ในตอนเช้าตรู่ จุดชมวิวที่ถูกทิ้งร้างในเมืองปีนัง
ในตอนนี้ สถานที่แห่งนี้มันก็ถูกปิดกั้นโดยผู้คนที่มาจากสมาคมศิลปะการต่อสู้และผู้ที่จะสามารถเข้าไปได้ล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์ที่มีฝีมือขึ้นไปเท่านั้น
เฝิงกง เจ้าแห่งลมปราณหูและแม้แต่ปรมาจารย์หลายคนจากต่างเมือง พวกเค้าก็มาที่นี่
“เจ้าแห่งลมปราณหู นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน” ตงเทียนหนานก็นั่งอยู่ในศาลา เค้าพูดขึ้นมาเบา
เจ้าแห่งลมปราณหูก็เดินเข้าไปแล้วกล่าวทักทายเค้า: “คุณตง ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เจอกันนี่มันก็ผ่านมาสิบปีแล้วนะ”
ตงเทียนหนานก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า : “ฉันได้ยินมาว่านายกับฉินเฉิงสนิทกันมาก?”
สีหน้าของเจ้าแห่งพลังปราณหูก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้าก็รีบอธิบายขึ้นมา: “ฉินเฉิงกับฉันต่างก็มาจากเมืองปีนัง เราเป็นคนบ้านเดียวกัน คุณตง คุณ … ”
ตงเทียนหนาน ปัดมือขึ้นมาเพื่อขัดจังหวะเค้าแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า : “ว่ากันว่าย่านเจียงตงนี่มันก็เป็นสถานที่ๆอ่อนแอมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าวันนี้มันจะไม่เป็นอย่างงั้น น่าขำจริง เมืองปีนังใหญ่โตขนาดนี้ ให้เด็กมามีอำนาจเหนือกว่าอย่างงั้นเหรอ”
เจ้าแห่งหลังปราณหูกับเฝิงกงก็เงียบ แม้ว่าในใจพวกเค้าจะไม่พอใจ แต่นี้มันก็เรื่องจริง
“เมื่อฉันฆ่าฉินเฉิงนี่ได้แล้ว ทั้งสองก็ก้มหัวให้ฉันก็แล้วกัน จากนั้นก็เรียกฉันว่าเจ้าเมือง” ตงเทียนหนานวางแก้วน้ำในมือของเค้าลง เค้าพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย
สีหน้าของเจ้าแห่งพลังปราณหูกับเฝิงกงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเค้าไม่ค่อยพอใจซะเท่าไหร่
หากตงเทียนหนานคนนี้ต้องการเข้าสู่เมืองปีนังจริงๆ อย่างงั้นทั้งสองก็ไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย!
“ทำไม ไม่เต็มใจ?” ตงเทียนหนานก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ทันใดนั้นเองพลังของเค้ามันก็ระเบิดออกมาในทันที
“ไม่… ผมไม่กล้า” เจ้าแห่งพลังปราณหูกับเฝิงกงก็รีบพูดขึ้นมา
ตงเทียนหนาน ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วปัดมือขึ้นมา: “ออกไปซะ”
“ครับ…” ทั้งสองรีบถอยออกไปแล้วก็ไปยืนอยู่ห่างกว่าร้อยเมตร
“ตงเทียนหนานคนนี้ก็มีอายุเกินห้าสิบปีแล้ว ทำไมจู่ๆ เค้าถึงทะเยอทะยานแบบนี้?” เจ้าแห่งลมปราณหูก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมา
เฝิงกงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ตงเทียนหนานไม่เคยมีชื่อเสียงมากขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ฉันหวังว่าฉินเฉิงจะเอาชนะเค้าได้” เจ้าแห่งพลังปราณหูก็ถอนหายใจออกมา
เฝิงกงไม่พูดอะไร ท่าทีของเค้ามันดูซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ลูกชายทั้งสองของเค้าเสียชีวิตด้วยเงือมมือของฉินเฉิง การจะบอกว่าเค้าไม่มีความแค้นอะไรเลย มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าตงเทียนหนาน เข้ามาเป็นใหญ่ได้ ต่อไปตระกูลเฝิงก็อาจจะต้องเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว
“ทั้งหมดนี่ ให้มันจบลงให้เร็วที่สุดเถอะ” เฝิงกงถอนหายใจออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
…
นักท่องเที่ยวจำนวนมากมารวมตัวกันใกล้กับจุดชมวิว
นักท่องเที่ยวเหล่านี้มาที่นี่โดยเฉพาะ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเค้ายังด้อยอยู่ พวกเค้าก็เลยทำได้เพียงแค่ยืนอยู่นอกประตูแล้วเฝ้าดูจากระยะไกลเท่านั้น
“เฮ้ นายรู้ไหมว่าคุณฉินอะไรนั้นเค้าหน้าตาเป็นยังไร ฉันได้ยินมาว่าเค้ายังเด็กมาก!” เด็กสาวก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ชื่นชม
“ไม่รู้นะ ฉันได้ยินมาว่าเค้าหย่าแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเตะออกมาจากตระกูลนะ”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง ผู้ชายดีๆแบบนี้จะถูกเตะออกมาอย่างงั้นเหรอ นี่มันเกินไปหน่อยมั้ง?”
“คงจะดีไม่น้อยถ้าฉันได้แต่งงานกับเค้า!” เด็กสาวพูดด้วยแววตาที่โหยหา
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิง ฉูเป่ยชวนกับคนอื่นๆก็ค่อยๆเดินเข้ามา
ซูวานจับแขนของฉินเฉิง ฉูเป่ยชวนกับชายที่มีแผลเป็นก็เดินตามมา
“นี่คือฉินเฉิง” ชายหนุ่มที่ทางเข้าก็ชี้ไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมา
เด็กสาวรีบหันไปมอง เมื่อเธอเห็นซูวานที่อยู่ข้างๆฉินเฉิง ภาพในใจของเธอก็แตกสลายไปในทันใด
“เห้อ คนดีๆอย่างเค้า ผู้หญิงรอบตัวเค้าก็คงไม่ใช่น้อยอย่างแน่นอน” หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
การมาถึงของฉินเฉิงมันก็ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาในทันที
และนักข่าวจากสมาคมศิลปะการต่อสู้ก็วิ่งเหยาะๆเข้าไป
“คุณฉิน นี่เป็นครั้งที่สองที่เราได้เจอกัน” นักข่าวคนนี้เธอเป็นผู้หญิงใส่แว่น เธอดันกรอบแว่นตาแล้วพูดว่า: “ครั้งก่อนงานหมั่นของคุณกับตระกูลซู ฉันก็เป็นคนสัมภาษณ์”
ฉินเฉิงเหลือบมองเธอ จากนั้นเค้าก็เหลือบมองป้ายชื่อที่หน้าอกของเธอ เค้าพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ฉันจำได้”
ผู้หญิงคนนี้ชื่อมู่รั่วได้ยินมาว่าเธอเป็นลูกสาวของบอสใหญ่ในเมืองจิงตู เธอหลงใหลในศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก
มู่รั่วพูดว่า “คุณฉิน วันนี้นัดของคุณกับตงเทียนหนาน มันร้อนระอุมากเลย พวกเค้าไม่มองคุณเลย คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
“ไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น แค่ดูว่าเจ้านายของฉันจะจัดการกับไอ่เจ้าลูกมานั่นยังไงก็พอ!” ฉูเป่ยชวนก็รีบไปคว้าไมค์เข้ามา
มู่รั่วก็มองไปที่ฉูเป่ยชวนด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า: “คุณฉูเป่ยชวนใช่ไหม? ตอนนี้ผู้คนในเว็บไซต์ศิลปะการต่อสู้ก็ตั้งชื่อเล่นให้คุณว่า หมาบ้ากันคน คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้? ”
“ก็ไม่คิดยังไง ยังไงฉันก็เหนือกว่าพวกเค้า!” ฉูเป่ยชวนก็พูดขึ้นมาอย่างเสียดสี
“ทุกคนรีบดูเร็ว รายการออนไลน์มาแล้ว!”
“ต่อยมัน ต่อยมันเร็วเข้า อย่าปล่อยมันหนีไป!”
“หมาบ้ากัดคน วันนี้แกตายแน่!”
กลุ่มคนก็วิ่งไปหาฉูเป่ยชวนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อฉูเป่ยชวนเห็นท่าไม่ดี เค้าก็รีบพูดขึ้นมาว่า: “เอาล่ะ อาจารย์ อย่างงั้นผมเข้าไปรอคุณข้างในก่อนนะ!”
หลังจากพูดประโยคนี้แล้ว เค้าก็รีบวิ่งหนีเข้าไปด้านใน
มู่รั่วอดหัวเราะไม่ได้เลย เธอถือไมโครโฟนแล้วพูดขึ้นมาอย่างงจริงจังว่า: “คุณฉิน คุณช่วยแสดงความคิดเห็นของคุณได้ไหมค่ะ?”
ฉินเฉิงยืนเอามือไขว้หลัง แววตาของเค้ามันดูราวกับคบเพลิง
เค้าพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า : “ตงเทียนหนานกำลังมองหาที่ตาย”
โห!
ทันทีที่เค้าพูดออกมาแบบนี้ ผู้ชมต่างก็โกลาหลขึ้นมาในทันที!
การต่อสู้ครั้งนี้มันก็ยิ่งดังระเบิดกว่าเดิม!
ฉินเฉิงนี่มันโอหังไปแล้ว! ลูกศิษย์เป็นยังไง อาจารย์ก็เป็นอย่างงั้น!
“คุณฉิน ตงเทียนหนานเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ความแข็งแกร่งของคุณหละคะ อยู่ขั้นไหลแล้ว?” มู่รั่วก็ดันแว่นตาของเธอแล้วถามขึ้นมา
“ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสอง” ฉินเฉิงตอบตามความจริง
“ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสอง… ความแตกต่างนี่มันดูเยอะไม่น้อยเลยนะคะ” มู่รั่วพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณฉินคงจะไม่ได้มีอาวุธวิเศษอะไรที่เอาชนะเค้าใช่ไหมค่ะ?”
ฉินเฉิงโบกมือแล้วพูดว่า: “การสัมภาษณ์พอแค่นี้หละกัน หลังจากที่ฉันฆ่าตงเทียนหนานแล้ว ฉันจะมาให้คุณสัมภาษณ์ต่อ”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็เดินไปยังจุดชมวิว
“อาจารย์ ฉินเฉิงอมาแล้วครับ” ฝ่ายของตงเทียนหนาน ลูกศิษย์สองคนของเค้าก็โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนี้ ตงเทียนหนานก็ลุกขึ้นยืนในทันที
พลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของเค้ามันก็กวาดไปที่ร่างของฉินเฉิงในทันที
“ปรมาจารย์ขั้นผู้ยิ่งใหญ่ขั้นที่สองอย่างงั้นเหรอ?” ตงเทียนหนานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “เป็นการหลอกลวงจริงๆเลย แค่สามวัน ความแข็งแกร่งของมันก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย ยังมีหน้ามาพูดจาสามหาวใส่ฉันอีก!”
“อาจารย์ เค้ากำลังเดินเข้ามาหาเรา!” ในตอนนี้เอง ลูกศิษย์ของเค้าก็พูดขึ้นมา
ตงเทียนหนานนั่งเงียบบนม้านั่งหินแล้วดื่มน้ำชา
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ฉินเฉิงก็เดินมาที่ตรงหน้าของตงเทียนหนานพร้อมนักข่าวจากสมาคมศิลปะการต่อสู้ที่รีบตามมา
“เวลาแค่สามวัน แกก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยหนิ” ตงเทียนหนานพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย
ฉินเฉิงไม่สนใจคำพูดของเค้าแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “เสี่ยวเหม่ยบอกว่านาบเป็นคนชอบธรรมแล้วก็ยังไม่ใช่คนชอบสร้างปัญหา คิดๆดูแล้วน่าจะมีคนให้นายมาเอาชีวิตฉันนะ”
“แล้วยังไง” ตงเทียนหนานก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “ฉันคิดถึงความสัมพันธ์ของนายกับเสี่ยวเหม่ยนะ ฉันให้โอกาสนายได้นะ บอกฉันมาว่าใครต้องการฆ่าฉันแล้วฉันจะไม่ฆ่านาย”