ยิ่งฉินเฉิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น เขาพยายามเลิกคิดแต่ก็ทำไม่ได้
หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปหาท่านเจ้าสำนัก เพื่อช่วยเขา
แต่ท่านเจ้าสำนักไม่ตอบข้อความ
ประมาณสิบนาทีต่อมา ซูวานก็กลับมาที่นี่อย่างปลอดภัย
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฉินเฉิงรีบถาม
ซูวานยิ้มและพูดว่า “ฉันจะเป็นอะไรได้ไง? ”
“หยูฉงชือ … ไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม?” ฉินเฉิงถามต่อ
ซูวานส่ายหัว “เธอจะทำอะไรฉันได้? ฉันพูดจากับเธอดีๆ ”
“คุยกันดีๆ?” ฉินเฉิงเกาหัว
คนอย่างหยูฉงชือ คุยกับคนอื่นดีได้ด้วยเหรอ? ไม่เคยรู้มาก่อน
“นายรักษาตัวเถอะ” ซูวานยืนขึ้นและพูดว่า “ฉันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ”
ฉินเฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “อืม”
ในอีกด้านหนึ่ง หยูฉงชือกำลังโกรธควันออกหู
ซูวานมาพูดกับเธอเมื่อกี้ ทำให้เธอดูไร้ค่า
ถ้าเป็นเมื่อก่อนหยูฉงชือคงจะลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้เธอถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสแล้ว เธออยู่ในต้องควบคุมตัวจึงไม่กล้าทำอะไร ทำได้แต่อดทน
“ไป ออกไปเดินเป็นเพื่อนแม่” หยูฉงชือมองไปหลินชิงเฉิง
หลินชิงเฉิงจิตใจดูซับซ้อน ตอนที่เธออยู่ที่ปินโจว ซูวานอยู่สูงมากเกินที่จะเอื้อมถึง
แต่ตอนนี้ เธออยู่ระดับเดียวกัน แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไร
รอบๆตำหนักเทพโอสถเงียบสงบ แต่ไม่ไกลมีตลาดและร้านขายยาอยู่
ร้านขายยาที่ส่วนส่วนใหญ่เอาชื่อยาของตำหนักเทพโอสถมาใช้ และตำหนักเทพโอสถก็จะซื้อวัตถุดิบยาจากคนเหล่านี้ด้วย ทำให้คนแถวนี้ต่างร่ำรวยกันเป็นแถบ
“ยัยซูวานที่มันทำให้สวะอย่างฉินเฉิงเชิดหน้าชูคออยู่” หลินชิงเฉิงกล่าว
หยูฉงชือโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสายตาของพวกเธอ ฉินเฉิงต้องตายไปตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลซู!
“ฉันต้องหาโอกาสสอนบทเรียนพวกมัน!” หยูฉงชือกล่าวด้วยสายตาเคร่งขรึม
“คุณผู้หญิง ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” ในขณะนั้นมีเสียงดังมาจากด้านหลังของหยูฉงชือ
หยูฉงชือหันกลับมามอง เห็นชายร่างกำยำยืนอยู่ เขาสูงราวๆสองเมตร
เมื่อหันหน้ามาเจอกัน หยูฉงชือกับหลินชิงเฉิงต่างต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“นายเป็นใคร?” หยูฉงซีพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ชายฉกรรจ์ยิ้มและพูดว่า “ฉันมีบางอย่างต้องคุยกับคุณหยู”
หลังจากพูดจบ ชายฉกรรจ์ก็เชิญทั้งสองคนและเดินเข้าไปในตรอก
ฐานะปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหยูฉงชือ เมื่ออยู่ต่อหน้าชายฉกรรจ์กลับไร้เรี่ยวแรง
ชายฉกรรจ์คนนี้เป็นฉาวหว่า
มีเสียงคร่ำครวญออกมาจากในตรอก
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา หยูฉงชือและหลิงิงเฉิงก็วิ่งออกมา
สายตาของทั้งสองคนดูกหวาดกลัวราวกับว่ามีบางสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น
“จำคำพูดของฉันไว้ อย่ามายุ่งกับคุณซูและฉินเฉิง ไม่งั้นพวกเธอจะเสียใจ” เสียงเย็นชาของฉาวหว่าดังออกมาจากตรอก
การแสดงออกของทั้งสองเปลี่ยนไป พวกเธอพยักหน้าตอบรับ
ฉาวหว่าด้วยความที่เป็นโจรสลัดแห่งทะเลหลวง เขามีวิธีการทรมานนับไม่ถ้วน ที่สามารถจัดการกับสองคนนี้
…
ในตอนกลางคืน ฉินเฉิง กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบาย ๆ
โดยมีซูวานคอยดูแล เธอนำผ้ามาเช็ดตัวให้ฉินเฉิง
“พูดตามตรง ฉันหล่ะเริ่มชอบชีวิตแบบนี้แล้ว” ฉินเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูวานมองฉินเฉิงอย่างเอือมๆ “งั้นนายก็นอนที่นี่ไปตลอดเลยสิ”
“ไม่ได้หน่ะสิ” ฉินเฉิงส่ายหัวครั้ง เขาคำนวณเวลา เหลือเวลาอีกเพียงเจ็ดเดือนก่อนการต่อสู้กับซูหยู่ เจ็ดเดือนนี้เป็นช่วงวิกฤตที่สุด
ในขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีคนมาเคาะประตู
ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็เห็นหยูฉงชือกับหลินชิงเฉิงยืนสั่นอยู่ที่ประตู
เมื่อเห็นคนสองคนนี้ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วทันที
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ?” ฉินเฉิงถามด้วยใบหน้าที่เย็นชา
หยูฉงชือเหลือบมองที่ซูวาน ซูวานก็มองมาที่เธอเช่นกัน
สายตาของฉินเฉิง ต่างจาก ซูวานมีสีหน้าเย็นชาและมีสายตาที่พร้อมอาฆาต
หยูฉงชือกับหลินชิงเฉิงตัวสั่นทันทีและโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ขอ…ขอพบคุณซู ”
ซูวานไม่พูดอะไร เธอหันกลับมาและเช็ดตัวของฉินเฉิงต่อไป
“เรา… เรามาที่นี่เพื่อขอโทษ” หยูฉงชือก้มหัวลงไม่กล้าที่จะสบตาซูวาน
ฉินเฉิงตกตะลึง ขมวดคิ้วและพูดว่า “พวกเธอเล่นตลกอะไรกันอีก?”
“ไม่เลย!” หลินชิงเฉิงรีบกล่าว “เรามาขอโทษจากใจจริง และสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก…”
“ใช่ ใช่” หยูฉงชือพยักหน้า
นั่นยิ่งทำให้ฉินเฉิงงงมากขึ้น เขามองไปที่ทั้งสองคนนั้น จึงรู้ว่าทั้งสองไม่ได้โกหก
หลังจากนั้นหยูฉงชือ เหลือบมองที่ซูวานและพูดว่า “คุณซู พวกเราไปกันได้เลยไหม? ”
ซูวานกล่าวว่า “ถามฉินเฉิงแล้วกัน”
“ฉิน…ฉินเฉิง…” หยูฉงชือมองดูฉินเฉิงอย่างน่าสงสาร ด้วยแววตาที่อ้อนวอนของเธอ
ฉินเฉิงโบกมือและพูดว่า “ไปเถอะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองจึงหันหลังกลับไป
หลังจากที่พวกเธอกลับไป ฉินเฉิงก็เอนกายลงบนเตียงแล้วพูดว่า “ไหน คุณลองบอกมาสิ ว่าทำอะไรกับพวกเธอบ้าง ”
ฉินเฉิงไม่ใช่คนโง่ สองคนนี้กลัวซูวานอย่างเห็นได้ชัด
ซูวานหรี่ตา “ฉันจะทำอะไรกับพวกเธอได้ ก็แค่คุยกันดีๆ ”
ฉินเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แล้วชายฉกรรจ์คนนั้น คุณเป็นคนจัดการด้วยหรือเปล่า?”
ซูวานไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
นั่นยิ่งทำให้ฉินเฉิงรู้สึกว่า ตั้งแต่ซูวานกลับมา เขายิ่งไม่เข้าใจเธอมากขึ้น
“ไม่รู้ว่าชายชราลึกลับทำอะไร” ฉินเฉิงส่ายหัว
ตอนแรกคิดว่าหลังจากฝึกฝนเพื่อคอยปกป้องซูวาน แต่ตอนนี้ ซูวานกลับเป็นคนปกป้องเขาเอง
มันให้ความรู้สึกแบบสุดยอดไปเลย
…
หลังจากพักฟื้นที่ตำหนักเทพโอสถเป็นเวลาสามวัน ฉินเฉิงก็ฟื้นตัวขึ้น
ทันทีที่เขาลุกขึ้น ฉินเฉิงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่า เขาก้าวไปสู่ปรมาจารย์ขั้นสาม
“ก่อนสิ้นปี อาจมีความหวังที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของปรมาจารย์จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่” ฉินเฉิงคิดกับตัวเอง
ในเวลาเดียวกันซูหยู่ก็ออกจากการฝึกภายใต้การดูแลของโจวติ่ง เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขา
ฟอรั่มนักต่อสู้ได้รายงานการต่อสู้ของซูหยู่อย่างต่อเนื่อง หลังจากฝึก เขาได้ต่อสู้ 11 ครั้งไม่แพ้สักครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสมาคมการต่อสู้จิงตูยังต้องซูฮกให้กับเขา