ชูชีเชิงหัวเราะแล้วพูดว่า: “ฉันเอง! ได้ยินมาว่านายออกมาจากตำหนักเทพโอสถแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
ฉินเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เค้าแค่ตอบว่าใช่
“คุณชูมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา
ชูชีเชิงก็เงียบไปซักพัก จากนั้นเค้าก็พูดว่า: “นายอยากจะลองมาเที่ยวเมืองจิงตูซักหน่อยไหม?
“ไปเมืองจิงตู?” อันที่จริง ฉินเฉิงเองก็มีความคิดนี้อยู่แล้ว แต่เค้าแค่ยังไม่เจอโอกาสที่เหมาะสม
ตรงกันข้าม ที่เมืองจิงตูมันก็มีโอกาสที่มากกว่า มันดีมากกว่าสำหรับการบ่มเพาะพลัง
แต่ตอนนี้ ฉินเฉิงก็ดันมาเจอเข้ากับทางตันการไปต่อมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
“บอกตามตรง ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ชูซีเชิงก็พูดว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ผู้อาวุโสบ้านฉันเค้าป่วย ผมก็เลยอยากจะเชิญคุณมาดูอาการเค้าหน่อย”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “คุณชู คุณเองก็สนิทกับเจ้าสำนัก ทำไมคุณไม่เชิญ เจ้าสำนักไปหละ”
“เธอไม่ว่าง” ชูซีเชิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น “ผมก็เลยเชิญเธอมาไม่ได้”
ฉินเฉิงเงียบไปซักพัก จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า “เอาหละ ถ้าฉันมีเวลาฉันจะเข้าไป”
หลังจากวางสายแล้ว ฉินเฉิงก็บอกกับซูวานถึงความคิดของเค้า
สำหรับเมืองจิงตูแล้ว ซูวานก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
เธอมีความหวังอยู่บ้าง แต่ก็กลัว
มันไม่มีความทรงจำดีๆอะไรเหลืออยู่เลย มันมีเพียงแต่เรื่องแย่ๆ
เมื่อเห็นสีหน้าที่สับสนของซูวาน ฉินเฉิงก็โบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวฉันค่อยโทรกลับไปบอกเค้า”
“ไปเถอะ” ซูวานยิ้ม “ฉันเองก็อยากลองกลับไปดูเหมือนกัน”
“ก็ได้” ฉินเฉิงพยักหน้า
ซูวานพูดต่อว่า: “ยังไงก็ตาม ถ้าสมาคมศิลปะการต่อสู้มณฑลปินโจวมาหาเรื่องนายหละก็ นายก็ยังสามารถขอให้ชูซีเชิงช่วยเหลือได้”
“ตระกูลชูกับสมาคมศิลปะการต่อสู้ พวกเค้ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ซูวานยิ้มแล้วพูดว่า: “ตระกูลชูแตกต่างไปจากตระกูลซู ตระกูลซูให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับโลกภายนอก พวกเค้ามีความสัมพันธ์กันทั่วโลกแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องของศิลปะการต่อสู้มากนัก แต่กับตระกูลชู พวกเค้าตรงกันข้าม พวกเค้าให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับศิลปะการต่อสู้ ที่สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูก็มีหลายคนจากตระกูลชูที่มีตำแหน่งอยู่ในนั้น”
จากนั้นฉินเฉิงก็คิดได้
ความสัมพันธ์ของตระกูลซูนั้นมากกว่าตระกูลชูมาก ทรัพย์สินของตระกูลซูก็มีมากกว่าตระกูลชู
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ตระกูลซูก็เริ่มที่จะออกแรง ในเวลาเดียวกับซูหยู่ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำที่จองหองของตระกูล
แต่สถานการณ์ของตระกูลชูก็ไม่ดีมากนัก คนรุ่นใหม่ของตระกูลชู พวกเค้าเองก็อยู่ในสิบอันดับที่ดีที่สุด แต่มันก็ค่อนข้างห่างจากตระกูลซู
ที่อีกด้านหนึ่ง
ข่าวการเสียชีวิตของเซี่ยฝูซานก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนั่นมันก็กลับไปที่ตระกูลเซี่ย
ทุกคนในตระกูลเซี่ยก็ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเค้าไม่คิดว่าตัวตั้งตัวตีหลักทั้งสองของตระกูลเซี่ยจะต้องมาตายด้วยเงื้อมมือของฉินเฉิง
“แค้นนี้จะต้องชำระ!” สีหน้าของเซี่ยฝูไห่ก็เต็มไปด้วยความโกรธ เค้าตบมือลงไปบนโต๊ะตรงหน้าของเค้าอย่างแรง
“แต่… ตอนนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลเซี่ยเอง เค้าก็ยังจ้องมาเสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของฉินเฉิง อย่างงั้นตระกูลเซี่ยจะไปล้างแค้นมันได้ยังไงกัน?” มีเด็กคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่มืดมน
ตระกูลเซี่ยมีสถานะที่พิเศษในเจียงตูมาโดยตลอด มันแทบจะเรียกได้ว่าจักรพรรดิ์กันเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้การที่ต้องมาเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ โชคดีที่พวกเค้ามีจอมยุทธ์มากกว่าหนึ่งคนในตระกูลเซี่ย ไม่อย่างงั้นตระกูลเซี่ยทั้งตระกูลอาจจะต้องล่มสลาย
“ฆ่ามันไม่ได้ แต่ฉันก็มีวิธีการอื่น” เซี่ยฝูไห่ก็สูดลมหายใจเข้า แววตาของเค้ามันแสดงความอาฆาตแค้นออกมา
….
พลังวิญญาณที่ถูกทำลายไป ฉินเฉิงจะต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่
น่าเสียดายที่พลังวิญญาณแทบจะหายไปหมดแล้ว สองสามเดือนมานี้มันก็เปล่าประโยชน์
ครั้งนี้ การรวมพลังวิญญาณของฉินเฉิงมันก็มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก ครอบคลุมมากกว่าครึ่งหนึ่งของเขตชุมชน
ฉินเฉิงใช้เวลาสามวันเต็มในการจัดเตรียมการรวมพลังวิญญาณนี้ให้เสร็จสมบูรณ์!
“ฮู้วววว”
เมื่อเห็นการรวมพลังวิญญาณที่สร้างขึ้นใหม่ ฉินเฉิงถูมือด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า: “ไม่เลวเลย ความเร็วของรวมพลังวิญญาณครั้งนี้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก”
ในตอนที่เค้ากำลังพูดอยู่นี้เอง ก็มีใครบางคนมาเคาะประตู
ฉินเฉิงเดินไปดู เค้าพบว่าเป็นชายวัยกลางคนสองคนในชุดสูทรองเท้าหนัง
พวกเค้ากวาดสายตามองคฤหาสน์แล้วถามว่า: “นี่คือคุณฉิน ฉินเฉิงใช่ไหม?”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ฉันเอง คุณเป็นใคร?”
ทั้งสองคนไม่ตอบ แต่หยิบเอกสารออกมาแล้วยื่นให้กับฉินเฉิง
“นี่คือเอกสารที่ออกมาจากข้างบน พวกเค้าตัดสินใจให้คุณเข้ารับตำแหน่งประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้มณฑลปินโจว คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาสองสามวันในการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ” ทั้งสองคนก็พูดขึ้นมา
“สมาคมศิลปะการต่อสู้มณฑลปินโจว?” เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
เค้าต้องการจะปฏิเสธ แต่ทั้งสองคนไม่สนใจอะไรเค้าเลย พวกเค้าวางเอกสารลงแล้วก็เดินจากไป
“นี่ฉันเปลี่ยนตัวเองกลายไปเป็นผู้นำจอมยุทธ์ในมณฑลปินโจวแล้วเหรอ” ฉินเฉิงเปิดดูเอกสารนี้แล้วคิดกับตัวเอง
หลังจากที่ฉินเฉิงย้ายจากเมืองจิงมา กองกำลังทุกขนาดในเมืองจิงก็ได้เข้ามาเยี่ยมเยียน หลายคนต่างก็เต็มใจที่จะมาก้มหัวแล้วก็ยอมร่วมมือกับเค้า
ฉินเฉิงไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน เค้าตอบรับคนพวกนี้ทีละคนและจดชื่อของคนพวกนี้ไว้
สามวันต่อมา รถสีดำก็มาจอดที่ประตูคฤหาสน์
ทันทีที่รถหยุด ก็มองเห็นชายชราคนหนึ่งที่เดินลงมาจากรถ
เค้าเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่มีพลังปราณและความแข็งแกร่งพอๆกับเฝิงกง
“ไป ไปจับตัวฉินเฉิงมาให้ฉัน!” ชายชราโบกมือขึ้นมา จากนั้นคนสองคนที่อยู่ข้างๆเค้าก็รีบเข้าไปในคฤหาสน์ในทันที
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็กำลังยุ่งอยู่กับการปลูกสมุนไพรใหม่ๆ หลังจากที่เห็นชายสองคนที่รีบวิ่งเข้ามา เค้าก็ตบเข้าไปในทันที
ชายสองคนกระเด็นออกไปก่อนที่พวกเค้าจะเข้ามาถึงตัวของฉินเฉิง
“ฉินเฉิง แกกล้ามาเลยนะ แกกล้าลงมือกับคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้ของเรา!” สองคนนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ฉินเฉิงหรี่ตาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแกเป็นสมาชิกของสมาคมศิลปะการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉันก็เป็นประธานของของสมาคมศิลปะการต่อสู้แล้ว พวกแกก็ควรจะเคารพฉันไม่ใช่เหรอ”
“ประธาน?” ทันใดนั้นเอง ทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมา “แกเป็นประธาน งั้นไป๋หยวนอู๋เป็นใครกัน?”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ประธานไป๋กำลังรอแกอยู่ที่ประตู ทางที่ดีแกตามเราไปน่าจะดีกว่านะ” ทั้งสองพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงวางพลั่วเหล็กในมือลง เค้าพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า: “ตกลง ฉันจะไปกับพวกแก”
แม้ว่าชายหนุ่มสองคนนั้นจะเต็มไปด้วยความอิจฉาต่อฉินเฉิง แต่พวกเค้าก็ทำได้แค่เพียงลับหลังเท่านั้น
หลังจากไปถึงประตู ฉินเฉิงก็เจอไป๋หยวนอู๋
เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “แกตบลูกชายฉัน?”
ฉินเฉิงก็พูดว่า: “เค้าพังประตูบ้านของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉัน…”
“ฉันไม่ฟังเรื่องพวกนั้น!” ไป๋หยวนอู๋ขัดจังหวะการพูดของฉินเฉิง “แกแค่ตอบฉันมาว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่”
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเมื่อได้ยินแบบนี้: “คุณเป็นข้าราชการที่มีอำนาจมาก เมื่อลูกชายของคุณทำเรื่องผิดพลาด ทำไมคุณไม่ไปสั่งสอนเค้า?”
“การจะสั่งสอนมันก็ไม่ใช่เรื่องของแก!” ไป๋หยวนอู๋ก็ด่าทอทั้งมา
เค้าหยิบเอกสารออกจากกระเป๋าแล้วพูดว่า: “นี่คือหมายจับที่ออกโดยสมาคมศิลปะการต่อสู้ของเรา มากับเราซะ”