เมื่อเซี่ยฝูชานได้ยินดังนั้น จึงรีบถามกลับไปว่า “เขาอยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่หลิงโจว”เซียงเจียเฉียงกล่าว
เซี่ยฝูชานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “นายไม่ได้ล้อเล่นกับฉันใช่ไหม? ถ้านายกล้าทำแบบนั้นนายไม่รอดแน่”
“ล้อเล่น? ฉันต้องการแก้แค้นฉินเฉิงเหมือนกัน เลยนำข่าวนี้มาบอกคุณ ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่ละกัน”เซียงเจียเฉียง พึมพำเบาๆ
พูดจบเขาก็กำลังจะวางโทรศัพท์
เซี่ยฝูชานจึงรีบพูดว่า “ฉินเฉิงอยู่ที่หลิงโจวจริงๆเหรอ?”
“ฉันบอกแล้วไง ถ้าคุณเชื่อ ฉันจะบอกว่าเขาอยู่ตรงไหน แต่ถ้าไม่เชื่อ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”เซียงเจียเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในสถานะจอมยุทธ์ แต่เขาก็อยู่ในสำนักงานความมั่นคง ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเซี่ยฝูชาน
เซี่ยฝูชาน เงียบไปนานและสัญญาว่า: “ตกลง ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปหลิงโจว”
…
เย็นวันนั้น ฉินเฉิง เหรินกุ้ยอี และคนอื่นๆก็มากันที่ร้านอาหาร
“ฉินเฉิง ไม่คิดเลยว่าคุณจะฆ่าเซี่ยเจียง” เหรินกุ้ยอี ถอนหายใจ “ฉันกับเซี่ยเจียงเคยปะทะฝีมือกัน ฉันก็รับมือเขาไว้ไม่ได้”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย เหรินกุ้ยอีกำลังฝึกฝนอยู่ เมื่อปะทะกับเซี่ยเจียงย้อมเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
“ตอนนี้ฉันเป็นศัตรูของตระกูลเซี่ย นายไม่กลัวว่าตระกูลเซี่ยพาลโกรธนายไปด้วยเหรอ?” ฉินเฉิงเลิกคิ้วถามขึ้น
เหรินกุ้ยอีหัวเราะและพูดว่า “ฉันไม่กลัว อาจจะบอกว่าโกหกก็ได้ แต่… ฉันต้องการความช่วยเหลือบางอย่างจากนาย ฉันเลยต้องมาที่นี่”
ฉินเฉิงกลอกตาและพูดว่า “นายจริงใจเสมอเลย พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรเหรอ ”
เหรินกุ้ยอีเทเหล้าให้กับฉินเฉิงแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องการยาอมตะด่วน มีเพียงตำหนักเทพโอสถเท่านั้นที่สามารถกลั่นยาได้ แต่นักปรุงยาที่นั่นหยิ่งผยองนัก อยากให้พวกเขาช่วย แต่ก็ยากเกินไป”
“แล้วยังไง?” ฉินเฉิงถามต่อ
“นายน่าจะรู้จักคนในตำหนักเทพโอสถ ฉันเลยอยากให้นายช่วย” เหรินกุ้ยอีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “โอเค ถ้าฉันมีโอกาสไปที่ตำหนักโอสถ ฉันจะลองเกริ่นๆดูให้”
“นายไม่จำเป็นต้องไปที่ตำหนักเทพโอสถ” เหรินกุ้ยอี้ยิ้ม “ในหลิงโจวของเรา มีนักปรุงยาของตำหนักเทพโอสถ ฉันเคยไปหาเขาหลายสิบครั้งแล้ว เอาของไปให้ตั้งมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ตอบตกลง”
หลังจากพูดจบเหรินกุ้ยอียกแก้วเหล้าของเขาขึ้นและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ถ้าคุณฉินสามารถช่วยฉันได้ ตระกูลของเราจะถือเป็นพระคุณอย่างมาก!”
“มีนักปรุงยาของตำหนักเทพโอสถอยู่ที่หลิงโจว?” มันทำให้ฉินเฉิงประหลาดใจเล็กน้อย
เหรินกุ้ยอีอธิบายต่อว่า: “หมอในโรงพยาบาลของที่นี่ พยายามศึกจากตำหนักเทพโอสถ”
ฉินเฉิงจึงนึกออกทันทีว่าเขาคือผอ.เต้าเฉิงทันที
“ช่วยนายได้อยู่แล้ว แต่ทำตอนนี้ไม่ได้น่ะสิ” ฉินเฉิงหยิบเหล้าในมือ “ตอนนี้ฉันกำลังหลบหนีอยู่ นายน่าจะรู้ดี”
เหรินกุ้ยอี้รีบพูด “คุณฉิน พูดนิดเดียวคงใช้เวลาไม่นาน ถ้าคุณตกลง ฉันจะโทรหาเขาทันที!”
ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาต้องออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้น ดังนั้นฉินเฉิงจึงตอบตกลงไป
เหรินกุ้ยอีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาหมอคนนั้น
“หมอพัน ฉันเหรินกุ้ยอี้นะ คืนนี้ฉันอยากชวนคุณไปทานข้าวเย็นด้วย” เหรินกุ้ยอี้พูดอย่างสุภาพ
“ไม่ได้ ตอนนี้ฉันกำลังดูแลคนป่วยอยู่ ไม่ว่าง” หมอพันกล่าว
เหรินกุ้ยอี้รีบพูด “หมอผานเรารอคุณได้!”
ในรระหว่างนี้ เหรินกุ้ยอีส่งเงินจำนวนมากให้หมอพันคนนี้ ทุกครั้งที่่จะต้องเจอกันเขาต้องนำบัตรธนาคารพกติดตัวไว้เสมอ
หมอปุณคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตกลงว่า “ก็ได้ แต่คงไม่กินข้าวด้วยนะ ฉันกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไป”
“ตกลง ฉันจะจัดการให้ทันที!” เหรินกุ้ยอีตอบกลับไป
หลังจากวางสายแล้ว เหรินกุ้ยอีก็ถอนหายใจออกมาและพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย: “ฉันเป็นนายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ ต้องมาทำอะไรแบบนี้ อึดอัดจริงๆ!”
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเช่นกัน “ใช่ ฉันคิดว่านายเป็นผู้ยิ่งใหญ่แล้ว แต่ไม่คิดว่านายจะยอมรับกฎของโลกนี้”
“ตราบใดที่นายยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ นายจะถูกผูกมัดโดยกฎของโลก และไม่มีใครสามารถหลบหนีได้” เหรินกุ้ยยี่ กล่าวอย่างเคร่งขรึม “อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย มาดื่มกันเถอะ!”
หลังจากกินเสร็จ เซียงหรงก็ยืนขึ้นและพูดว่า “กุ้ยอี หลังจากนี้ฉันจัดการให้แล้วกัน ฉันเตรียมสาวๆไว้แล้ว เดี๋ยวเราไปสนุกกันต่อที่ร้านคาราโอเกะกันเถอะ!”
เหรินกุ้ยอีพยักหน้าและพูดว่า: “โอเค”
หลังจากนั้น เขาอธิบายกับฉินเฉิงต่อว่า “หมอพันคนนี้เป็นพวกบ้ากาม ในหัวมีแต่เรื่องผู้หญิง”
ฉินเฉิงพยักหน้าแสดงความเข้าใจ
เขาจงใจเหลือบมองที่ซูวาน เพื่อแน่ใจว่าซูวานไม่ได้โกรธ เท่านี้เขาก็โล่งใจ
เซียงหรงขับรถไปที่ร้านคาราโอเกะ ทันทีที่เขาเข้าไปผู้จัดการก็รีบทักทายเขา “คุณเซียงวันนี้ใช้บริการห้องจักรพรรดิเหมือนเดิมไหม?”
“อย่ามาไร้สาระ?” เซียงหรง จ้องมาที่เขา “ใช่ ไปตามสาวๆที่นี่มากให้หมด ได้ยินไหม? ”
“ไม่ต้องกังวล ฉันเตรียมให้ดีที่สุดเลย!” ผู้จัดการพูดด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนเดินขึ้นมาถึงห้องจักพรรดิแล้ว หลังจากที่พวกเขาเข้าไปนั่ง เหรินกุ้ยอี ก็รีบส่งข้อความถึงหมอพันโดยบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน
เมื่อประตูถูกเปิดออก ก็มีคนพาเหล่าบรรดาสาวๆ เดินเข้ามา
สาวๆเหล่านี้หุ่นดี ใส่เสื้อผ้าวับๆแวมๆ ใบหน้าสะสวย แต่เป็นความงามที่แตกต่างจากซูวานอย่างสิ้นเชิง
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง!” เซี่ยงหรงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันดูแลพี่ๆทุกคนเอง!”
ตาของฉุเป่ยชวนเป็นประกายและเขาตะโกนเหมือนลิงที่กำลังตื่นเต้น “เร็วเข้า มานี่เร็วพี่ชาย!”
สาวๆหลายคนเดินไปที่ด้านข้างของฉินเฉิง แต่พวกเธอทั้งหมดถูกฉินเฉิงปฏิเสธ
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าทำหน้าเซ็งเช่นกัน ปากบอกว่าไม่เอา แต่ร่างกายตอบสนองในทางตรงกันข้าม
คนหนึ่งคนมีสาวๆโอบล้อมสี่ถึงห้าคน และฉินเฉิงก็รู้สึกครั่นเนื้อตัวเล็กน้อย
เขาเหลือบดูซูวาน จากนั้นยื่นมือโอบเอวของซูวานอย่างอ่อนโยน
ฉินเฉิงรู้สึกประหม่ามาก แต่ซูวานไม่ตอบสนองอะไร และเธอยังคงนั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นดังนั้นฉินเฉิงก็กล้าหาญขึ้นและค่อยๆ เลื่อนมือจากเอวลงมาด้านล่าง