หลังจากที่มองเห็นฉินเฉิงแล้ว หลินชิงชือก็กระโดดเข้ามา
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “เธอมาที่นี่ทำไม?”
หลินชิงชือกลอกตาและพูดว่า “ทำไม ฉันเข้ามาไม่ได้เหรอ?”
“มีเรื่องอะไร รีบพูดมาเถอะ” ฉินเฉิงถามออกไปด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
“นายต้อนรับฉันแบบนี้เหรอ?” หลินชิงชือถามกลับมา
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “คนของตระกูลหลิน สำหรับฉันแล้วมันไม่เหลือความรู้สึกอะไรอยู่เลย”
“นี่นาย!” หลินชิงชือถูกฉินเฉิงทำให้โกรธขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นเธอก็โบกมือและพูดออกมาว่า “เอาเถอะ ฉันถือว่าเราไม่รู้จักันแล้วกัน แต่ฉันมีเรื่องจะบอกนายเรื่องหนึ่ง!”
“แม่กับพี่สาวของฉันได้ออกไปด้านนอกเพื่อหามีสังหารมาจัดการกับนายแล้ว มีสองทางให้เลือก ทางแรกก็คือนายรีบหนีออกไป อีกทางก็คืออยู่แต่ที่นี่ห้ามออกไปจาก ตำหนักเทพโอสถ เข้าใจไหม?” หลินชิงชือพูดออกมา
ฉินเฉิงจ้องไปที่หลินชิงชือแล้วถามออกมาว่า “เธอใช่หลินชิงชือคนนั้นหรือเปล่า? หรือว่าถูกผีที่ไหนเข้ามาสิง?”
“นายพูดอะไรของนาย!” หลินชิงชือกลอกตา “ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะว่าอยากจะคืนบุญคุณที่นายเคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้ แบบนี้จะได้ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณกับนาย”
ฉินเฉิงหัวเราะออกไปแต่ไม่ได้พูดอะไร
“นายจำเอาไว้ให้ดีนะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน แม่ของฉันอยู่ที่นี่มานาน เธอค่อนข้างจะมีอำนาจ” หลินชิงชือพึมพำออกมา “ก็เท่านี้แหลั!”
หลังจากที่พูดประโยคสุดท้ายเสร็จ หลินชิงชือก็วิ่งออกไป
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ามองไปที่เงาหลังของหลินชิงชือและพูดออกมาว่า “คุณฉิน ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลวเลยนะครับ”
“ไม่เลว?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “นี่เป็นเพราะว่านายยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอทำอะไรกับฉันเอาไว้บ้าง”
ตอนที่อยู่บ้านของตระกูลหลิน หลินชิงชือคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง เรื่องอะไรก็ใช้ให้ฉินเฉิงเป็นคนทำ และแต่ละเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมฉินเฉิงถึงออกมาจากบ้านของตระกูลหลิน
เรื่องแบบนี้ฉินเฉิงจะลืมมันได้อย่างไง?
“เห้อ เด็กๆมันก็ทำผิดพลาดกันได้เป็นเรื่องธรรมดา กลับตัวได้มันก็ดีแล้ว” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถอนหายใจและพูดออกมา
ฉินเฉิงหลับตาลงและไม่ได้พูดอะไร
เนื่องจากเจ้าสำนักของ ตำหนักเทพโอสถกว่าจะกลับมาก็อีกตั้งสามวัน ดังนั้นฉินเฉิงจึงไม่ออกไปไหน เขาใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในห้องเพื่อฝึกฝนตัวเอง
จิตแห่งมังกรมอบให้แก่ฉินเฉิงนั้นมหาศาล แทบไม่ต้องทำอะไรเลย มันจะดูดซับออร่าโดยอัตโนมัติและรอโอกาสที่ก้าวข้ามขั้นไปเท่านั้น
ควบคู่ไปกับกลิ่นหอมของยาที่ลอยอยู่ในอากาศจาก ตำหนักเทพโอสถ ทำให้วันต่อมาฉินเฉิงก็ข้ามขั้นไปแล้ว
เขาเลื่อนขึ้นมาจากเดิมหนึ่งขั้นกลายมาเป็น ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ระดับสอง
ถึงแม้ว่ามันจะห่างกันแค่ขั้นเดียว แต่ความแตกต่างนั้นมากกว่าที่เราจะหยั่งถึง
ฉินเฉิงสัมผัสกับร่างกายของตัวเองและพึมพำออกมาว่า “ถ้าหากทำตามความเร็วนี้ ก่อนสิ้นปีอาจมีความหวังที่จะทะลวงไปสู่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ระดับกลาง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับการใช้จิตแห่งมังกรเพื่อข้ามไปสู่ขั้นของจอมยุทธ์”
ถ้าหากต้องการที่จะเอาชนะซูหยู่ ดูเหมือนว่าจะต้องใช้วิธีอื่น
……
ด้านนอกของ ตำหนักเทพโอสถ หยูฉงชือกำลังยืนอยู่ด้านหน้าของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่สองคน
ทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ชื่อของพวกเขาคือ หงอี หงเอ้อ
พลังของทั้งสองคนอยู่ในระดับของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากพวกเขาทั้งสองร่วมมือกันก็จะไปอยู่ในขั้นสูงสุดของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
“ผู้อาวุโสหยู ไม่ทราบว่าที่คุณมาหาพวกเราทั้งสองนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” หงอีพูดออกมาด้วยความเกรงใจ
หยูฉงชือจ้องไปที่ทั้งสองคนและพูดออกมาว่า “ฉันต้องการให้พวกนายฆ่าคนคนหนึ่งให้ฉัน”
“ฆ่าคน?” หงเอ้อขมวดคิ้วขึ้นมา “ฆ่าใคร?”
“เขาชื่อว่าฉินเฉิง เป็นแค่หนูน้อยที่ไม่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง” หยูฉงชือพูด
“หนูน้อยที่ไม่มีชื่อเสียง?” หงอีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ผู้อาวุโสหยู ตามที่พวกเรารู้มา ฉินเฉิงคนนี้เป็นแขกของ ตำหนักเทพโอสถของคุณไม่ใช่เหรอ? ถ้าฆ่าเขา พวกเราจะไม่เป็นศัตรูกับ ตำหนักเทพโอสถหรอกเหรอ?”
“เพียงเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้เขาได้ท้าทายคนอย่างตงเทียนหนาย คนแบบนี้จะเป็นหนูที่ไม่มีชื่อเสียงได้อย่างไร?” หงเอ้อพูดออกมา
หยูฉงชือมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ฉันไม่ได้ใช้พวกนายฟรีๆ ขอแค่พวกนายฆ่าฉินเฉิงได้ ฉันจะให้ยาอรหันต์กับพวกนายสองเม็ด”
“ยาอรหันต์?” ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน และแสงแห่งความตื่นเต้นก็ปรากฎออกมาจากดวงตาของพวกเขา
ยาอรหันต์นี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มพลังอะไรได้มากมาย แต่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งและลดความอ่อนแอได้
สำหรับนักต่อสู้แล้ว ยิ่งร่างกายแข็งแกร่งเท่าไหร่ โอกาสรอดก็ยิ่งมากขึ้น ดังนั้นยาอรหันต์จึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนอย่างพวกเขาได้!
“4 เม็ด” ในตอนนั้นจู่ๆหงอีก็พูดออกมา
หยูฉงชือขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เธอพูดออกมาว่า “คิดจะต่อรองกับฉันอย่างนั้นเหรอ? ถ้าพวกนายไม่ทำ ฉันก็จะไปหาคนอื่นก็เท่านั้น”
พูดจบหยูฉงชือก็เดินจากไป
สีหน้าของหงอีเปลี่ยนไปทันที เขารีบดึงแขนของหยูฉงชือเอาไว้ ยิ้มและพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสหยู ฉันก็แค่ล้อเล่นเอง ทำไมคุณต้องโกรธด้วย…”
“จะรับหรือไม่รับ?” หยูฉงชือถามออกมา
“ได้ 2 เม็ด ก็ 2 เม็ด!” หงอีจับไปที่แขนของเขาและพูดออกมาว่า “แต่ว่า…คุณคงจะมีวิธีเรียกฉินเฉิงออกมาด้านนอกใช่ไหม คงไม่ใช่ว่าให้พวกเราบุกเข้าไปฆ่าใน ตำหนักเทพโอสถใช่ไหม?”
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” หยูฉงชือพูดออกมา “4 ทุ่มของวันนี้ พวกนายมารอด้านนอกได้เลย ฉันจะพาเขาออกมาเอง”
“โอเค!” พี่น้องหงทั้งสองคนพยักหน้าตอบตกลง
…..
ในตอนกลางคืน ฉินเฉิงนั่งอยู่ในลาน ดื่มชาที่ผู้อาวุโสให้เป็นคนให้เขามา พร้อมกับชมความงดงามของดวงจันทร์ มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
“คุณฉิน คุณคิดว่าตงเทียนหนานจะส่งคนมาฆ่าพวกเราหรือไม่?” ในตอนนั้นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถามออกมา
ฉินเฉิงหันไปมองเขาและพูดออกมาว่า “ฉันไม่ค่อยรู้จักกัยตงเทียนหนาน นายเป็นลูกศิษย์ของเขา นายคงจะเข้าใจมากกว่าฉันมั้ง”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าจับไปที่คางของตัวเอง “เขาไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่พักนี้ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจแล้ว…”
ฉินเฉิงโบกมือและพูดออกมาว่า “ช่างมันเถอะ ไว้มีเวลาว่างเราค่อยไปที่บ้านตระกูลตงกัน”
ในตอนนั้นฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา รอยยิ้มอันเย้ยหยันก็ปรากฎออกมาที่มุมปากของเขา
“ตงเทียนหนานจะส่งคนมาหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆหยูฉงชือได้ส่งคนมาแล้ว” ฉินเฉิงหรี่ตาลงและพูดออกไป
ญานแห่งการหยั่งรู้ของเขาทำงานทันทันที รับรู้ได้ถึงตัวตนของหงอีกับหงเอ้อที่อยู่หน้าประตู
“ทั้งาองคนเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นแปด?” ฉินเฉิงลุกขึ้น “หยูฉงชือคนนี้จะดูถูกเขาเกินไปหรือเปล่า”
ทันทีที่เสียงของฉินเฉิงเงียบลง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันที
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์ของหลินชิงเฉิง
รอยยิ้มปรากฎขึ้นมาที่มุมปากของฉินเฉิง จากนั้นเขาก็รับโทรศัพท์
หลังจากที่รับสายโทรศัพท์แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของหลินชิงเฉิงพูดออกมาอย่างน่าสงสาร “ฉินเฉิง ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่กำลังลงโทษพวกเราอยู่ เขาบอกว่าต้องให้นายเป็นคนยกโทษให้พวกเราเท่านั้น ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สามารถกลับไปที่ ตำหนักเทพโอสถได้อีก นาย…นายจะยกโทษให้พวกเราได้ไหม?”
“ได้สิ” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไป
หลินชิงเฉิงที่ปลายสายโทรศัพท์ดีใจมาก เธอเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดว่า “งั้นดีมากเลย ฉันจะรอนายอยู่ที่หน้าประตูของ ตำหนักเทพโอสถนะ ฉันได้นำยาหลายชนิดออกมาจากด้านใน ถือว่าเป็นของขวัญให้กับนาย นายรีบออกมานะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆของ ตำหนักเทพโอสถจะมาเห็นพวกเราเขา!”
ฉินเฉิงหรี่ตาลงและพูดออกไปอย่างเยือกเย็น “ได้ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”