หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดเกิดขึ้นในงานทันที
ฉินเฉิงเตะชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “พอเถอะ ฉันจะไว้ชีวิตนาย”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและมีหยาดเหงื่อหยดจากหน้าผากของเขา
เขาจับไปที่แขนของตัวเอง จากนั้นก็มองมาที่หน้าของฉินเฉิงด้วยความไม่พอใจ “นาย…นายทำลายแขนฉันไปข้างหนึ่ง!”
ฉินเฉิงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่ฆ่านายก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนี้ ที่เขาไม่ได้นึกหน้าของตระกูลซู และมาในที่แบบนี้ ที่จริงก็เป็นเพราะเขาต้องการที่มาเหยียบย่ำตำแหน่งของจินฮู่
เมื่อมาแสดงความสามารถของตนเองให้หัวหน้าของตระกูลอื่นได้เห็น อย่างน้อยๆเขาก็อาจจะได้ครอบครองบางอย่างที่อยู่ในมือของจินฮู่?
และเขาก็คิดไม่ถึงว่าแขนของเขาจะต้องมาหักแบบนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เพื่อวันนี้ฉันต้องอดทนมานานกว่าสิบปี….” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกมาอย่างรับไม่ได้ “แต่นายมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน…”
เมื่อเห็นน้ำตาของเขาไหลลงมาบนใบหน้าของเขา ฉินเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
นี่เขาไม่ใช่นักฆ่าที่โหดร้ายหรอกหรือ? ทำไมจู่ๆถึงมาร้องไห้เหมือนผู้หญิงแบบนี้?
คนที่อยู่ที่นั่นไม่ได้สนใจชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าตั้งนานแล้ว ตอนนี้ความคิดของพวกเขากำลังอยู่กับตัวของฉินเฉิง
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณฉินจะเก่งกาจขนาดนี้! ไม่แปลกเลยว่าทำไมตระกูลซูถึงเลือกเขา!” มีคนพูดออกมา
คุณปู่ซูเองก็มีใบหน้าที่ตกใจ คิ้วของเขาขมวดมากกว่าทุกครั้ง
ถ้าหากจะบอกว่าฉินเฉิงมีความสามารถทางด้านของการแพทย์เป็นพิเศษเขาเองก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะคนบนโลกนี้ก็มีความสามารถในแขนงต่างๆทั้งนั้น
แต่นี่มันยากที่จะทำให้เชื่อว่าคนคนหนึ่งจะมีความสามารถที่มากมายขนาดนี้ แถมแต่ละความสามารถก็เรียกได้ว่าเป็นจุดสุดยอด!
“คงต้องหาข้อมูลของเขาให้มากกว่านี้แล้ว” คุณปู่ซูแอบคิดในใจ
ทุกคนต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับฉินเฉิง แต่ว่าสายตาของฉินเฉิงยังคงไม่ห่างจากชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
เขาพยายามอยู่สักพัก จนในที่สุดเขาก็เดินไปหาชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าและพูดออกมาว่า “นายเป็นถึงนักฆ่าที่ชั่วร้าย แต่กลับมาร้องไห้เพราะแขนหัก แบบนี้มันสมควรแล้วเหรอ?”
“นักฆ่าที่ชั่วร้าย?” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าทำหน้าตกใจ “ฉันเร่ร่อนมาตั้งหลายปี ฉันจะไปฆ่าใครตอนไหน?”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วมากขึ้นทุกที
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และจู่ๆก็พูดขึ้นว่า “ฉันถามอะไรนายหน่อย ถ้าหากฉันรักษาแขนของนาย นายจะหมดความข้องใจกับจินฮู่ได้หรือไหม?”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าตกใจและพูดออกมาว่า “แขนของฉันเสียไปแล้ว นายจะรักษาได้อย่างไร?”
“นายมีหน้าที่แค่ตอบคำถามฉันว่าได้หรือไม่ได้” ฉินเฉิงถามกลับไปอีกครั้ง
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่คิดอะไรทั้งนั้นเขาพูดออกมาทันทีว่า “ถ้าหากนายสามารถรักษาแขนของฉันได้จริง ฉันไม่เพียงแต่จะปล่อยจินฮู่ไปเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะถือว่านายเป็นอาจารย์ของฉัน!”
“ดี” ฉินเฉิงพยักหน้า เขานำมือไปวางไว้บนแขนของฉินเฉิง จากนั้นก็รวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือและส่งเข้าไปในร่างของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารู้สึกว่ามีน้ำไหลผ่านเข้ามาในแขนของเขา ความรู้สึกเจ็บปวดหายไปทันที
หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉินเฉิงก็เอามือออกและพูดออกมาว่า “ไหนลองขยับแขนดู”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบลุกขึ้นทันที จากนั้นก็ขยับแขนของตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ แขนของเขาหายเป็นปกติแล้ว!
“นี่มัน….” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ากลืนน้ำลายราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ
“นายพูดคำไหนคำนั้นใช่ไหม?” ฉินเฉิงถามกลับมา
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบคุกเข่าทันที จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณคุณฉินมาก! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณคือผู้มีพระคุณของผม!”
“ลุกขึ้นมาเถอะ” ฉินเฉิงโบกมือและพูด
เมื่อเห็นฉากนี้คุณปู่ซูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
เขาถอนหายใจและพูดออกมาว่า “จริงๆเลยฉินเฉิง ตอนแรกฉันก็คิดว่านายมันไร้ค่า คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมีความสามารถขนาดนี้”
การกระทำของเขาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ได้ช่วยจินฮู่เอาไว้ แต่ยังเอาชนะใจของใครหลายๆคนอีกด้วย
ชายคนนี้จะต้องมีอำนาจในอนาคต!
“ดูแล้วสายตาของวานเอ๋อไม่เลวเลยจริงๆ” คุณปู่ซูอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
จินฮู่ที่อยู่ข้างๆก็รีบเข้ามาหาฉินเฉิงทันที จากนั้นก้มหน้าลงกับพื้นและพูดว่า “ขอบคุณคุณฉินมากจริงๆที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
ฉินเฉิงโบกมือเบื่อบอกให้เขาลุกขึ้นมา
ในตอนนั้นคนใหญ่คนโตหลายคนที่คิดจะเอาชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไปเลี้ยงดูในตระกูลของตัวเอง ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วเกรงว่าคงจะทำไม่ได้
“ฮ่าฮ่า นายเก่งซะขนาดนี้ ทำไมวันนั้นถึงได้ไปโดนพวกนักเลงกระจอกเล่นงานเอาหละ?” ซูวานที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าถามออกมา
“นั่น….” ฉินเฉิงไม่รู้ว่าจะอธิบายออกไปอย่างไร เขายิ้มและพูดออกมาว่า “วันนั้นฉันท้องเสีย…”
“เอ๋?” เมื่อได้ยินแบบนั้นซูวานก็หัวเราะออกมาทันที
เธอกลอกตาแล้วพูดว่า “โอเค ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก ฉันจะไม่ถามละ”
ในที่สุดงานเลี้ยงก็เลิกรา หลังจากที่ออกมาจากด้านใน คนจำนวนไม่น้อยเข้ามาบอกลาฉินเฉิง
“เจ้าหนุ่ม นายนี่สุดยอดจริงๆ” ชายที่สวมชุดจีนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องโถงเดินเข้ามาตบไหล่ฉินเฉิงและพูดออกมาอย่างชื่นชม
“คุณก็พูดเกินไปครับ” ฉินเฉิงตอบกลับไปอย่างถ่อมตัว
หลังจากที่วุ่นวายอยู่หลายนาที สุดท้ายก็มีเสียงเตือนดังขึ้นมาว่า “ทางที่ดีคุณถอดกำไลข้อมือที่ใส่ไว้ออกมาดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวมันอาจจะทำร้ายร่างกายของคุณ เมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะไม่ทันแล้วก็ได้”
เมื่อได้ยินคำเตือนแบบนั้นชายที่สวมชุดจีนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มในตอนแรก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“เอาละ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “นายมีทักษะมากมาย ทั้งด้านการแพทย์ การต่อสู้ นายไม่จำเป็นต้องพูดจาไร้สาระ”
ฉินเฉิงหัวเราะออกมาทันที
คนคนนี้คิดว่าที่ฉินเฉิงพูดออกมาแบบนั้นก็เพื่อต้องการที่ประจบเขา
“ไม่เกินสามวัน ถ้าหลังจากนี้สามวันคุณมีเรื่องอะไรให้ช่วยก็โทรมาหาฉันได้ตลอดนะ” ฉินเฉิงพูดออกไป
“ฉันคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าทำไมฉันจะต้องโทรหานาย” ชายที่ใส่ชุดจีนพูดออกมา จากนั้นก็เดินจากไป
หลังจากที่งานเลี้ยงจบลง ฉินเฉิงก็เตรียมตัวกลับ
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบวิ่งมาที่ด้านหลังของเขา ฉินเฉิงจะไปที่ไหนเขาก็จะติดตามไปทุกที
“นายจะทำอะไร?” ฉินเฉิงมองและถามออกไป
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ากุมมือและพูดออกมาว่า “ในเมื่อฉันพูดไปแล้วว่าจะติดตามคุณ ฉันก็จะไม่กลับคำ!”
“อาจารย์ของนายจะเห็นด้วยเหรอ?” ฉินเฉิงยิ้ม
เมื่อชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าได้เยินแบบนั้น เขานำมือไปจับที่จมูกและพูดออกมาอย่างอึดอัดว่า “ที่จริงเมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งถูกไล่ออกมาจากสำนัก….”
“เอ๋?” เมื่อได้ยินแบบนั้นฉินเฉิงเองก็ตกใจ ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าฝีมือดีขนาดนี้ยังถูกไล่ออกมา งั้นความสามารถที่แท้จริงของเขาจะขนาดไหน? ไม่แปลกเลยว่าทำไมหวงหลงถึงได้อิจฉาเขา
ฉินเฉิงไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านั้น เขาสูดหายใจเขา หันไปมองทิศทางที่ไกลๆ จากนั้นพูดออกมาว่า “ถึงเวลาที่จะต้องไปถามเรื่องนั้นแล้ว”
“คุณฉิน คุณจะไปที่ไหน?” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถามออกมา
“บ้านตระกูลหลิน”
……
ที่หน้าประตูของบ้านตระกูลหลิน
ฝูงชนยืนอยู่ที่ประตูด้วยใบหน้าที่เบิกบานราวกับว่าพวกเขากำลังฉลองวันหยุด
“ชิงเฉิงน่าจะกลับมาแล้วหละ?” หลินเหว่ยพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “ลูกสาวของฉันนี่เก่งจริงๆ เธอจะต้องได้รับคำชื่นชมจากตระกูลซูอย่างแน่นอน”
“จากการประชุมในครั้งนี้ คนใหญ่คนโตในเมืองปีนังจะต้องรู้จักตระกูลหลินของเรามากขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากนี้จะทำอะไรก็สะดวกแล้ว”
หลินชิงเฉิงยังไม่กลับมา ฉินเฉิงก็มาถึงที่ด้านหน้าประตูของบ้านตระกูลหลินแล้ว
เมื่อมองเห็นฉินเฉิง หลินเหว่ยก็พูดออกมาว่า “ฉินเฉิง นายจะมาที่นี่ทำไม? นายไม่รู้หรือไงว่าวันนี้หลินชิงเฉิงไปไหน? เธอไปร่วมงานเลี้ยงการประชุมที่ตระกูลซูจัดขึ้น! ไม่แน่อาจจะได้เห็นเธอในทีวีก็ได้! ฮ่าฮ่าฮ่า”