ตระกูลเซี่ยรวดเร็วมาก ฉินเฉิงเพิ่งออกไปจากบ้าน เซี่ยฝูชานก็มาถึงบ้านที่ภูเขาหลงไห่
“เอ๊ะ นี่คุณเป็นใคร? บุคคลภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งพึมพำ
เซี่ยฝูชานเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา และเขาก็ยื่นมือออกมาจัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย!
“ท่านผู้อาวุโส ฉินเฉิงคงจะหนีไปแล้ว” เซี่ยฝูไห่พี่สามของตระกูลเซี่ยขมวดคิ้ว
“สงสัยน่าจะออกไปได้แล้ว” เซี่ยฝูหยุนน้องสี่พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เซี่ยฝูชานสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นและตะโกนอย่างโกรธจัด กำหมัดแน่น
หมัดพุ่งตรงไปที่หน้าบ้านที่กำลังจะพังทลาย!
“หามัน แม้ว่าฉันจะต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องหามันให้เจอ!” เซี่ยฟูซานกัดฟันพูด
ตระกูลเซี่ยพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามหาฉินเฉิง
ตอนนี้ฉินเฉิงกำลังขับรถ พาซูวานและคนอื่นไปโดยไร้จุดหมายปลายทาง
“พวกเขาจะตามไม่ทันใช่ไหม?” ฉูเป่ยชวนกล่าวด้วยความกังวล
ฉินเฉิงกล่าวว่า “นี่ก็น่าจะตามไม่ทันแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน เราก็คิดว่ามาขับรถเล่นก็แล้วกัน”
“นายนี่คิดแง่ดีตลอดเลย” ซูวานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ฉินเฉิงเหลือบมองที่ซูวานและกล่าวว่า “คุณก็เหมือนกัน นีคือเรื่องเป็นเรื่องตาย คุณไม่กลัวเลยหรือ?”
“กลัว?” ซูวานซบไปที่ฉินเฉิง “ถ้าฉันกลัว ฉันคงจะไม่มาอยู่กับนาย”
“ก็ใช่” ฉินเฉิงพยักหน้า
รถวิ่งมาสักพัก และไม่รู้จะไปต่อทางไหนแล้ว เดินทางมาทั้งคืน พอพลบค่ำจึงจอดตรงริมแม่น้ำ
“พักก่อนๆ จัดปิคนิคกันเลยละกัน” หลังจากที่ฉินเฉิงลงจากรถ เขาก็ยืดเส้นยืดสายและมองทิวทัศน์ที่สวยงาม
จิตแห่งมังกรอยู่ในตัวฉินเฉิง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉินเฉิงก็ยิ่งมีความหวังมากขึ้นเท่านั้น
“เป่ยชวน เสียวเหม่ย นายสองคนลงไปจับปลาที่แม่น้ำ ฉันจะจุดไฟรอ” ฉินเฉิงกล่าว
“ได้เลยครับ !” ฉูเป่ยชวนเป็นคนขี้เล่น แม้จะไม่ใช่คำสั่งของฉินเฉิง เขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้
ส่วนฉินเฉิงไปหากิ่งไม้และแผ่นหิน แล้วก็เริ่มจุดไฟริมแม่น้ำ
“อาจารย์ ผมจับปลาได้ตัวเบ้อเริ่มเลย!” ไม่นานนักฉูเป่ยชวนก็วิ่งขึ้นมาพร้อมกับจับปลาขนาดเกือบห้าโลได้
ส่วนชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าในมือว่างเปล่า ในมือไม่มีแม้แต่กุ้ง
“เห็นไหมหละ? นี่แหละที่เรียกว่าความแข็งแกร่ง” ฉูเป่ยชวนกล่าวด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
เขาไปจัดการกับปลา แล้ววางลงบนแผ่นหิน
สามทุ่มกว่าๆ มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
พวกเขาทั้งสี่นั่งรับลมริมแม่น้ำอย่างสบายอารมณ์
“ชีวิตแบบนี้เยี่ยมไปเลย” ซูเป่ยชวนพึมพำ
ฉินเฉิงยังคงเงียบและถอนหายใจเล็กน้อย
เขารู้อยู่ในใจว่า มีกล้องอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตระกูลเซี่ย คงจะหาพวกเขาเจอไม่ช้าก็เร็ว
ฉินเฉิงใช้พลังจิตตรวจดูในรัศมีหลายกิโลเมตร ถ้ามีจอมยุทธ์ปรากฎขึ้นฉินเฉิงก็จะรับรู้ได้ทันที
หลังจากอยู่ในรถกันทั้งคืน วันรุ่งขึ้นทั้งสี่คนก็เดินทางต่อ
ตอนนี้ข่าวที่ฉินเฉิงฆ่าเซี่ยเจียงได้แพร่ไปทั่ว
หลายคนเห็นวิดีโอที่สังหารเซี่ยเจียง ก็มาพูดคุยกัน
“ทั้งสองคนอายุใกล้เคียงกัน และเป็นอัจฉริยะทั้งคู่ ทำไมมันถึงแตกต่างกันอย่างงี้หล่ะ?”
“ฉินเฉิงยังหนุ่มอยู่เลยนะ?”
“พรสวรรค์ไงหล่ะ ฉินเฉิงกำลังก้าวสู่ความเป็นจอมยุทธ”
“เอ่ การที่เซี่ยเจียงถูกฆ่าตายแบบนี้ ตระกูลเซี่ย ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน”
นี่ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ฉินเฉิง”ขับรถเที่ยว”
“นี่คือหลิงโจว” ซูเป่ยชวนพูดหลังจากดูโทรศัพท์
“หลิงโจว บ้านเกิดของเหรินกุ้ยอี” ฉินเฉิงพูดพลางแตะคาง
หลิงโจวอยู่ไม่ไกลตำหนักเทพโอสถ ฉินเฉิงยังเหลือยาของหยูเหม่ยเหรินอีก ดังนั้นเขาจึงมีแผนว่าจะไปตำหนัดเทพโอสถ
แต่ถ้าไปที่ตำหนักเทพโอสถ ตระกูลเซี่ยอาจเคืองตำหนักเทพโอสถได้ ดังนั้น ฉินเฉิงจึงคิดว่าจะออกตำหนักเทพโอสถทันทีหลังนำยามาแล้ว
“เหรินกุ้ยอีให้เบอร์ติดต่อไว้ไม่ใช่เหรอครับ ติดต่อเขาไหม?” ฉูเป่ยชวน ถาม
ฉินเฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ ตอนนี้ตระกูลเซี่ยกำลังไล่ตามเรา ถ้าติดต่อกับเหรินกุ้ยอีก็สร้างเรื่องให้เขาเปล่าๆ”
“ใช่ด้วย” ซูเป่ยชวนพยักหน้า
หลิงโจมเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจดีเหมือนกับปินโจว แต่เรื่องของการต่อสู้นั้น หลิงโจวเหนือกว่าปินโจวมาก
แค่ตระกูลเหรินเพียงตระกูลเดียว มีปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่อยู่หลายคน พวกเขาถือได้ว่ามีอำนาจในหลิงโจว
ฉินเฉิงและพวกไปทานหม้อไฟกันในหลิงโจว พอทานเสร็จ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งมาจากด้านหลัง
เมื่อหันไปมอง ก็พบเซียงหรงยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับคนสองสามคน
“ฉินเฉิง คุณมาอยู่ที่หลิงโจวได้ไงกัน?” เซียงหรง ยิ้ม “ติดต่อเหรินกุ้ยอีไปหรือยัง?”
ฉินเฉิงส่ายหัวและกล่าวว่า “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นาน กำลังจะไปกันแล้ว”
“โอ้ย พูดอย่างงี้ได้ไง มาถึงหลิงโจวแล้ว ต้องให้พวกเราทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีด้วยสิ !” เซียงหรงคว้าแขนของฉินเฉิง “ฉันจะโทรหาเหรินกุ้ยอี้ คืนนี้ไปดื่มกัน !”
สายตาของเซียงหรงสะดุดไปที่ซูวานพอดี
สวย! สวยมาก!
ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอมา!
“นี่คือ?” เซียงหรงถามด้วยรอยยิ้ม
“แฟนของฉันซูวาน” ฉินเฉิงตอบอย่างเย็นชา
เซียงหรงจึงนึกออกทันที “เคยได้ยินมานานแล้วว่ามีสาวสวยคนหนึ่งในปินโจวชื่อซูวาน วันนี้ได้เจอตัวจริงเสียงจริงแล้ว!”
ซูวานไม่มีท่าทีใดๆ เพียงพยักหน้าเบาๆ
แม้ว่าฉินเฉิงจะไม่ชอบท่าทีของเซียงหรงมากนัก แต่ความเมตตาของเขานั้นยากที่จะปฏิเสธ
หลังจากที่เซียงหรงเดินออกไป เขาก็โทรหาพ่อทันที
เขาพูดว่า “พ่อ ฉินเฉิงมาถึงหลิงโจวแล้ว! พ่อต้องมาสอนบทเรียนให้เขาหน่อยแล้ว!”
หลังจากที่พ่อของเขาฟังจบ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉินเฉิง? แน่ใจหรือ?”
“ใช่ ฉันเพิ่งไปเจอเขาที่ร้านอาหาร” เซี่ยงหรงพูดต่อ “พ่อรีบมาเลย!”
พ่อของเขาเยาะเย้ย: “เราไม่จำเป็นลงมือเอง ยังไงมีคนที่พร้อมลงมือจัดการเขาอยู่แล้ว! ตอนนี้ตระกูลเซี่ยกำลังพลิกแผ่นดินหาเขาอยู่!”
“ตระกูลเซี่ย?” เซียงหรงไม่รู้จักในการต่อสู้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฉินเฉิงกับตระกูลเซี่ยเลย
“นายรั้งฉินเฉิงไว้ให้ได้ ฉันจะติดต่อตระกูลเซี่ย ” พ่อของเขาพูดด้วยน้ำเสียงหนังแน่น
เซียงหรงขมวดคิ้วและพูดว่า “พ่อไม่ต้องทำให้ลำบากหรอก? ก็แต่ให้คนจากสำนักงานความมั่นคงจับตัวเขาไว้”
“แกมันไม่รู้อะไรเลย!” พ่อของเขาตวาด “อย่าพูดมั่วซั่ว ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
เซียงหรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง
ต่อมาเซียงหรงได้โทรหาเหรินกุ้ยอี
เหรินกุ้ยอีค่อนข้างกระตือรือร้น
ส่วนพ่อของเซียงหรง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรหาเซี่ยฝูชาน
ทันทีที่เซียงเจียเฉียงโทรติด เขาก็หัวเราะและพูดว่า “คุณเซี่ย สบายดีไหม?”
เซี่ยฝูชาน กล่าวอย่างเย็นชา: “นายเป็นใคร?”
เซียงเจียเฉียงยิ้มและพูดว่า “ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือฉันรู้ว่าตอนนี้ ฉินเฉิงอยู่ที่ไหน”