ฉาวหว่าผงะ เค้าอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “คุณซู คุณต้องการให้ผมทำยังไงเหรอครับ?”
ซูวานคิดซักพัก จากนั้นเธอก็พูดว่า: “นายจะซ่อนตัวอยู่ในความมืด หากจำเป็น ก็ช่วยฉินเฉิง เข้าใจไหม?”
“ครับ!” ฉาวหว่าก็โค้งคำนับแล้วตอบตกลง
ฉาวหว่าเป็นคนที่ทรงพลัง ว่ากันว่าเค้าสามารถทุบเนินเขาได้ด้วยหมัดเดียว! ย้อนกลับไปในตอนนั้น ด้วยหมัดเหล็กคู่นี้ แม้แต่จอมยุทธ์ด้วยกันเองมันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะสู้กับเค้า!
สำหรับเค้าแล้ว บางทีเค้าสามารถต้านทานตระกูลเซี่ยที่โกรธแค้นได้
แน่นอนว่าเธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นไหม
…
ฉินเฉิงใช้เวลานานกว่าสามวันในการค้นหาชายหนุ่มที่ชื่อ “เซี่ยเจียง”
เซี่ยเจียงเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองเจียงตู ว่ากันว่าเค้าเป็นคนที่เข้าถึงได้และเป็นที่รักของพวกสาวๆ มันบอกได้เลยว่ามีแฟนคลับตัวยง
นอกจากรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาแล้ว เค้ายังเป็นคนที่มีความสามารถมากอีกด้วย
เค้าไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะที่มีความสามารถมากที่สุดของตระกูลเซี่ยเท่านั้น เค้ายังเล่นเปียโน ร้องเพลงและเขียนบทกวีอีกด้วย
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ฉินเฉิงเองก็อดไม่ได้ที่จะลูบไปที่คางของตัวเอง จากนั้นก็คิดกับตัวเองว่า: “หยูเหม่ยเหริน…คงจะไม่ได้โดนผู้ชายคนนี้หักอกมาใช่ไหม?”
มันก็อาจจะเป็นไปได้!
ไม่อย่างงั้นทำไมตอนที่พูดถึงเซี่ยเจียง หยูเหม่ยเหรินจะต้องอารมณ์แปรปวนมากขนาดนั้นด้วย!
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉินเฉิง ทั้งหมดที่เค้าต้องทำคือฆ่าคนก็เท่านั้น
นี่มันก็เป็นอีกวันที่เค้ากำลังวิเคราะห์ตัวตนของเซี่ยเจียง
สิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงชื่นชมเล็กน้อยคือสถานะพิเศษของตระกูลเซี่ยในเมืองเจียงตู ทุกคนในเมืองเจียงดูเคารพเซี่ยเจียงเป็นอย่างมาก
แล้วก็ยังมีความแข็งแกร่งของเซี่ยเจียง นี่มันก็ทำให้รอบตัวของเค้ามันไม่มีการคุ้มกันอะไรมาก
แบบนี้ การฆ่าเค้ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทาง ฉันจะพยายามฆ่าเซี่ยเจียงให้ได้ภายในวัยเดียวเท่านั้น” ฉินเฉิงก็แอบคิดกับตัวเองขึ้นมา
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฉินเฉิงกับซูวานบอกลากันแล้ว พวกเค้ารีบไปที่เมืองเจียงตูพร้อมกับฉูเป่ยชวน
เหตุผลที่เค้าพาฉูเป่ยชวนมาด้วย มันก็ไม่ใช่เพราะต้องการความช่วยเหลือจากฉูเป่ยชวน เหตุผลหลักก็คือเค้าเองก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย อย่างงั้นมันก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกับการที่จะเอาฉูเป่ยชวนมาช่วยบรรเทาความเบื่อของตัวเอง
เมืองเจียงตูเป็นเมืองที่มีการพัฒนามากที่สุดในเขตเจียงตง
ทรัพยากรทางการเงินของที่นี่แข็งแกร่งมาก พวกเค้ามีคะแนนสูงสุดพร้อมกับดัชนีแห่งความสุขที่สมบูรณ์แบบ
“บ้าจริง ฉันได้ยินมาว่าปูของเมืองเจียงตูมันอร่อยมาก อาจารย์ เราไปลองชิมมันหันหน่อยไหม?” ฉูเป่ยชวนพูดแล้วน้ำลายไหล
ฉินเฉิงเหลือบมองเค้าแล้วพูดว่า “การที่เรามาที่นี่ก็เพราะว่ามีเรื่องที่จะต้องทำ”
“โอ้ อาจารย์ วันนี้มันก็ไม่เลวเลยนะครับ นอกจากนี้แล้ว อาจารย์เองก็ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เซี่ยเจียงอยู่ที่ไหน?” ฉูเป่ยชวนดูราวกับเด็กน้อย
ฉินเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เค้าก็เลยพยักหน้าแล้วพูดว่า: “เอาล่ะ อย่างงั้นก็เอากลับไปให้อาจารย์กินหน่อยก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉูเป่ยชวนก็อวยพรให้ฉินเฉิงมีอายุหมื่นปีในทันที
ปูของเมืองเจียงตูนั้นอวบอ้วนจริงๆและร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดคือร้านปูที่ชื่อ “ร้านปูเจียง”
ร้านปูเจียงนี้ มันตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ส่วนโต๊ะอาหารก็ตั้งอยู่บนเรือ
คนกินสามารถเพลิดเพลินกับปูอวบๆในขณะที่กำลังร่องเรือ
แน่นอนว่าด้วยทัศนียภาพแบบนี้เอง ราคาของร้านนี้มันก็เลยแพงและราคาของปูก็สูงถึงหลายพันหยวน
“ก่อนอื่น ขอซักห้าสิบตัวเพื่อบรรเทาความอยากของผมก่อนเลย!” ฉูเป่ยชวนพูดพลางเช็ดน้ำลายที่ปาก
“ห้าสิบตัวนายกินหมดเหรอ?” พนักงานเสิร์ฟก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ปูของร้านเราตัวใหญ่มากนะคะ คนทั่วไปก็กินได้แค่สามถึงห้าตัวก็เท่านั้น”
“ฉันให้ไปเอามาก็ไปเอามาสิ จะมามัวพูดมากอะไรกัน!” ฉูเป่ยชวนก็จ้องเขม็ง
เมื่อพนักงานเสิร์ฟเห็นแบบนี้ เค้าก็ขี้เกียจที่จะพูดอะไรมากกับฉูเป่ยชวน ดังนั้นเค้าก็เลยไปสั่งพ่อครัวให้ทำปูมาห้าสิบตัว
ฉินเฉิงกับฉูเป่ยชวนก็ยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ จากนั้นไม่นานก็มีเรือลำเล็กแล่นเข้ามา
คนพายเรือเป็นชายชราที่ดูใจดี เค้ากวักมือเรียกฉินเฉิให้ขึ้นเรือ
“ท่านอาจารย์ รีบขึ้นเรือเถอะ!” ฉูเป่ยชวนพูดด้วยท่าทางดีใจ
ฉินเฉิงกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วลงไปยืนอยู่บนเรือ
ต้องบอกเลยว่าถึงแม้ว่าเรือลำนี้มันจะค่อนข้างธรรมดา เมื่อจับคู่กับทิวทัศน์โดยรอบแล้ว มันก็ดูเป็นอะไรที่วิเศษมาก
จากนั้นไม่นาน ปูห้าสิบตัวก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
ในเวลาเดียวกันนี้เอง เรือก็เริ่มแล่นออกไปอย่างช้าๆ
ฉูเป่ยชวนทำตัวราวกับว่าในชีวิตนี้เค้าไม่เคยเห็นปูมาก่อนเลย
ฉินเฉิงไม่สนใจอาหารพวกนี้มากนัก ความคิดทั้งหมดของเค้าอยู่ที่เซี่ยเจียง
“คุณลุง คุณรู้จักเซี่ยเจียงไหมครับ?” ฉินเฉิงเดินไปที่หัวเรือแล้วก็ลองถามขึ้นมา
คนพายเรือก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ในเมืองเจียงตู ไม่มีใครไม่รู้จักคุณชายเซี่ย เซี่ยเจียง เชื่อของเค้าโด่งดังมากกว่าดาราเสียอีก!”
เมื่อเค้าพูดถึงเซี่ยเจียง คนพายเรือก็เริ่มที่จะพูดคุย
หลังจากที่เข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับเซี่ยเจียงคนนี้แล้ว เค้ายังคนแรกในสิบอันดับต้นๆของคนหนุ่มสาวที่โดดเด่นในเขตเจียงตู พวกสาวๆนับไม่ถ้วนก็ตกหลุมรักเค้า ว่ากันว่า เค้าได้รับจดหมายบอกรักหลายพันฉบับทุกวัน
ฉินเฉิงขัดจังหวะการเล่าเรื่องของคนพายเรือ จากนั้นเค้าก็ถามขึ้นมาว่า: “ลุง ลุงรู้ไหมว่าช่วงนี้เซี่ยเจียงเค้าอยู่ที่ไหนกัน? ผมเองก็เป็นแฟนคลับของเค้า ผมเองก็มาที่นี่เพราะเค้าเลยนะครับ”
คนพายเรือก็มองมาที่ฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “หนุ่มน้อย เธอชอบผู้ชายอย่างงั้นเหรอ… มันจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
ฉินเฉิงไอแห้งๆแล้วพูดว่า: “ผมก็แค่รู้สึกประทับใจในความสามารถของเค้า ผมชื่นชมเค้าจากความรู้สึกภายในก็เท่านั้นครับ!”
“แบบนี้นี่เอง” คนพายเรือก็พยักหน้า “การจะหาตัวเค้ามันง่ายมาก ช่วงนี้เมืองเจียงจะมีเทศการโคมไฟ เซี่ยเจียงจะต้องไปที่นั่นอย่างแน่นอน!”
“เทศกาลโคมไฟ? ที่ไหน? เมื่อไหร่?” ฉินเฉิงก็รีบถามขึ้นมา
คนพายเรือก็พูดว่า: “อีกสองวันข้างหน้า ที่แม่น้ำฉางเซิง! เธอไม่รู้เรื่องนี้เหรอ นี่มันเป็นงานที่ใหญ่มากที่สุดในเขตเจียงตงเลยนะ คนหนุ่มสาวจำนวนมากจะมาเที่ยวกันในเทศกาลโคมไฟนี้ บางคนก็จะใช้เทศกาลโคมไฟนี้เป็นโอกาสในการรู้จักกัน สรุปก็คือต้องไปดู งานใหญ่นี้มันเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาวเป็นอย่างมาก!”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพยักหน้า: “ขอบคุณที่บอกผม”
“เฮ้ พ่อหนุ่ม ฉันหวังว่าเธอจะประสบความสำเร็วในการไล่ตามหาไอดอลของเธอนะ!” ลุงพายเรือก็พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็กลับเข้าไปที่ในเรือ
เดิมทีเค้าก็แค่อยากจะลองกินปูก็เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ปูห้าสิบตัวจะถูก ฉูเป่ยชวนกินหมดในพริบตา
เค้าตบท้องของตัวเองแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า: “ปูเจียงตูนี่สมแล้วจริงๆที่มันมีชื่อเสียง!”
ฉินเฉิงไม่รู้เลยว่าเค้าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
หลังจากขึ้นฝั่งมาแล้ว ฉินเฉิงก็พาฉูเป่ยชวนไปที่ร้านเพื่อคิดเงิน
“ฉันต้องการปูอีกห้าสิบตัว” ฉินเฉิงบอกกับทางร้าน
“ขออภัย ตอนนี้เรามีเหลืออีกเพียงแค่สามสิบตัวเท่านั้น” เจ้าของร้านตอบ
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็เอามาทั้งสามสิบตัว”
เอาสามสิบตัวนี้กลับไปกินแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาชื้อใหม่ให้ซูวาน
หลังจากที่ฉินเฉิงรูดบัตร เค้ากับฉูเป่ยชวนก็ยืนรออยู่ที่โต๊ะ
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านก็มาถึงพร้อมกับปูที่ปรุงสุกแล้ว
ในตอนนี้เองก็มีเด็กหนุ่มสองสามคนเดินผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง
เค้าพูดอย่างไม่สนใจว่า: “น้อง เอาปูมาร้อยตัว!”
ทางร้านก็ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า: “ขออภัยด้วยค่ะ สินค้าหมด”
ชายหนุ่มคนนี้กก็โกรธจัด เค้าชี้ไปที่ปูทั้งสามสิบตัวนั่นแล้วพูดว่า: “ไม่มีอีกแล้วเหรอ อย่างงั้นก็เอาสามสิบตัวนี่มาให้ฉัน!”
“ปูพวกนี้เป็นของสุภาพบุรุษท่านนั้นค่ะ” เจ้าของร้านชี้ไปที่ฉินเฉิงแล้วพูด
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายหนุ่มก็มองไปที่ฉินเฉิงในทันที เค้าพูดขึ้นมาอย่างไม่มีความอดทนว่า: “ฉันจะจ่ายสองเท่าของราคาปูที่นายซื้อ”
หลังจากพูดจบ เค้าก็ไม่สนใจว่าฉินเฉิงจะตกลงหรือไม่ เค้าโยนเงินลงบนโต๊ะแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบปู
“เราตกลงกับนายแล้วเหรอ?” ฉูเป่ยชวนก็จ้องมองแล้วพูด
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมา เค้าล้วงมือกลับเข้าไปในกระเป๋าแล้วพูดพร้อมกับจับเงินว่า: “เอาล่ะ จะเอาเงินเท่าไหร่ก็บอกมา”
“มีเงินใช่ไหม ได้ หนึ่งตัวหนึ่งร้อยล้าน ฉันจะให้ส่วนลดนายสำหรับปูสามสิบตัวนี้ ฉันจะเอาแค่หกพันล้านหยวนเท่านั้น!” ฉูเป่ยชวนเอามือกอดอก
ชายหนุ่มผงะซักพัก เค้าจ้องเขม็งแล้วพูดว่า: “ปากดี? ส่วนลดบ้าอะไรยิ่งลดยิ่งแพง”
“เฮ้ ฉันให้ส่วนลดนายแล้วตั้งยี่สิบเปอร์เซ็นนะ ยังไม่พอเหรอ?” ฉูเป่ยชวนก็พูดขึ้นมา