวอยู่ห่างจากที่นี่ตั้งหลายพันกิโลเมตร!
“สวัสดีครับผู้อาวุโสใหญ่” ฉินเฉิงเอนตัวและพูดออกมา
ผู้อาวุโสใหญ่เดินลงมา จากนั้นก็กล่าวขอโทษ “ขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณตกใจ”
“ไม่เป็นไรครับ” ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไป
ผู้อาวุโสใหญ่ผายมือและพูดออกมาว่า “เชิญด้านใน!”
ฉินเฉิงตอบตกลง จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่หลินชิงเฉิง การดูถูกในดวงตาของเขาไม่ได้ปกปิด
หลินชิงเฉิงกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ เธอกัดฟันและพูดออกมาว่า “เขาจะเป็นแขกของทาง ตำหนักเทพโอสถไปได้อย่างไร! แบบนั้นฉันจะไม่ถูกตบไปฟรีๆหรอกเหรอ?”
“พี่ ฉันว่าใช้โอกาสนี้ในการขอโทษเขาไม่ดีกว่าเหรอ?” ในตอนนั้นจู่ๆหลินชิงชือก็พูดออกมา “ที่จริงเรื่องในตอนนั้น เรื่องที่ตระกูลหลินของพวกเราทำกับเขาไว้ พวกเราควรจะไปขอโทษเขามากกว่า….”
ตอนนี้หลินชิงชือก็อายุยี่สิบปีแล้ว และเธอมีความสามารถของในการแยกแยะ
ยิ่งไปกว่านั้นฉินเฉิงเองก็เคยช่วยชีวิตเธอมาถึงสองครั้ง ถ้าหากไม่มีฉินเฉิง เกรงว่าเธอคงจะตายไปตั้งนานแล้ว
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ!” หลินชิงเฉิงกัดฟันและพูดออกมา “ตระกูลหลินของพวกเราเลี้ยงเขามาจนโต ทำไมต้องไปขอโทษเขาด้วย? ฉันจะบอกเธอเอาไว้ วันหลังไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้กับฉันอีก!”
“พี่สาวของเธอพูดถูกแล้ว” หยูฉงชือพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น “ฉินเฉิงเป็นแค่คนรับใช้ในบ้านของตระกูลหลิน พวกเรามีเหตุจำเป็นอะไรต้องไปขอโทษเขา?”
หลินชิงชืออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เธอรู้ว่าเธอพูดอะไรกับสองคนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเงียบ
“แม่ รีบหาวิธีเร็ว ช่วยฉันสั่งสอนเขา!” หลินชิงเฉิงเกาะแขนของหยูฉงชือและพูดออกมาด้วยความโกรธ
หยูฉงชือหรี่ตาลง “ไม่ต้องรีบ เมื่ออยู่ที่นี่ ฉันมีวิธีจัดการกับเขาตั้งมากมาย!”
“แต่ว่า….เขาเป็นแขกของผู้อาวุโสใหญ่ ผู้เฒ่าเหล่านั้นคงไม่ฟังคำสั่งของแม่แล้ว…” หลินชิงเฉิงพูดออกมาด้วยความกังวล
หยูฉงชือหันไปมองที่เธอและพูดออกมาว่า “ฉันอยู่ที่ ตำหนักเทพโอสถมาตั้งนานแล้ว เธอคิดว่าฉันอยู่ที่นี่เฉยๆหรือยังไง?”
สำหรับ ตำหนักเทพโอสถ สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่พลังของสถานที่ แต่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขา
ไม่รู้ว่ามีปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ตั้งมากมายเท่าไหร่ที่ใช้ความสัมพันธ์ของตัวบุคคลเข้ามาที่ ตำหนักเทพโอสถแห่งนี้ หยูฉงชือในฐานะที่เธอเป็นผู้อาวุโสของที่นี่ แน่นอนว่าเธอจะต้องรู้จักกับคนพวกนั้นไม่น้อย
“ฉินเฉิง อีกไม่นานนายจะต้องเสียใจ!” หลินชิงเฉิงพูดออกไปด้วยความแค้น
……
ที่ ตำหนักเทพโอสถ ในห้องของผู้อาวุโสใหญ่ ฉินเฉิงกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามของผู้อาวุโสใหญ่
“นี่คือชาที่ฉันใช้สมุนไพรกว่าร้อยชนิดในการผลิตมันขึ้นมา ฉินเฉิงนายลองชิมมันดูหน่อยสิ” ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มและพูดออกมา
ฉินเฉิงชิมไปอึกเดียวร่างกายของเขาก็สดชื่นขึ้นมาทันที
“สุดยอดชา!” ฉินเฉิงชื่นชมมันอย่างมาก
ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะออกมา “ถ้าคุณชอบหละก็ ฉันมอบเป็นของขวัญเอาให้คุณไปทานที่บ้าน!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่มาครับ!” ฉินเฉิงประสานมือและพูดออกมา
หลังจากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็มองมาที่ฉินเฉิงด้วยใบหน้าที่จริงจังและพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ มีเรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าควรจะบอกนายดีไหม”
“ผู้อาวุโสใหญ่เชิญบอกมาได้เลยครับ” ฉินเฉิงตอบกลับไป
“เทคนิคการกลั่นยาแห่งรากฐานของคุณ คุณไปเอามันมาจากที่ไหน?” ผู้อาวุโสใหญ่จ้องไปที่ฉินเฉิงและถามออกมา
ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับไปว่า “ได้มาโดยบังเอิญ”
ผู้อาวุโสใหญ่รู้ว่าฉินเฉิงไม่อยากพูด ดังนั้นเขาจึงไม่ทำต่อ
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อคุณ แต่มันยากมากที่ชายหนุ่มอายุเพียงแค่นี้จะมีเทคนิคกลั่นยาที่สุดยอดขนาดนั้น”
ฉินเฉิงหัวเราะและพูดออกไป “ผู้อาวุโสใหญ่ ถ้าหากว่าคุณไม่เชื่อหละก็ ฉันทำให้คุณดูต่อหน้าเลยก็ได้นะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ดีมากเลย!” ผู้อาวุโสใหญ่เลิกคิ้วขึ้นทันที เขาคิดแบบนั้นอยู่แล้ว แต่แค่ไม่อยากที่จะพูดออกไป
ในตอนที่ฉินเฉิงพูดออกมาแบนั้นทำให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“เอาอย่างนี้ไหม ท่านเจ้าสำนักเขาออกไปทำธุระด้านนอก อีกไม่น่าจะเกินสามวันเขาน่าจะกลับมาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนายก็ลองกลั่นยาแห่งรากฐานต่อหน้าเขาเลยแล้วกัน นายคิดว่าเป็นยังไง?” ผู้อาวุโสใหญ่ถามออกมา
ฉินเฉิงพยักหน้า “ได้ครับ”
กลิ่นหอมของยาอบอวยไปทั่ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับการเพาะปลูก และฉินเฉิงจะไม่ปฏิเสธมันโดยธรรมชาติ
หลังจากได้รับคำตอบที่แน่ชัด ผู้อาวุโสใหญ่ก็หัวเราะออกมาดังลั่น “ดี ถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ คุณมีความต้องการอะไรก็ขอให้บอกท่านเจ้าสำนักไปด้วยตัวเองเลยแล้วกัน!”
หลังจากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็ไปจัดเตรียมห้องให้กับฉินเฉิง
สถานที่ที่ ตำหนักเทพโอสถตั้งอยู่นั้นกว้างใหญ่ ใหญ่กว่าคฤหาสน์ตระกูลเซินเล็กน้อย
หมอยาทั่วไปอยาศัยอยู่ที่ด้านบนของอาคาร ส่วนเหล่าผู้อาวุโสจะมีบ้านแยกตัวออกไป
ผู้อาวุโสใหญ่คนนี้เองก็เป็นคนละเอียดมาก ห้องที่เขาจัดให้กับฉินเฉิงเป็นห้องแบบเดียวกับผู้อาวุโส คือเป็นห้องแยกออกไปเดี่ยวๆ
ไม่เพียงแค่นั้น ผู้อาวุโสใหญ่นังสั่งให้คนเฝ้าประตูมาเฝ้าประตูให้กับฉินเฉิงอีกสองคน
” ตำหนักเทพโอสถแห่งนี้น่าสนใจทีเดียว” ฉินเฉิงพึมพำออกมา
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพยักหน้าและพูดออกมาว่า “ใช่ครับ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันมีชื่อเสียงในสังคมมากมายขนาดนี้”
“แต่น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้รับคนของตระกูลหลินเข้ามา” ฉินเฉิงรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้าของหลินชิงเฉิง
ในขณะนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูมาจากข้างนอก
หลังจากนั้นก็เห็นศีรษะของหลินชิงชือโผล่เข้ามา