ทันใดนั้นชายหนุ่มก็อ้าปากค้างในทันที
เวรจริง นี่มันมีเรื่องแบบนี้กันด้วยเหรอ?
“นายพูดมาสิว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ!” ฉูเป่ยชวนก็คว้าปูมา จากนั้นก็จ้องมองไปที่เค้า
สีหน้าของชายหนุ่มค่อยๆเย็นลง จากนั้นเค้าก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า: “ไอ้หนู คิดจะโกงฉันอย่างงั้นเหรอ? อย่างงั้นฉันจะบอกให้แกรู้เอาไว้ ฉันจะเอาปูพวกนี้แล้วก็จะไม่ให้เงินแกแม้แต่บาทเดียว!”
หลังจากพูดแล้ว เด็กหนุ่มหลายคนรอบตัวเค้าก็รีบเดินเข้ามาแล้วล้อมฉินเฉิงกับฉูเป่ยชวนไว้
“จะสู้ก็สู้กันไปเลย แต่อย่าทำข้าวของพังก็พอ” เจ้าของร้านก็พูดด้วยท่าทีที่หมดความอดทน พอพูดจบ เค้าก็หันหลังแล้วเดินจากไป
“ไอ่หนู แกรู้ไหมว่านี่ใคร? นี่คือคุณชายจ้าว! ถ้ารู้แล้ว ก็ส่งปูมาซะ จากนั้นก็ขอโทษคุณชายซะ!” เด็กหนุ่มคนนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ฉูเป่ยชวนก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า: “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันก็คือคุณชายฉู!”
“ฉูบ้านมึงสิ!” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าก็ยกมือขึ้นมา จากนั้นก็ซัดหมัดเข้าไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หมัดของเค้าจะโดนเข้าไปที่ร่างของฉูเป่ยชวน ร่างของเค้าก็กระเด็นออกไปในทันที เค้าล้มลงกับพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
พวกลูกหมาอีกสองสามตัวที่เหลือก็ตกตะลึงไปในทันที หมัดนี่ซัดคนจนกระเด็น? นี่มันต้องมีพลังมากแค่ไหนกัน?
“อยากจะลงมืออีกไหม?” ฉูเป่ยชวนก็ถามคนพวกนั้น
คนพวกนั้นก็ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก พวกเค้าถอยกลับแล้วก็ตะโกนด่าทอขึ้นมา: “ไอ่เวร แก..แกรอก่อน คุณชายจ้าวไม่ปล่อยแกไปแน่!”
ฉูเป่ยชวนก็กำลังจะลงมือ แต่คนพวกนี้ก็ตกใจแล้ววิ่งถอยห่างออกไป
“มาอวดดีกับคุณชายอย่างฉัน พวกแกนี่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่กันแล้วใช่ไหม” ฉูเป่ยชวนก็พูดออกมาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้า
“เอาหละ ไปกันเถอะ” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
การที่เค้ามาในครั้งนี้ ก็เพื่อฆ่าเซี่ยเจียง อย่างงั้นมันก็น่าจะเป็นการดีซะกว่าที่จะถ่อมตนไว้
หลังจากเอาปูมา ฉินเฉิงก็พาฉูเป่ยชวนไปจองโรงแรมแล้วพักผ่อน
ในตอนกลางคืน ฉูเป่ยชวยก็แสดงท่าทีที่ดูร้อนรนขึ้นมา
“ท่านอาจารย์ ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันหน่อยไหม?” ฉูเป่ยชวนเดินเข้ามาแล้วเสนอความคิดเห็นออกมา
ฉินเฉิงส่ายหัวและพูดว่า: “ไม่ไป”
“ไปเถอะ มันไม่ง่ายเลยนะครับที่จะได้มา” ฉูเป่ยชวนก็เขย่าแขนของฉินเฉิงแล้วแสร้งทำเป็นว่าน่าสงสาร: “เห้อ ผมไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ตั้งแต่โตขึ้นมาผมก็ยังไม่รู้เลยว่าบาร์มันเป็นยังไงกัน แล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าพวกสาวๆเป็นยังไงกัน ผม…”
“เอาหละๆ” ฉินเฉิงค่อนข้างหงุดหงิดกับการพูดจาของเค้า ดังนั้นเค้าจึงตอบตกลง
เมืองเจียงตูมีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและมันก็เต็มไปด้วยสถานบันเทิงทุกหนทุกแห่ง
ข้างๆโรงแรมก็มีบาร์อยู่ ที่ทางเข้ามันมีรถสปอร์ตหลายคันจอดอยู่ สาวๆ หลายคนก็ย้อมผมด้วยสีสันที่สดใส พวกเธออยู่ในชุดแฟนซีและกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ประตู
ฉินเฉิงกับฉูเป่ยชวนก็เดินเข้าไปในบาร์ จากนั้นก็นั่งลง
ฉูเป่ยชวนสั่งชุดอาหารราคา 188,000 หยวนและไวน์หลายสิบขวดก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
หลังจากดื่มไปสองแกว้ เค้าก็วิ่งไปที่ฟลอร์เต้นรำแล้วกระโดดขึ้นไป
ฉินเฉิงไม่สนใจสถานที่แบบนี้ ดังนั้นเค้าก็เลยยังนั่งอยู่ที่เดิมและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ช่วงนี้มันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจ แบบนี้เองมันก็เลยทำให้คุณชายจ้าวเองก็มาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน
“พี่จ้าว ไอ่นั่นมันไม่ใช่เด็กที่มันท้าทายเราเมื่อตอนกลางวันเหรอครับ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ชี้ไปที่ฉูเป่ยชวนที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำ
คุณชายจ้าวก็มองตามนิ้วของเค้าไป เมื่อเห็นฉูเป่ยชวน สีหน้าของเค้ามันก็เย็นชาลงไปในทันที
“ไอ่เวร คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะบังเอิญมาเจอมันที่นี่!” คุณชายจ้าวพูดพร้อมกับกัดฟัน
“จัดการมันซะ!” ชายหนุ่มหยิบขวดไวน์แล้วเดินเข้าไปหาฉูเป่ยชวน
แต่คุณชายจ้าวก็รีบห้ามเค้าไว้ก่อนแล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “ไอ่เวรนี่มันไม่ธรรมดาเลย แกจะรนหาที่ตายเหรอยังไง!”
“คุณชายจ้าว อย่างงั้นผมควรทำยังไงดี? แค่เห็นมันผมก็หงุดหงิดแล้ว!” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจ
คุณชายจ้าวก็พูดขึ้นมาว่า: “ที่นี่คือเมืองเจียงตู การที่มันกล้าจะมาเล่นแบบนี้กับฉัน ก็เท่ากับว่ามันกำลังมองหาความตาย!”
หลังจากนั้น เค้าก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความไป: พี่จี ผมโดนตีที่บาร์อี้เหอ พวกตรงข้ามันเป็นพวกมือสมัครเล่น เอาคนมาเยอะหน่อยนะครับ
จากนั้นไม่นาน อีกฝ่ายตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆว่า: “อีกสิบนาทีฉันจะไปถึง”
หลังจากที่คุณชายจ้าวเก็บมือถือไป เค้าก็กัดฟันแล้วพูดว่า: “ให้มันสนุกไปอีกซักสองสามนาที จากนั้นฉันจะทำให้มันคุกเข่าลงที่พื้น!”
หลังผ่านไปประมาณสิบนาที ผู้คนก็เริ่มรวมตัวกันที่ด้านนอกประตู
จากไม่กี่คน มันก็ค่อยๆรวมกันเป็นร้อยกว่าคน
พวกเด็กหนุ่มพวกนี้ต่างก็ถือไม้เท้าแล้วขวางทางเข้าบาร์แห่งนี้
จากนั้น ชายวัยกลางคนก็เดินไปหาคุณชายจ้าวแล้วพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “คนมารวมตัวกันที่นี่แล้วครับ”
คุณชายจ้าวก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “พี่จี ไปรอที่ข้างนอกประตู ที่นี่มันเป็นของลุงโจ้ง พวกเราไม่ควรมาก่อเรื่องกันที่นี่”
หลังจากพูดจบ คุณชายจ้าวก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหลังของฉูเป่ยชวนและตบเข้าไปที่หลังของเค้า
ในตอนนี้เอง ฉูเป่ยชวนก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างแรง เค้ากำลังเข้าใจผิดคิดว่ามีผู้หญิงอยากที่จะมาคุยกับเค้า
เค้าหันกลับไปมองด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดว่า: “ฉันไม่มีคู่ นัดได้… เชี่ย ทำไมถึงเป็นแกอีกแล้ว?”
เมื่อเค้าเห็นสีหน้าของคุณชายจ้าวอย่างชัดเจนแล้ว ทันใดนั้นเองเค้าก็ดูสับสนแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ฉันก็คิดว่าเป็นสาวน้อยซะอีก!”
คุณชายจ้าวกัดฟันแล้วพูดว่า: “ไอ้เวร อย่ามาพูดจากับฉันแบบนี้ ถ้าแน่จริงก็มาที่ประตู ถ้าฉันล้มแกไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าคุณชายจ้าว! ”
“โอ้ ที่แท้ก็นัดมีเรื่อง” ฉูเป่ยชวนก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “เอาสิ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”
“ฉันจะรอแก” คุณชายจ้าวก็ชี้ไปที่ฉูเป่ยชวน จากนั้นเค้าก็เดินออกไป
ฉูเป่ยชวนดื่มเหล้าในมือของเค้า จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาฉินเฉิง
คนเกือบสองร้อยคนมารวมตัวกันที่ด้านนอกประตู คุณชายจ้าวก็พาคนมาที่ประตูแล้วตะโกนขึ้นมาว่า: “ออกมาสิวะ!”
จู่ๆผู้คนในบาร์ก็มองไปที่ประตูแล้วกระซิบกันว่า: “ทำไมคนเยอะจัง? หรือว่าจะมาหาเรื่องคน?”
“ไอ่เวรนั่น ออกมาซักทีสิวะ อย่าให้กูต้องเข้าไปลากมึงออกมาเองนะ!” คุณชายจ้าวก็ตะโกนด่าขึ้นมา
ฉินเฉิงก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เค้ามองออกไปที่ข้างนอกประตูแล้วก็พบว่าคนกว่าสองร้อยคนนี้ พวกเค้าทั้งหมดเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีใครเป็นจอมยุทธ์เลย
“ไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” ฉินเฉิงโบกมือ
ฉูเป่ยชวนก็รีบส่ายหัวขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ไม่ ผมกลัว…”
ฉินเฉิงมองฉูเป่ยชวนอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เค้าก็เลยต้องลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ข้างนอกพร้อมกับฉูเป่ยชวน
จากนั้นไม่นาน ฉินเฉิงกับฉูเป่ยชวนก็เดินไปที่ประตู
คุณชายจ้าวกัดฟันแล้วพูดว่า: “พี่จี ไอ่สองคนนี้แหละครับ!”
พี่จีก็พยักหน้า เค้าเดินไปหาฉินเฉิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ไอ่เวร แกเห็นพวกคนที่อยู่ข้างหลังฉันไหม ถ้าไม่อยากตาย ก็หักขาทั้งสองของตัวเองซะ”
หลังจากพูดจบ พี่จีก็โยนไม้อันหนึ่งลงมาที่พื้น
ฉินเฉิงเหลือบมองเค้าแล้วส่ายหัวและพูดว่า: “คนแค่นี้เอง มันไม่ต้องใช้ไม่หรอก”
ทันทีที่เค้าพูดจบ ฉินเฉิง “หวด” เตะเข้าไปที่เข่าของพี่จี
เข่าของพี่จีก็แตกในทันใด เค้าคุกเข่าลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียง “พัฟ”
“โอ้ย!!!” พี่จีเหงื่อแตกด้วยความเจ็บปวด เค้ากัดฟันแล้วพูดว่า: “ทำให้มันพิการซะ!”