พวกเราไม่คิดว่าถึงขนาดนี้แล้วฉินเฉิงยังกล้าที่จะลงมือ หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของจีเกอคนกว่าสองร้อยคนก็วิ่งเข้าใส่ฉินเฉิงทันที
ฝูงชนที่อยู่รอบๆรีบถอยออกทันทีเพราะกลัวว่าตนเองจะถูกลูกหลงไปด้วย
ผู้หญิงบางคนถึงกับเอามือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะถูกลูกหลง
ฉินเฉิงพ่นลมอย่างเย็นชา เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว โบกมือ และทันใดนั้นคนจำนวนหนึ่งก็กระเด็นออกไปทันที!
แค่โบกมือครั้งเดียวเท่านั้นแต่กลับทำให้คนตั้งหลายสิบคนล้มลง!
“ไอ้บ้า…นี่มันกำลังถ่ายหนังเหรอ?” ฝูงชนที่มองดูอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา และจีเกอก็อ้าปากกว้าง
ทุกก้าวที่ฉินเฉิงก้าวเดินล้วนจะต้องมีคนจำนวนหลายสิบคนล้มลง
พวกเขากวัดแกว่งกระบองด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่เมื่อกระบองเหล่านั้นสัมผัสเข้ากับร่างกายของฉินเฉิงมันก็ไม่เกิดผลอะไร!
ในเวลาไม่ถึงห้านาที คนเกือบสองร้อยคนเหล่านี้ล้มลงกับพื้น!
ในตอนนั้นทุกคนที่ล้มอยู่บนพื้นร้องคร่ำครวญ และคนที่เห็นเหตุหารณ์ก็อ้าปากค้าง
การแสดงออกที่พวกเขามองไปที่ฉินเฉิงนั้นซับซ้อนมาก ตกใจและตื่นเต้นอย่างมาก
“นี่มันปีศาจ….” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดพร้อมกับกลืนน้ำลาย
ในตอนนั้นจ้าวกงจือรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนแรง อยากจะหนีก็หนีไปไหนไม่ได้!
ฉินเฉิงเดินมาที่ด้านเขา จากนั้นก็ยกเขาขึ้นเหมือนกับจับคอไก่
“ลูก…ลูกพี่ อย่าทำร้ายฉัน…” จ้าวกงจือร้องไห้ออกมา ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เขาคงทำไมทำแบบนั้นลงไป!
“ระวัง!” ในตอนนั้นก็มีเสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากฝูงชน!
และในตอนนั้นเองก็เห็นจีเกอลุกขึ้นมาจากพื้น ในมือของเขาถือปืนพกอยู่
เขาเล็งมากที่ฉินเฉิง พูดออกมาด้วยความโกรธแค้น “เจ้าหนุ่ม ฉันไม่สนหรอกว่านายจะมาจากที่ไหน แต่วันนี้นายจะต้องมาตายอยู่ที่นี่!”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เขาโยนจ้าวกงจือที่อยู่ในมือออกไป จากนั้นก็หันมาหาจีเกอ
“จะเอาอย่างนั้นใช่ไหม? ได้นายก็ลองดูสิ!” จีเกอกัดฟันและสบถออกมา
“แย่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจีเกอคนนี้จะมีปืน!”
“เห็นได้ชัดเจนเลยว่าจีเกอคนนี้กำลังร้อนรน เขาหยิบปืนออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาไม่ได้กำลังรนหาที่ตายอยู่ใช่ไหม?”
“เห้อ คนเราเมื่ออยู่ในยามคับขันแล้วจะคิดอะไรได้”
ทุกคนต่างพูดกันออกมาและจ้องมาที่การเคลื่อนไหวของฉินเฉิง
สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย สายตาของเขาดูลุ่มลึกมาก
ฉินเฉิงวิ่งเข้าไปหาจีเกอโดยที่ในมือของเขาไม่มีปืน
จีเกอตื่นตระหนกทันที ตอนแรกเขาคิดว่าเมื่อเอาปืนออกมาจะสามารถหยุดฉินเฉิงได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้!
“นาย…นายอย่าเข้ามานะ!” จีเกอพูดออกไปด้วยความกลัว “ไม่อย่างนั้นฉันยิง!”
ฉินเฉิงเดินเข้ามาและพูดว่า “ยิงสิ”
จีเกอผงะ เขากัดฟันและพูดว่า “นายคิดว่าฉันไม่กล้าหรือยังไง!”
“ยิงสิ” ฉินเฉิงพูดออกมา
ในตอนที่เขาพูดออกมา เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าของจีเกอแล้ว
สภาพของจีเกอเหมือนกับคนบ้า เขาพูดออกมาด้วยความโกรธ “แกไม่ต้องมาบอกฉัน! ฉันจะฆ่าแก!”
พูดจบเขาก็หลับตาและเหนี่ยวไปที่ไกปืน
“อ๊ายยยย!” คนที่มองดูอยู่กลัวจนนำมือกดศีรษะ ก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว
“ปัง!”
หลังจากที่กระสุนสัมผัสกับร่างกายของฉินเฉิง มันก็ถูกบีบจนแบบและหล่นลงไปบนพื้น
จีเกอตกใจมาก พูดออกมาทั้งปากสั่นๆ “นี่มัน…มันเป็นไปได้อย่างไง…”
คนที่มองอยู่เมื่อได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นต่างก็อ้าปากค้าง
“ยิงไม่เข้า?”
“บ้าไปแล้ว นี่มันไม่ใช่คน?”
ในตอนนั้นจีเกอไม่มีสติอยู่กับตัวแล้ว เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น พูดออกมาทั้งๆที่น้ำตาไหล “ฉันผิดไปแล้ว นายได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ฉันยังไม่ยากตาย…”
ฉินเฉิงไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆก็มีคนวิ่งออกมาจากบาร์
หัวหน้าเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าเย็นชา ดูน่าเกรงขาม
หลังจากที่คนคนนี้เดินออกมา ทุกคนก็ถอยหลัง
“ลุง…ลุงโจ้ง” ทุกคนต่างพูดออกมาด้วยเสียงต่ำไ
ลุงโจ้งหันหน้าไปมองทุกคนด้วยสายตาที่เย็ฯชา พูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ใครยิงปืน?”
“ลุงโจ้ง จีเกอเป็นคนยิง” มีชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมา
เมื่อลุงโจ้งได้ยินแบบนั้น เขาก็เดินเข้าไปและตบไปที่ใบหน้าของจีเกอหนึ่งครั้ง
“มาใช้ปืนในที่แบบนี้ นายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?” ลุงโจ้งดุออกไป
จีเกอตัวสั่นและพูดออกมาทั้งๆอย่างนั้น “ลุง…ลุงโจ้ง ฉันผิดไปแล้ว….”
ลุงโจ้งโบกมือและพูดออกมาว่า “โทรไปหาเจ้าหน้าที่จาง ให้คนมาจับเขาไป”
“ครับ” คนที่ตามลุงโจ้งมาพยักหน้าและพูดออกมา
หลังจากนั้นลุงโจ้งก็มองมาทางฉินเฉิง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “กล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม?”
ฉินเฉิงเหลือบตาไปมองลุงโจ้ง คนคนนี้เป็นนักต่อสู้ พลังของเขาก็ดูไม่น่าเกลียดน่าจะอยู่ประมาณจุดสูงสุดของปรมาจารย์
เมื่อก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
แต่น่าเสียดาย เมื่อมาอยู่ต่อหน้าฉินเฉิงมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
“ทำผิดแล้วมันก็จะต้องถูกลงโทษ เข้าใจไหม?” ลุงโจ้งหรี่ตาลงและพูดออกมา
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมาไป “ลงโทษ? นายคิดว่านายเป็นใคร? นายมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สีหน้าของลุงโจ้งเปลี่ยนไปทันที เขาพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “รนหาที่ตาย!”
พูดจบเขาก็ยื่นมือออกมาทางฉินเฉิง
“ลุงโจ้ง เดี๋ยวก่อน!” และในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างของเขาก็วิ่งเข้ามา
ลุงโจ้งขมวดคิ้วและถามออกไปว่า “มีเรื่องอะไร?”
ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆว่า “ชายคนนี้หน้าตาคุ้นๆ บางทีเอาอาจจะเป็นฉินเฉิงแห่งมณฑลปินโจว”
“ฉินเฉิง?” ฉินเฉิงผงะ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ฉินเฉิง คนที่ฆ่าตงเทียนหนานนะเหรอ?”
“ครับ นั่นแหละเขา!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาทันที
เมื่อลุงโจ้งได้ยินแบบนั้น เขาก็รีบหันมามองหน้าของฉินเฉิง พูดออกมาด้วยความหวาดกลัวว่า “ขอถามอะไรหน่อยครับ…คุณใช่ฉินเฉิง คุณฉินใช่ไหม?”
“โอ้ รู้จักอาจารย์ของฉันด้วย?” ฉูเป่ยชวนกลอกตาแล้วพูดออกมา
“ลุงโจ้ง ฉันมันใจว่าคนคนนี้คือฉินเฉิงอย่างแน่นอน!” ในตอนนั้นชายหนุ่มก็พูดออกมาทันที
เขาชี้ไปที่ฉูเป่ยชวนและพูดออกมาว่า “ฉันจำชายคนนั้นได้ดี เขาคือนักเลงคีย์บอร์ด และเขาก็คือลูกศิษย์ของฉินเฉิง!”
“แกว่าใครเป็นนักเลงคีย์บอร์ด!” ฉูเป่ยชวนพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อลุงโจ้งได้ยินอย่างนั้น เขาก็รีบเก็ยความโกรธของเขาทันที ประสานมือโค้งและพูดออกมาว่า “คุณฉิน ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่ดูตาม้าตาเรือมาหาเรื่องคุณ หวังว่าคุณจะให้อภัย…”
เมื่อเห็นท่าทีของลุงโจ้ง ทุกคนต่างตื่นตกใจ
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมลุงโจ้งถึงให้ความเคารพขนาดนั้น?
ฉินเฉิงเหลือบตามองมาที่เขา ส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “มารบกวนการทำธุรกิจของคุณ คนที่ขอโทษควรจะเป็นฉันมากกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของฉินเฉิง ลุงโจ้งก็ตกใจแต่ก็ยังหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
เขารีบโบกมือและพูดออกมาว่า “ไม่ครับๆ คุณฉินอย่าพูดแบบนั้นเลย…”
ฉินเฉิงโบกมือและพูดว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ พอดีรู้สึกง่วง”
“คุณฉิน คุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ ผมอยากจะเลี้ยงอะไรคุณสักมื้อ?” ลุงโจ้งถามออกมา
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ฉันเหนื่อยแล้ว”
ทุกคนต่างรู้ดี แม้ไม่อยากทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่ก็ทำไม่ได้
ถ้าหากเซี่ยเจียงตายไป ตระกูลเซี่ยจะต้องสงสัยฉินเฉิงเป็นคนแรก