หลังจากพูดจบ คนสองคนที่อยู่ข้างหลังไป๋หยวนอู๋ก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนของฉินเฉิงไว้
ร่างกายของฉินเฉิงสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นทั้งสองก็กระเด็นลอยออกไปในทันที
“ฉินเฉิง แกคิดจะขัดขืนอย่างงั้นเหรอ!” ไป๋หยวนอู๋โกรธจัด
ฉินเฉิงยื่นมือออกมาแล้วคว้าหมายจับ จากนั้นเค้าก็ฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
“แก…” สีหน้าของไป๋หยวนอู๋ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ฉินเฉิง แกมันบ้าไปแล้ว!”
ฉินเฉิงยกมือขึ้นมาแล้วตบหน้าเค้า “ฉันไม่เพียงแต่จะตบลูกชายของคุณเท่านั้น แต่ฉันยังตบคุณด้วย!”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็ตบหน้าของเค้าอีกครั้ง
ไป๋หยวนอู๋ก็โดนตบสามครั้งติดจนเห็นดาว
“กลับไป กลับไป ฉันจะบอกหัวหน้าแน่!” ไป๋หยวนอู๋ก็พูดอย่างโกรธเคือง
ฉินเฉิงหัวเราะเยาะ: “ไป๋หยวนอู๋ ฉันเกรงว่าคุณจะยังไม่รู้ตำแหน่งของฉัน ตอนนี้ประธานของสมาคมศิลปะการต่อสู้เมืองปีนังก็คือฉัน”
“ตอแหล!” ไป๋หยวนอู๋ตะโกนขึ้นมา “แกจะบอกว่าเป็นแกอย่างงั้นเหรอ? ฉันไม่เคยได้รับเอกสารอะไรมาก่อนเลย!”
“นั่นเป็นว่าคุณถูกจับแล้ว” ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา
โดยปกติแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะได้รับเอกสาร แต่ถ้าไม่ได้รับ แสดงว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
“ให้ตายเถอะ ไอ่***!” หน้าผากของไป๋หยวนอู๋เต็มไปด้วยเหงื่อ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เค้าอาศัยตำแหน่งนี้และมันก็ทำเงินได้มากมาย แต่เค้าไม่ได้ใช้เงินเอง เค้าแบ่งมัน!
เค้าจัดการทุกอย่างที่เค้าสามารถจัดการได้ เค้าจะถูกจับได้ยังไงกัน?
ในตอนนี้เอง มันก็มีรถอีกคันที่อยู่ไม่ไกลขับเข้ามา
มันมีป้ายขนาดใหญ่บนรถ พอเห็นป้ายนี้ สีหน้าของไป๋หยวนอู๋ก็เปลี่ยนไป
ทันทีที่รถหยุด ก็มีเจ้าแห่งพลังปราณหลายคนที่ลงมาจากรถ
พวกเค้าเดินข้ามไป๋หยวนอู๋ไปแล้วเดินตรงไปหาฉินเฉิง จากนั้นก็พูดว่า: “คุณคือฉินเฉิง ใช่ไหมครับ?”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ใช่แล้ว”
“นี่คือเอกสารของคุณ ภายในวันพรุ่งนี้ อย่าลืมไปรายงานตัวที่สมาคมศิลปะการต่อสู้นะครับ” ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงเหลือบมองไป๋หยวนอู๋แล้วถามว่า: “ใช่แล้ว สหาย ฉันถามหน่อยแล้วไป๋หยวนอู๋หละ จะจัดการยังไง?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา: “ไป่หยวนอู๋ เค้าน่าจะถูกจับไปตั้งนานแล้ว แต่หลักฐานยังไม่เพียงพอ เรารวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้เมื่อไม่นานมานี้ พวกเรากำลังจะเข้าจับกุมเค้า”
หลังจากที่ไป๋หยวนอู๋ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เค้าก็หันหลังแล้วเตรียมที่จะวิ่งหนีไป
ฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเค้าก็ตบเข้าไปที่หลังของไป๋หยวนอู๋ดัง”ตุบ”
ไป๋หยวนอู๋ที่โดนฝ่ามือนี้เข้าไปโดยตรง เค้าก็กระอักเลือดออกมาแล้วล้มลงไปที่พื้นอย่างแรง
“ไม่ต้องไปแล้ว ไป๋หยวนอู๋เค้าอยู่ที่นี่แล้ว” ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา
ทั้งสองมองหน้ากัน พวกเค้ารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อดูรูปหน้าของไป๋หยวนอู๋
“จริงเหรอ!” ทั้งสองคนดีใจมาก พวกเค้ารีบวิ่งไปที่ไป๋หยวนอู๋แล้วกดเค้าลงไปที่พื้น
ไป๋หยวนอู๋ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ถ้าเค้ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก เค้าจะไม่มาที่เมืองจิงเลย ถ้าเป็นแบบนี้บางทีเค้าก็อาจจะพอมีโอกาสรอดอยู่บ้าง
“ท่านประธานฉิน ขอบคุณมากครับ” สหายทั้งสองก็ยิ้มให้กับฉินเฉิง
ฉินเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่ดูพอใจ: “ไม่ต้องหรอก มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะลงโทษจัดการกับเรื่องเลวร้ายพวกนี้! ฉันจะปฏิบัติต่อคนชั่วอย่างไป๋หยวนอู๋อย่างชอบธรรม!”
ไป๋หยวนอู๋แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด เค้าอ่อนแอมากอยู่แล้ว หลังจากโดนฝ่ามือตบ เค้าก็พูดอะไรไม่ออกเลย
อาจเป็นเพราะว่าหลังจากที่อยู่กับฉูเป่ยชวนมาเป็นเวลานาน ฉินเฉิงก็กลายเป็นคนที่พูดมากโดยไม่รู้ตัว
หลังจากจัดการกับเรื่องนี้แล้ว ฉินเฉิงก็วางแผนที่จะพุ่งเป้าไปที่ตระกูลซู
พลังของตระกูลซูในตอนเหนือทั้งหมดมันยิ่งใหญ่มาก ความสัมพันธ์ของพวกเค้าก็ซับซ้อนมาก หากต้องการถอนรากถอนโคนตระกูลซู เค้าก็จะไม่สามารถจัดการมันด้วยตัวเองได้
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอดเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในเมืองจิงตู มันเป็นเพราะตระกูลซูได้ฝังรากฝังโคนเอาไว้ที่นี่มานานมากแล้ว
แต่มันก็ไม่ยากเลยที่จะดึงอิทธิพลของตระกูลซูออกมาจากทางตอนเหนือ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ว่าทุกสถานที่จะเทียบได้กับตระกูลซู
ก่อนออกเดินทาง ฉินเฉิงก็วางแผนที่จะผ่อนคลายซักหน่อย
ตั้งแต่ที่เข้ามาสู่เส้นทางนี้ ฉินเฉิงก็แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลย นี่มันไม่ต้องพูดถึงซูวานเลย
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เค้าเองก็ไม่ใช่แฟนที่ดีเลยจริงๆ
ดังนั้นฉินเฉิงก็เลยใช้เวลาไปสองวันเพื่อคนหาวิธีการบนอินเตอร์เน็ต
ถ้าอยากจะไปเที่ยวแล้วหละก็ มันก็คงจะต้องเป็นเกาะหนานโจว
ในตอนนี้ มันก็เป็นช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ทางเหนือมันจะค่อนข้างหนาวแล้ว ส่วนเกาะหนานโจวที่อยู่ทางตอนใต้สุดมันก็ยังคงเป็นฤดูร้อนแล้วอากาศก็ไม่รุนแรงอะไรมาก
ดังนั้นฉินเฉิงก็เลยเลือกเกาะหนานโจว เค้าซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งในทันที
เค้าเลือกที่จะออกเดินทางในวันถัดไป เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเฉิงกับซูวานก็ออกเดินทางไปที่เกาะหนานโจว
“ดูเหมือนว่าหลายคนจากเมืองจิงก็จะไปเที่ยวที่เกาะหนานโจวนะ” ฉินเฉิงก็กระซิบขึ้นมาแล้วมองไปที่นักท่องเที่ยวบนเครื่องบืน
ซูวานพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ฤดูกาลนี้ มันเป็นช่วงที่เกาะหนานโจวได้รับความนิยมมากที่สุด พวกคนรวยจากเมืองจิงตูก็จะไปที่เกาะหนานโจวเพื่อจัดงานเลี้ยง”
“ไม่แน่เธออาจจะได้เจอคนที่เธอรู้จักก็ได้นะ” ฉินเฉิงก็ยิ้มขึ้นมา
แม้ว่าซูวานจะอยู่ที่จิงตูมาได้แค่ซักพักเท่านั้น แต่เธอก็รู้จักเด็กๆหลายๆคนที่มาจากตระกูลใหญ่
ว่ากันว่าหลังจากการล่มสลายของซูวาน พวกลูกคนรวยต่างก็ต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อเข้าหาเธอ แต่พวกเค้าทั้งหมดต่างก็ต้องล้มเหลว
ในตอนเย็น เครื่องบินก็ลงจอดที่เกาะหนานโจว
หลังจากที่ลงมาจากเครื่องบิน คลื่นอากาศร้อนก็กระทบเข้ามาที่หน้าในทันที
ฉินเฉิงกวาดสายตามองไปทั่วเกาะหนานโจว เค้าพบว่าพลังงานมันไม่รุนแรงเท่าที่เค้าคิด มันมีพลังงานเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ฉันจองเกสเฮาส์ริมทะเลไว้แล้ว” ฉินเฉิงพูด “เราไปที่นั่นกันเถอะ”
“เอาสิ” ซูวานยิ้ม
ฉินเฉิงไปที่ร้านขายรถสปอร์ตใกล้ๆ เพื่อเช่ารถPorscheแล้วขับรถไปที่เกสเฮาส์
โฮมสเตย์นี้มันชื่อว่า “เกสเฮาส์เหวินชิง” มันได้คะแนนสูงมากบินอินเตอร์เน็ต มันมีผู้คนเข้าพักที่นี่เป็นจำนวนมาก
ห้องที่ฉินเฉิงจองไว้มันก็ดีมาก มันเป็นห้องที่มีประตูติดทะเล
ซูวานออกไปที่หน้าต่าง ลมพัดผมยาวของเธอ มันพริ้วไหวในสายลมมากระแทกใบหน้าของฉินเฉิง
“ดูเหมือนว่าจะมีงานเลี้ยงอยู่ข้างหน้านั่นนะ” ฉินเฉิงพูดผ่านหน้าต่าง เค้ามองดูไฟที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ในตอนนี้เอง มีสาวงามมากมายรวมตัวกันบนเกาะ สาวงามเหล่านี้ส่วนใหญ่สวมใส่บิกินี่อวดเรือนร่างของพวกเธอ
“เดาว่าน่าจะเป็นคุณชายตระกูลหวัง” ซูวานก็พูดขึ้นมา
“เธอรู้ได้ยังไงกัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างงุนงง
ซูวานชี้ไปแล้วพูดว่า: “ดูสิ งานเลี้ยงมีดาราดังกี่คน? ในเมืองจิงตู คุณชายตระกูลหวังคือคนที่ชอบพวกดารามากที่สุด”
ฉินเฉิงมองออกไป มันเป็นความจริงที่ดาราดังเหล่านี้สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น มันแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าจะสามารถถ่ายภาพกันได้อย่างเต็มที่
ตอนหกโมงเย็น งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น งานเลี้ยงต้อนรับทั้งหมดมันก็เปลี่ยนกลายเป็นฉากงานเต้นรำในทันที เสียงเพลงที่ดังสนั่นมันก็ทำให้ผู้คนบ้าคลั่ง
ฉินเฉิงกับซูวานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปที่เดินเท้าเปล่ากันที่ชายหาด
รถหรูที่อยู่ไม่ไกลก็ขับเข้ามากันไม่หยุด พวกเค้าขับตรงไปที่งานเลี้ยง
“ซูวาน?” ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่แต่งตัวอินเทรนด์ก็เดินเข้ามาตบไหลของซูวาน