เมื่อหันกลับมามองไปรอบๆ เห็นเพียงผู้หญิงร่างสูงที่มีใบหน้าเคร่งขรึมที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เปลือกตาแคบ ๆ ของเธอมองไปยังเซี่ยฝูชานอย่างแผ่วเบา ทั้งเย้ายวนและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
“ท่านเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ?” คิ้วของเซี่ยฝูชานขมวดขึ้นมาทันที
เขาหันกลับมาถาม “สงสัยว่าท่านเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถทำอะไรในที่แห่งนี้หรือ?”
ท่านเจ้าสำนักชี้ไปที่ฉินเฉิงและพูดว่า “คนๆนี้เป็นสมาชิกของตำหนักเทพโอสถของเรา คุณจะลงมือไม่ได้”
“เขาเป็นคนของตำหนักเทพโอสถ?” สีหน้าของเซี่ยฝูชานแย่มากในตอนนี้ และเขาพูดอย่างเย็นชาว่า “แต่เด็กคนนี้ฆ่าหลานชายของฉัน คุณแน่ใจหรือว่าเขามาจากตำหนักเทพโอสถของคุณ?”
“ไม่เพียงแต่เป็นคนในตำหนักเทพโอสถเท่านั้น แต่เป็นถึงผู้อาวุโสของตำหนักเทพโอสถด้วย” ท่านเจ้าสำนักยิ้มเบา ๆ “คุณเซี่ย ฉันเสียใจด้วยจริงๆกับหลานชายของคุณ ตำหนักเทพโอสถสามารถชดเชยให้คุณได้”
“ฉันไม่ต้องการ!” เซี่ยฝูชานพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันต้องการชีวิตของเด็กคนนี้!”
เมื่อท่านเจ้าสำนักได้ยินถ้อยคำนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความหนาวเย็นที่อธิบายไม่ได้
“เซี่ยฝูชาน ฉันบอกว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของตำหนักเทพโอสถของเรา” ท่านเจ้าสำนักพูดอย่างเย็นชา “ถ้าคุณปล่อยเขาไป ตำหนักเทพโอสถของเราจะชดเชยให้คุณ แต่ถ้าคุณยืนยันที่จะฆ่าเขา นั่นล่ะก็ หมายความว่าคุณต่อต้านตำหนักเทพโอสถ”
เซี่ยฝูชานกัดฟันของเขาและพูดว่า “ฉันรู้ดีว่าตำหนักเทพโอสถ ของคุณมีเกียรติและมีความอิทธิพลมากมาย แต่แค้นนี้ต้องชำระ แม้ว่าจะต้องแลกกับชีวิตคนแก่ๆคนนี้ก็ตาม ฉันก็จะฆ่าเด็กคนนี้!”
“จริงเหรอ?” สีหน้าของท่านเจ้าสำนักเริ่มเย็นลง
“เลิกพูดจาไร้สาระ เอาเป็นว่าถ้าคุณปกป้องเขา คุณก็คือศัตรูของตระกูลเซี่ย!” เซี่ยฝูชานตะโกนลั่น เขาเท้าของเขาอีกครั้ง และโซ่ก็พุ่งไปยังท่านเจ้าสำนักของตำหนักเทพโอสถ !
ท่านเจ้าสำนักไม่ได้หวั่นไหว และด้วยท่าทางที่เย็นชาของเธอ เธอยกขาบางๆของเธอขึ้นแล้วใช้รองเท้าส้นสูงเหยียบพื้นเบาๆ
ทันใดนั้น แสงรังสีสีฟ้าที่มียันต์อันหนาทึบ ก็กวาดกระจายไปทั่วโดยที่มีท่านเจ้าสำนักอยู่ตรงกลาง!
โซ่ที่ของเซี่ยฝูชานก็หายไปในทันที และรัศมีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก็ผลักเซี่ยฝูชานกระเด็นกลับไปทันที!
“ฮึก!”
เพียงแค่กระทืบเท้าทีเดียว ก็ทำให้หัวใจของเซี่ยฝูชานถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้มีเลือดก็ไหลออกมา
ท่านเจ้าสำนักยังคงเย็นชา และพูดว่า “ถ้านายยังดื้อรันต่อไปละก็ วันนี้จะเป็นวันตายของนาย”
สีหน้าของเซี่ยฝูชานแย่มาก ทั้งเขาและท่านเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถ ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ แต่ช่องว่างของพลังระหว่างทั้งสองนั้นกว้างมากอย่างไม่คาดคิด!
“มานี่สิ” ในเวลานี้ ท่านเจ้าสำนักก็จับฉินเฉิง
ฉินเฉิงรีบลุกขึ้นและรีบไปยังทางท่านเจ้าสำนัก
“เจ้าเด็กบ้า ตายซะ!” เซี่ยฝูชานตะโกนออกมา และฉวยโอกาสนี้คว้าหลังฉินเฉิงด้วยฝ่ามือของเขา!
“เวิง!”
ในเวลานี้ จิตของเจ้าสำนักก็สำแดงเดช มือของเซี่ยฝูชานทั้งสองข้างก็ถูกแสงจับขึ้นลอยไปในอากาศ!
ยันต์นับไม่ถ้วยออกมาจากทุกทิศทุกทาง และคนทั้งสามของตระกูลเซี่ยก็ถูกคุมขังอย่างแน่นหนา!
เซี่ยฝูชานพยายามดิ้นรน แต่ก็พบว่ายิ่งเขาดิ้นรนมากเท่าไหร่ พลังลึกลับนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และเป็นติดแน่นบนร่างกายของเขายิ่งขึ้น!
“ฉินเฉิง! ฉันจะไม่ปล่อยแกไป!!!” เซี่ยฝูชานร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่ฉินเฉิงและท่านเจ้าสำนักก็ได้ออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ได้หันหลังกลับมามอง
ในเวลานี้ ฉินเฉิงหมดแรงแล้ว และอาการบาดเจ็บที่ร่างกายมันทำให้เขาแทบจะหมดสติ
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก…” ฉินเฉิงพูดพร้อมจับมือของเธอ
ท่านเจ้าสำนักไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
“ท่านเจ้าสำนัก คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม ฉันจะเป็นลม…” ฉินเฉิงพูดอย่างไม่มีทางเลือก
ท่านเจ้าสำนักหยุดเดิน เธอหันกลับมาและเหลือบมองฉินเฉิงอย่างแผ่วเบา และพูดว่า “ถ้าเจ้าเป็นลมที่นี่ ก็รอให้เซี่ยฝูชานฆ่าเจ้า แล้วฉันจะแก้แค้นให้”
หลังจากพูดจบ ท่านเจ้าสำนักก็เดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจฉินเฉิง
ฉินเฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันทนเดินต่อไป
ในที่สุดก็มาถึงรถด้วยความยากลำบาก ฉินเฉิงก็เป็นลมทันทีที่เขาก้าวขาเข้าประตูรถไป
เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็นอนอยู่ในลานบ้านของผู้อาวุโสแล้ว
ซูวานนั่งอยู่ข้างฉินเฉิง กำลังต้มยาอยู่ และเมื่อเธอเห็นฉินเฉิงตื่นขึ้น เธอก็เดินมาหาพร้อมกับยา
“รู้สึกอย่างไรบ้าง” ซูวานถามขณะเป่ายาให้ฉินเฉิง
ฉินเฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เป็นไร โชคดีที่ท่านเจ้าสำนักแห่งตำหนักเทพโอสถ มาถึงก่อน ไม่เช่นนั้นฉันคงแย่แน่ๆ”
ซูวานยิ้มและพูดว่า “ท่านเจ้าสำนักยังคอยปกป้องคุณ”
“ใช่ ฉันก็ไม่คาดคิดเหมือนกัน” ฉินเฉิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ทุกคนในตำหนักเทพโอสถ บอกว่าท่านเจ้าสำนักเป็นคนไร้ความปราณี แต่นางก็ยังคงปกป้องเขาครั้งแล้วครั้งเล่า มันคืออะไรกันแน่?
หรือว่ามองเห็นศักยภาพและพรสรรค์ของเขาเหรอ
ฉินเฉิงเองก็ไม่เชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน
“มาเถอะ อ้าปาก” ซูวานพูดพร้อมช้อนยา
เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนโยนของซูวาน ฉินเฉิงรู้สึกแคงเล็กน้อยในใจ
“มองอะไร มีอะไรให้น่ามองด้วยเหรอ” ซูวานพูดด้วยสายตาที่เย็นชา
ฉินเฉิงกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “ก็มองภรรยาของฉัน ฉันอยากจะมองมันตลอดชีวิตเลย”
“ไม่ต้องมาปากหวาน” ซูวานดุด้วยรอยยิ้ม “โอเค กินยาเร็วๆ”
หลังจากกลืนยาเข้าไป ทันใดนั้นคนเฝ้าประตูสองคนก็เดินเข้ามานอกประตู
พวกเขากระซิบ “ผู้อาวุโสฉิน ผู้อาวุโสหยูต้องการพบคุณ”
“ผู้อาวุโสหยู?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง
สองคนนั้นรีบพูดว่า “อ่า ไม่ใช่ๆ หยูฉงชือต้องการพบคุณ”
ฉินเฉิงหัวเราะ “เธอเพียงเป็นเภสัชกรและยังต้องการให้ผู้อาวุโสที่สง่างามอย่างฉันไปพบเธอด้วย?”
คนเฝ้าประตูทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน ดูเหมือนจะลำบากใจ
“หยูฉงชือ นั่นใคร” ซู่วานถามด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ
ฉินเฉิงโบกมือและพูดว่า “แม่ของหลินชิงเฉิง อย่าไปสนใจเธอเลย”
“นั่นก็คืออดีตแม่ยายของคุณ” ซู่วานยิ้มอย่างสนุกสนาน
ฉินเฉิงเกาเกาหัวและพูดต่อว่า “พูดจริงๆก็คือใช่ แต่ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแล้ว และผู้หญิงคนนี้ดีกว่าหลินชิงเฉิง เป็นไหนๆ”
เมื่อคิดถึงลักษณะอันดุร้ายของหลินชิงเฉิง ฉินเฉิงแค่คิด ก็เห็นพวกเธอทะเลาะกันแล้ว
ซูวานลุกขึ้นและพูดว่า “ฉันจะไปแทนคุณเอง ฉันแค่อยากจะพบแม่ยายเก่าของคุณ”
“ไปแทนฉัน?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “คุณจะไปทำอะไร คงไม่ได้ทำอะไรดีๆใช่ไหม หรือว่าจะหาเรื่องให้ฉัน หรือว่าแค่แกล้งฉัน”
“ไม่มีอะไร” ซูวานยิ้ม “คุณรักษาตัวนะ ฉันไปแปปเดียวก็มา”
หลังจากพูดแล้ว ซูวานก็เดินออกจากประตูไป
ฉินเฉิงต้องการลุกขึ้น แต่พบว่าลมปราณในร่างกายของเขานั้นว่างเปล่า เขาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน
เขานอนอยู่บนเตียง ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล
ซูวานเป็นเพียงคนธรรมดา แต่หยูฉงซือเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!
ถ้าหยูฉงซือลงมือกับซูวานจะทำยังไง