ในสายเลือดนี้ พวกเค้ามีผู้พิทักษ์อยู่ทั้งหมดแปดคน แต่ละคนล้วนแล้วแต่อยู่ในขอบเขตของจอมยุทธ์
ทั้งแปดคนนี้ก็คือคนที่ตระกูลซูเอาตัวออกมาจากคุก
พวกเค้าแต่ละคนต่างก็เป็นบุคคลที่ทรงพลังแล้วก็ไม่มีใครในโลกที่สามารถสู้พวกเค้าได้เลย แต่น่าเสียดายที่ต่อมาพวกเค้าก็ถูกจับกุมแล้วหายตัวไปจากโลก
แต่มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทั้งแปดคนนี้ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขราวกับพระเจ้า ตราบใดที่ตระกูลซูยังอยู่ดี พวกเค้าก็จะยังคงมีความสุขแบบนี้อยู่ตลอดไป
การต่อสู้ระหว่างฉินเฉิงกับตงเทียนหนานก็กำลังเล่นบนหน้าจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ในห้องประชุมของตระกูลซู
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดมองหน้าจออย่างตั้งใจเพราะกลัวว่าจะพลาดรายละเอียด
เสียวหยู่เชี้ยนไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้เลย เธอเอนตัวอยู่บนเก้าอี้แล้วก็แทบจะเผลอหลับไป
“การต่อสู้ข้ามขั้นเจ็ดแบบนี้ ฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลย” หนึ่งในผู้พิทักษ์ก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ในตอนนั้น เย่อซิงหยุนก็แค่ขั้นสี่เท่านั้น ตอนนี้เค้าโดดเด่นมากแล้วก็ยังเด็กมากด้วย นี่ความสำเร็จของเค้าต่อไปมันจะไม่เหนือกว่าเย่อชิงยุนอีกเหรอ?”
เมื่อพูดถึงชื่อเย่อชิงยุน สีหน้าของคนพวกนี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
พวกเค้ากลัวเย่อชิงยุนเป็นอย่างมากเพราว่าทั้งแปดคนถูกจับโดยเย่อชิงยุน
“เค้าทำมันได้ยังไงกัน? แม้แต่ปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญในด้านการฝึกแบบเหิง ร่างกายของเค้าก็ไม่มีวันเทียบกับจอมยุทธ์ได้เลาย”
“ร่างกายของเด็กคนนี้มันน่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กกล้า เมื่อเทียบกับพวกเราแล้ว มันก็คงน่าจะระดับกันเลย”
หลายคนเงียบ พวกเค้าจ้องมองที่หน้าจอ แววตาของพวกเค้าหรี่ลงเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน! กรอกลับไปสามวิก่อนหน้านี้!” ในตอนนี้เอง จู่ๆผู้พิทักษ์ก็ตะโกนขึ้นมา
คลิปบนหน้าจอก็หยุดลงทันทีแล้วกรอย้อนกลับไปสามวิก่อนหน้านี้
ผู้พิทักษ์ก็รีบหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วซูมภาพเข้าไป
ในภาพซูมแบบนี้ รายละเอียดบนร่างกายของฉินเฉิงมันก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย ภายในช่วงเวลาสั้นๆนี้เอง ผู้พิทักษ์ก็เห็นสิ่งที่น่าสงสัย
“พวกนายเคยเห็นมันมาก่อนไหม กระดูกของเด็กคนนี้มันเป็นสีทองอ่อน!” ผู้พิทักษ์ร้องอุทานขึ้นมา
ในคลิปวิดีโอนี้ เนื้อและเลือดของฉินเฉิงถลอกฉีกเป็นชิ้นๆ มันเผยให้เห็นถึงกระดูก
กระดูกชิ้นนี้ดูไม่ต่างจากคนทั่วไปมากนัก สีเหลืองอ่อนที่ผู้พิทักษ์พูดนั้นมันก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมาก
แม้แต่ผู้พิทักษ์เอง ก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เห็นความแตกต่าง
“ทองอ่อนเหรอ มันน่าจะเป็นปัญหาของคลิปนะ” ผู้พิทักษ์คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา
ผู้พิทักษ์อาวุโสก็ส่ายหัวขึ้นมาอย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า “ดูให้ดีสิ สีทองนี้มันครอบคลุมเนื้อและเลือดของเค้า! แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่ก็พอจะเห็นได้ว่ามันแตกต่างไปจากคนอื่น!”
“ทองอ่อน? ผู้พิทักษ์อาวุโส หมายความว่าอย่างไร” ผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ขมวดคิ้ว
ผู้พิทักษ์ผู้ยิ่งใหญ่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า: “ฉันเคยทิ้งหนังสือโบราณไว้เล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้มันมีเขียนเกี่ยวกับร่างกายที่พิเศษแบบนี้”
“กายพิเศษ?” ผู้พิทักษ์เหลือบมองหน้ากัน
พวกเค้าเคยได้ยินเกี่ยวกับกายพิเศษนี้มามาก อย่างเช่น ร่างหยางบริสุทธิ์ที่มีชื่อเสียงและร่างหยินบริสุทธิ์ที่เป็นวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ของการปลูกถ่ายพลัง
“ขอถามหน่อยครับผู้พิทักษ์อาวุโส ผมไม่รู้ว่ากายพิเศษนี่มันเป็นแบบไหนกัน?” ผู้พิทักษ์หลายคนก็ถามขึ้นมา
ผู้พิทักษ์อาวุโสก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “ร่างนี้มันคล้ายกับร่างจินซวนที่เขียนไว้ในหนังสือโบราณมาก…”
ร่างจินซวน?
ผู้พิทักษ์หลายคนมองหน้ากัน พวกเค้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน!
พวกเขามองไปที่ผู้พิทักษ์อาวุโสด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าพวกเค้ากำลังรอให้ผู้พิทักษ์อาวุโสพูดต่อ
ผู้พิทักษ์อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “ตามหนังสือ ร่างนี้แข็งแกร่งมาก ยากที่จะคนที่อยู่ในระดับเดียวกันจะสู้ได้ เมื่อมันยิงโตขึ้น มันจะไม่มีใครสามารถสู้เค้าได้เลย! เพียงแต่ไม่มีใครเคยเจอมันมาก่อน”
“ผู้พิทักษ์อาวุโส หนังสือเล่มนั้นในบ้านของคุณ มันเป็นแค่นวนิยายหรือเปล่า?” ผู้พิทักษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ใช่แล้ว พวกเราเองก็อยู่บนโลกนี้มาแล้วหลายสิบปี ทำไมพวกเราไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับร่างของจินซวนเลย”
ผู้พิทักษ์อาวุโสเงียบลง แต่ในความเป็นจริงแล้วเค้าเองก็ไม่แน่ใจกับความคิดของเค้าเหมือนกัน
หนังสือในบ้านของเค้ามันเป็นหนังสือที่เก่ามาก ดังนั้นเรื่องความถูกต้องของหนังสือเล่มนี้มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยืนยันมัน
“หากสิ่งที่บันทึกในหนังสือเล่มนี้มันเป็นความจริง ฉินเฉิงคนนี้ก็เห็นที่ว่าจะเก็บมันไว้ไม่ได้แล้ว” ผู้พิทักษ์อาวุโสก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ในตอนที่พูดอยู่นี้เอง เสียวหยู่เชี้ยนก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
เธอกวาดมองไปทางพวกเค้าแล้วพูดว่า: “ท่านผู้พิทักษ์ทุกท่าน คุณเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนไหม?”
พวกผู้พิทักษ์ก็บอกกับเสียวหยู่เชี้ยนถึงข้อสรุปจากการพูดคุยของพวกเค้าในทันที
เสียวหยู่เชี้ยนก็รู้สึกเป็นกังวล หลังจากได้ฟังคำพูดของผู้พิทักษ์แล้ว เธอก็ลุกขึ้นแล้วสั่งทันทีว่า: “เก็บฉินเฉิงเอาไว้ไม่ได้แล้ว ต้องส่งคนไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้”
“แต่… นายหญิง ฉินเฉิงกับคุณชายช่วงนี้พวกเค้าก็มีนัดประลองกันอยู่ หากคุณลงมือในตอนนี้ ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมนะครับ” ผู้พิทักษ์คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา
“ชื่อเสียงกับคนในครอบครัว อะไรสำคัญกว่ากัน?” ผู้พิทักษ์อีกคนหนึ่งก็แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป
จากนั้นพวกเค้าแต่ละคนต่างก็เถียงกันถึงความคิดเห็นของตัวเอง
ในตอนนี้เอง จู่ๆก็มีคนเดินเข้ามานอกประตู
หลังจากเห็นคนๆนี้แล้ว ทุกคนก็ลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับพร้อมกับพูดว่า: “อาจารย์โจว!”
คนๆนี้เค้าก็คืออาจารย์ของซูหยู่ โจวติ่ง
เมื่อพูดถึงพลังและความแข็งแกร่งของโจวติ่งแล้ว เค้ามีพลังมาก มันมากจนแม้แต่หัวหน้าของตระกูลซูเองยังต้องแสดงความเคารพต่อเค้า
“อาจารย์โจว คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?” เสียวหยู่เชี้ยนก็พูดขึ้นมา
โจวติ่งพูดออกมาเบาๆว่า: “ซูหยู่เค้าเป็นลูกศิษย์ของฉัน โจวติ่ง เค้าไม่คู่ควรกับเด็กอมมือนั่นเลยด้วยซ้ำ หรือว่าพวกเธอกำลังดูถูกฉัน?”
สีหน้าของทุกคนก็ตกตะลึง ผู้พิทักษ์ก็พยายามที่จะอธิบาย
แต่เสียวหยู่เชี้ยนก็ขัดจังหวะพวกเค้าด้วยการปัดมือของเธอ
“ทั้งหมดนี่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอาจารย์โจว” เสียวหยู่เชี้ยนโค้งคำนับ
โจวติ่งพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ซูหยู่กำลังจะออกมา ฉันได้เตรียมคู่ต่อสู้เอาไว้ให้เค้าแล้ว คู่ต่อสู้พวกนี้เป็นคนที่เก่งมากในเมืองจิงตู”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์โจว!” เสียวหยู่เชี้ยนก็รีบพูดขึ้นมา
โจวติ่งไม่อยู่ที่นี่นาน หลังจากพูดจบแล้ว เค้าก็ออกไปจากบ้านตระกูลซูในทันที
…
ในเวลาเดียวกัน ประตูบ้านของฉินเฉิงมันก็แทบจะพัง
ตั้งแต่ที่ฉินเฉิงเอาชนะตงเทียนหนานได้ เค้าก็ดังมาก ทุกวันก็จะมีคนเข้ามาหาเค้าตลอด
“พวกเราไปที่เมืองหลวงกันไหม?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างลำบากใจ
“พอดีเลยเราก็ไปเยี่ยวนายท่านซูด้วย” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
ซูวานพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
ดังนั้นในวันนี้พวกเค้าก็ออกจากมณฑลปินโจวแล้วตรงมาที่เมืองเจียง
ในตอนนี้เอง ที่บ้านพักของนายท่านซูในเมืองเจียงมันก็ว่างเปล่า มันดูโทรมและเต็มไปด้วยวัชพืช
เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของฉินเฉิงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เค้าค้นหาทั้งคฤหาสน์แต่ก็ไม่พบตัวนายท่านซูเลย!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของฉินเฉิงก็ดูไม่ได้เลย เค้าครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน จากนั้นก็ยืนโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาฟางจิ้งเหยา
หลังจากฟางจิ้งเหยารับสายแล้ว ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “คุณฟาง นายท่านซูอยู่ที่ไหนครับ?
ฟางจิ้งเหยาก็เงียบอยู่นาน ในตอนที่เค้ากำลังจะพูดนี้เอง มันก็มีเสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง: “ทำอะไร ตอนนี้แกไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์นะ รีบวางสายไปซะ!!”
หลังจากพูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปในทันที
“ไป” ฉินเฉิงจับมือซูวานแล้วเดินออกไปในทันที
“จะไปไหนเหรอ ปู่ของฉันเค้าอยู่ที่ไหนกัน?” ซูวานขมวดคิ้วขึ้นมา
ฉินเฉิงก็พูดว่า: “ไปหาหัวหน้าฟาง เค้าน่าจะรู้เรื่องนี้”