เดิมทีถังหยิงเป็นคอยแต่จะเลียแข้งเลียขาผู้มีอิทธิพล การที่เค้าสามารถที่จะเสพสุขกับตระกูลซูได้ เค้าจะไปยอมปล่อยให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบากได้ยังไงกัน
เสียวหยู่เชี้ยนพ่นควันออกมา จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาช้าๆว่า: “ที่ตำหนักเทพโอสถมันมียาที่ทำให้หมดรัก ว่ากันว่ามันสามารถทำให้จอมยุทธ์ลุ่มหลงได้ ไม่รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ตอบนายหญิงตามจริง ยาลุ่มหลงนี่สามารถทำให้จอมยุทธ์ลุ่มหลงได้ครับ” ถังหยิงพูดต่ออย่างมั่นใจว่า “เพียงแค่จอมยุทธ์กินมันเข้าไป เค้าไม่เทียนแค่จะหมดสติไปอย่างกระทันหันเท่านั้น เมื่อเค้าตื่นขึ้นมาเค้าจะไม่เหลือความทรงจำอะไรเลย”
“นายทำมันได้ไหม?” เสียวหยู่เชี้ยนก็ถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถังหยิงก็ยืดหลังแล้วพูดอย่างมีนัยขึ้นมาว่า: “นี่มันก็เป็นเพียงแค่ยาขั้นพื้นฐานก็เท่านั้น ดูเหมือนว่าสมาชิกแทบทุกคนทำมันขึ้นมาได้”
“เอาหละ” เสียวหยู่เชี้ยนก็ค่อนข้างพอใจ “ฉันต้องการให้นายปรุงยาลุ่มหลงนี่ขึ้นมาในสามวัน จากนั้นก็หาวิธีให้นายสำนักตำหนักเทพโอสถกินมันเข้าไปให้ได้”
ท่าทีของถังหยิงก็เปลี่ยนไป เค้าพูดขึ้นมาเบาๆว่า: “นายหญิง คุณ… คุณหมายความว่าอย่างไร”
เสียวหยู่เชี้ยนก็พูดขึ้นมาเบาๆว่า: : “หรือว่านายไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งอะไรกับนายสำนักตำหนักเทพโอสถ? เค้าเองก็อยู่ตำแหน่งนี้มานานมากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยน”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสียวหยู่เชี้ยนก็หยุดแล้วพูดต่อว่า: “ถ้านายทำมันให้ฉันได้ ตระกูลซูจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับนาย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถังหยิงก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่ในใจเค้าก็ยังมีความกังวลอยู่ หากเรื่องนี้โดนจับได้ ผลที่ตามมามันจะกลายเป็นหายนะ!
“นายกำลังลังเลอะไร?” เสียวหยู่เชี้ยนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เธอดูไม่พอใจ
“โอกาสมาถึงแล้ว ถ้านายแพ้ นายก็หายตัวไปซะ ด้วยความสามารถของตระกูลซู ฉันสามารถหาคนมาแทนได้ทุกเมื่อ” เสียวหยู่เชี้ยนก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา
หลังจากพูดจบ เธอก็เอนตัวลงบนโซฟาแล้วหลับตาลงเล็กน้อย
ถังหยิงยืนอยู่อย่างลังเล ในใจเค้าก็สับสนเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นาน ถังหยิงก็กัดฟันแล้วพูดว่า: “นายหญิง ผมตกลง!”
“ดี” เสียวหยู่เชี้ยนก็ลืมตาขึ้น “อีกสามวัน ฉันจะรอนายอยู่ที่ตำหนักเทพโอสถแล้วนายก็พาเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถมาเจอฉัน จำไว้ว่าอย่าเปิดโปงตระกูลซูเด็ดขาด”
“ไม่ต้องห่วงครับ!” ถังหยิงก็รีบพยักหน้าขึ้นมา
เสียวหยู่เชี้ยนก็โบกมือขึ้นมาเพื่อบอกให้ถังหยิงออกไปได้แล้ว
แต่ถังหยิงก็ยังคงอยู่ที่นั่นอยู่นานโดยไม่ขยับอะไร
เสียวหยู่เซี้ยนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “ทำไม ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
ถังหยิงยิ้มแล้วพูดว่า: “นายหญิง ถ้าผมทำตามที่คุณบอกแล้ว ผมจะได้เป็นเจ้าสำนักจริงๆเหรอครับ?”
“แน่นอนสิ” เสียวหยู่เชี้ยนก็พูดขึ้นมาว่า “ตำแหน่งเจ้าสำนัก ไม่ว่าใครก็ตามนั่ง เพียงแค่นายเชื่อฟัง ตำแหน่งนี้มันก็ไม่ใช่ว่าตระกูลซูจะทำไม่ได้”
“ในเมื่อนายหญิงพูดมาแบบนี้ผมก็วางใจ!” ถังหยิงพยักหน้าอย่างแรง แต่สีหน้าของเค้ามันก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความเศร้าใจออกมาพร้อมๆกัน
หลังจากกลับมาที่ตำหนักเทพโอสถแล้ว ถังหยิงก็เริ่มปรุงยาลุ่มหลงนี้ขึ้นมาอย่างลับๆ
วัสดุยาที่จำเป็นสำหรับการปรุงยาลุ่มหลงนั้นมันก็ไม่มีอะไรมาก มันเป็นตัวยาที่มีอยู่แล้วในตำหนักเทพโอสถ
ดังนั้นถังหยิงก็เลยรีบไปเอาตัวยามาแล้วเค้าก็ปิดล็อคประตูอย่างแน่นหนาและเริ่มปรุงยาลุ่มหลงนี้ขึ้นมาอย่างลับๆ
…
ในเวลาชั่วพริบตา ฉินเฉิงก็จำศีลมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว
และความเร็วในความก้าวหน้าของเค้านั้น มันน่าทึ่งมาก เค้าก้าวจากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสองไปสู่ขั้นที่ห้าได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากก้าวเข้าสู่ขั้นที่ห้าแล้วดูเหมือนว่าฉินเฉิงจะพบกับปัญหาทางตัน หลังจากใช้เวลาสองสามวัน เค้าก็ไม่สามารถไปต่อได้ ดังนั้นเค้าก็เลยทำได้เพียงแค่หยุดชั่วคราวเท่านั้น
สำหรับจอมยุทธ์ระดับนี้ การจำศีลไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดในการฝึกฝนเพื่อไปต่อ ตรงกันข้ามการต่อสู้ของชีวิตและความตายจะนำมาซึ่งการพัฒนาที่ดีกว่า
ฉินเฉิงเดินเข้าไปในตำหนักเทพโอสถ เค้าลูบไปที่คางแล้วคิดกับตัวเองว่า: “นอกจากเจ้าสำนักตำหนักเทพโอสถแล้ว มันก็ไม่มีใครที่จะมาสู้กับฉันได้เลย อย่างงั้นจะไปหาใครมาฝึกดี?”
ในตอนที่กำลังคิดเกี่ยวกับมันอยู่นี้เอง ฉินเฉิงก็นึกถึงคนๆหนึ่ง: เซี่ยฝูซาน!
เค้าเป็นจอมยุทธจริงๆ การไปหาเค้าเพื่อฝึกมันก็จะไม่ดีกว่าอย่างงั้นเหรอ?
“ฉันนี่ฉลาดมากจริงๆ!” ฉินเฉิงตบเข้าไปที่หัวของตัวเอง เค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในสติปัญญาของตัวเอง
ในตอนนี้เอง ถังหยิงที่อยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามา
หลังจากที่เห็นฉินเฉิงแล้ว สีหน้าของถังหยิงก็มืดลง
ในตอนที่เค้าเดินผ่านฉินเฉิง เค้าถ่มน้ำลายลงบนพื้น
“หยุด” เสียงที่จริงจังก็ดังขึ้นมาจากที่ด้านหลัง
ถังหยิงหยุด เค้าหันกลับมาแล้วพูดว่า: “ทำไม นายมีปัญหาอะไรไม่ทราบ?”
ฉินเฉิงชี้ไปที่เสมหะบนพื้นแล้วพูดว่า: “ถ่มมันออกมายังไง ก็กินมันกลับเข้าไปแบบนั้น”
สีหน้าของถังหยังก็เปลี่ยนไป เค้าพูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า: “ฉินเฉิงนี่แกหมายความว่ายังไงกัน”
“เสมหะนี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” ฉินเฉิงเหลือบตามองแล้วพูดขึ้นมา
ถังหยิงพูดอย่างคลุมเครือว่า: “ช่วงนี้ฉันคออักเสบหนะ?”
“ไม่ได้” ฉินเฉิงพูดอย่างเย็นชาว่า: “ถ่มมันออกมายังไง ก็กินมันกลับเข้าไปแบบนั้น”
“ไอ่*** ฉินเฉิง แกอย่ามาเยอะให้มันมากนักนะ!” ถังหยิงโกรธจัด เค้าเป็นที่รู้จักกันในชื่อบุตรแห่งสวรรค์ผู้จองหอง เค้าจะไปรับได้กับเรื่องที่ไม่น่าพอใจแบบนี้ได้ยังไงกัน?
“จะกินมันหรือไม่?” ฉินเฉิงถามอย่างเย็นชา
“กินบ้าน***สิ!” ถังหยิงไม่เพียงแต่ไม่กิน แต่เค้ายังถ่มน้ำลายลงพื้นอีกครั้ง
ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ก้าวตรงเข้าไปหาถังหยิงแล้วใช้มือที่เหมือนกับคีมเหล็กบีบเข้าไปที่คอของถังหยิง
ถังหยิงใช้พละกำลังพลังทั้งหมดของเค้าดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น แต่เค้ากลับพบว่ามือของฉินเฉิงมันเป็นเหมือนคีมคีบเหล็ก ไม่ว่าเค้าจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด!
“ผั๊วะ!”
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็ตบหน้าของเค้าอย่างแรงแล้วถามว่า: “จะกินมันไหม?”
“ฉันกินแม่***สิ…” ถังหยิงยืนยัน
ฉินเฉิงจับเข้าไปที่คอของเค้าแล้วตบไปถามไปอย่างงั้นเรื่อยๆ
ฝ่ามือทองของเค้าตบหน้าถังหยิง หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของถังหยิงก็บวมเป่งขึ้นมา
“อย่า… อย่าตีฉัน ฉันจะกิน ฉันจะกินแล้วยังไม่พออีกเหรอ..” ในตอนที่เค้าตบเข้าไปเป็นครั้งที่ห้าสิบนี้เอง ถังหยิงก็ยอม
ฉินเฉิงโยนเค้าลงไปที่พื้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “กินมันซะ”
ถังหยิงกัดฟัน ร่างกายของเค้ามันก็สั่นไปทั้งตัวโดยไม่รู้ตัว
“ทำอะไรหนะ” ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลก็เดินผ่านเข้ามาพอดี
เมื่อเห็นแบบนี้ ถังหยิงก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ท่านผู้อาวุโส ท่านมาได้เวลาพอดีเลย ฉินเฉิงนี้มันมากเกินไปแล้วจริงๆ มันจะให้ผมกินน้ำลายที่เข้าไป!”
“ไอ่*** มันก็เห็นชัดอยู่แล้วว่ามันเป็นน้ำลายของแก” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เค้าโบกมือแล้วพูดว่า: “ฉินเฉิง พวกเราต่างก็อยู่สำนักเดียวกัน ช่างมันไปเถอะ”
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่ผู้อาวุโสผู้ใหญ่แล้วพยักหน้า: “เห็นแก่ผู้อาวุโสใหญ่ ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้ ถ้ารอบหน้ากล้ายั่วยุแบบนี้อีก ฉันจะหักขาของแกซะ”
แม้ว่าถังหยิงจะโกรธ แต่เค้าก็ไม่กล้าเถียงอะไรซักคำ เค้ายืนอยู่ข้างผู้อาวุโสใหญ่โดยไม่พูดอะไรซักคำ
หลังจากที่ฉินเฉิงจากไป ถังหยิงก็ด่าขึ้นมาในใจของเค้า: “ฉันจะปล่อยให้แกจองหองได้อีกแค่สามวันเท่านั้น! เมื่อใดก็ตามที่ฉันได้เป็นเจ้าสำนัก ฉันจะเล่นงานแกให้หนักเลย!”
ในตอนเย็น ดวงอาทิตย์มันก็เป็นสีเลือด
หมอยาของตำหนักเทพโอสถก็พึ่งจะกินข้าวกันเสร็จ
“ตูม!”
ในตอนนี้เอง มันก็มีเสียงดังจากขอบฟ้า จากนั้นทุกคนก็มองออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้ นี่มันคงไม่ใช่แผ่นดินไหวใช่ไหม?”
“ไม่… มันไม่ใช่แผ่นดินไหว ดูเหมือนว่าฉินเฉิงกับเซี่ยฝูซานจะกำลังประลองกันอยู่!”