หลังจากผ่านไปหลายวัน ในที่สุดเรือก็มาถึงเกาะหนานโจว
หลังจากที่ได้เห็นเกาะหนานโจว นักท่องเที่ยวบนเรือก็โล่งใจ
“แม่งเอ้ย ในที่สุดก็กลับมาถึงสักที ถ้าฉันกลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่ฉันจะไปจ้างบอดี้การ์ดดีๆสักคนมีดูแลฉันเป็นอย่างดี” มีคนพูดออกมา
และในขณะเดียวกันฉินเฉิงก็ฝึกวิชาเสร็จพอดี
ตามที่เขาคาดเอาไว้ ยาเม็ดทองคำเม็ดนี้สามารถเพิ่มระดับให้เขาหนึ่งระดับ จนก้าวขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ระดับแปด
ถึงแม้จะก้าวขึ้นมาแค่ระดับเดียว แต่สำหรับฉินเฉิงแล้ว นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
เนื่องจากกล้ามเนื้อของเขานั้นพิเศษกว่าคนทั่วไป ทุกครั้งที่เขาเพิ่มพลังหรือพัฒนาตนเองได้ กล้ามเนื้อของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก
“ยาเม็ดทองคำเม็ดนี้คุณภาพไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าหากมียาเม็ดทองคำที่คุณภาพดีกว่านี้ ฉันคงสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้อีก” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะแอบคิดในใจ
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ด้านนอกยังคงเป็นท้องทะเล
ดังนั้นฉินเฉิงจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไป และหลับตาลงอีกครั้ง
แสงสีทองปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา จากนั้นสิ่งที่เรียกว่า “กายาศักดิ์สิทธิ์” ก็เกิดขึ้นมา
กายาศักดิ์สิทธิ์เป็นความสามารถขั้นสูงสุดอย่างแท้จริง และเป็นสุดยอดเทคนิคพิเศษ ถึงต่อให้สามารถไปจนถึงจุดสุดยอดของจอมยุทธได้ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจำได้รับพลังนี้ได้
เทคนิคการขัดเกลาร่างกายในโลกนี้มีอยู่มากมาย แต่กายาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ่งใดมาสู้ได้
บางทีอาจเป็นลักษณะพิเศษของกล้ามเนื้อหรืออาจเป็นพรสวรรค์ของฉินเฉิง เทคนี้จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา เขาใช้เวลาเพียง 1 วันก็สามารถฝึกมันได้อย่างวมบูรณ์
เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน พึมพำกับร่างกายอย่างเงียบๆ และในทันทีร่างกายของฉินเฉิงก็เปล่งแสงสีทองออกมา!
แสงนี้แพรวพราวราวกับแสงของดวงอาทิตย์ และกระดูกในร่างกายของเขาก็เปรียบได้กับอาวุธที่หาที่เปรียบมิได้ และไม่มีวิธีที่จะทำลาย!
“เมื่อมีเทคนิคนี้ คิดว่าการที่จะฆ่าฉันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย” ดวงตาของฉินเฉิงเปล่งแสงออกมา
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็เดินออกมจากห้อง
ในตอนนี้เป็นงานเลี้ยงครั้งสุดท้ายของเรือสำราญ เมื่อเห็นฉินเฉิงออกไปในตอนนั้นทุกคนก็ถอนหายใจออกมา
“คุณฉิน ในที่สุดคุณก็ออกมาแล้ว” มีคนก้าวออกมาและพูดอย่างให้เกียรติ
“เออใช่ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในวันที่คุณจะมาที่จิงตู ถึงเวลานั้นพวกเราจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณเอง!”
จากนั้นฉินเฉิงก็กล่าวขอบคุณทุกคน และเดินตรงมาหาซูวาน ยื่นมือออกไปโอบเอวของเธอเอาไว้
ในสายตาของทุกคน ตอนนี้ฉินเฉิงถือว่าเป็นตัวเองของงานเลี้ยงในวันนี้
ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง ภาพที่เกิดขึ้นของทั้งสองคนพรรณนาได้เลยว่าพวกเขากำลังอยู่บนสวรรค์
“ทั้งสองคนช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง” คนที่อยู่รอบๆอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
ฉินเฉิงกวาดสายตามองไปที่ทุกคน และพูดออกมาช้าๆว่า “หนึ่งเดือนหลังจากนี้ฉันกับวานเอ๋อจะมาตรงเวลา ในขณะเดียวกันฉันจะนำยาจากตำหนักเทพโอสถมาขายด้วย หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนจะช่วยฉันหาสถานที่ที่เหมาะกับการจัดงาน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างดีใจขึ้นาทันที!
นำยาจากตำหนักเทพโอสถเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ถึงแม้จะมีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อมาครอบครองได้!
เหตุผลมันก็ไม่ใช่เพราะอะไร มันก็เนื่องมาจากเจ้าสำนักของตำหนักเทพโอสถเป็นคนที่ไม่สามารถต่อรองได้ จึงทำให้เหล่าหมอยาในตำหนักเทพโอสถมีความเย่อหยิ่ง การที่จะนำยาออกมาขายหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา
“คุณฉิน ที่คุณพูดออกมาเป็นความจริงเหรอ?” มีคนตะโกนถามออกมา
ฉินเฉิงพยักหน้าและพูดออกมาว่า “แน่นอน ยาที่ฉันนำมาจะต้องทำให้ทุกคนพอใจ”
“สุดยอดไปเลย!” จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างท่วมท้น
ฉินเฉิงโน้มตัวรับเสียงปรบมือและเดินโอบเอวของซูวานต่อไป
พวกเขาเดินออกมาจากงานเลี้ยงและมายืนอยู่บนดาดฟ้า
ฉินเฉิงมองไปที่ท้องทะเลที่มืดมิด
“นี่คือการปูทางเพื่อไปสู่งจิงตูหรือเปล่า?” ซูวานยิ้มและถามออกไป
ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าและพูดออกมาว่า “ฉันต้องการโค่นล้มตระกูลซู”
“โค่นล้มตระกูลซู” ซูวานพูดประโยคนี้ออกมาอีกครั้ง “มันเหลือเชื่อจริงๆ”
ลูกเขยของตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่งที่วันๆถูกรังแกอย่างหมูอย่างหมา แต่วันนี้กลับเติบโตได้อย่างไร้ขอบเขต แบบนี้มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหม
ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือของฉินเฉิงนั้นมีไม่มาก แต่เอาก็ใช้ทุกอย่างที่เขามีอย่างคุ้มค่าที่สุด
ตัวอย่างเช่นการสนับสนุนจากตำหนักเทพโอสถ
“คอยดูแล้วกัน” แสงในดวงตาของฉินเฉิงหายไป ความอ่อนโยนก็เข้ามาแทนที่
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ เพื่อทำให้คุณเป็นที่ชื่นชมของทุกคน” ฉินเฉิงพูดออกมาด้วยความอ่อนโยน
หัวใจของซูวานสั่นไหว เธอมองไปที่ฉินเฉิงด้วยสายตาแห่งความรัก
ตอนที่ผู้ชายแสดงความมั่นใจและจริงจังออกมา มันเป็นอะไรที่น่าดึงดูดอย่างมาก
……
ในที่สุดเรือสำราญก็เล่นมาจนถึงเกาะหนานโจว
ในตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น เรือสำราญก็มาจอดเทียบท่า
คนใหญ่คนโตจำนวนมากมาต้อนรับพวกเขาอยู่ที่ท่าเรือ เมื่อเห็นทุกคนปลอดภัย พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“หร่วนหยูเป็นหัวหน้าที่โง่เง่าที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมา” คุณชายหวังพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ฉันว่าหัวหน้าของงานประมูลควรจะต้องเปลี่ยนคนแล้วแหละ”
“ครับๆ เรื่องนี้ทางพวกผมก็ได้คุยกับหนานหวางเอาไว้แล้ว” คนใหญ่คนโตเหล่านั้นต่างยิ้มและพูดออกมา
“เพื่อเป็นการขอโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ทางเกาะหนานโจวได้เตรียมงานเลี้ยงอาหารกลางวันเอาไว้ เชิญทุกท่านได้ดโปรดเข้าร่วมงาน!” ผู้ดูแลเกาะหนานโจวพูดออกมา
ทุกคนต่างปรึกษากัน บางคนก็เข้าร่วม บางคนก็ไม่เข้าร่วม
“พวกเราจะไปไหม?” ซูวานถาม
“ไม่ไป” ฉินเฉิงไม่ได้คิดอะไรและปฏิเสธไปทันที
งานเลี้ยงประเภทนี้สำหรับเขา ไม่ได้ไปกระตุ้นต่อมความสนใจของเขาเลยแม้แต่น้อย
“งั้นพวกเราจะกลับกันเลยไหม?” ซูวานถาม
ฉินเฉิงพยักหน้า เขาถอนหายใจออกมา การเดินทางครั้งนี้ของเขาเหมือนกับว่าจะไม่ได้สมหวังตามที่เขาตั้งเป้าหมายเอาไว้
แต่ก็แน่นอนนี่เป็นการมาเที่ยว ไม่ได้มาทำงานจริงๆ
เมื่อฉินเฉิงกำลังจะเดินออกไป ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา
“คุณฉิน หยุดก่อน” ชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาขวางทางเดินของฉินเฉิงเอาไว้
ฉินเฉิงมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “นายคือ?
“ฉันคือหัวหน้าของฝ่ายประมูล ชื่อหร่วนหยู”
คนที่เดินเข้ามาคือหร่วนหยู เขายื่นนามบัตรให้แล้วพูดต่อว่า “การเดินทางในครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณฉินจริงๆที่ยอมช่วยพวกเรา ไม่อย่างนั้นคงเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่ เพื่อเป็นการขอบคุณ หนานหวางเชิญให้คุณไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย”
“หนานหวาง?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง
หร่วนหยูยิ้มและพูดออกมาว่า “ใช่ครับ หนานหวางต้องการที่จะขอบคุณคุณ”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วออกมาและรู้ว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลๆ
และท่าทางดีใจของหร่วนหยูที่แสดงออกมามันทำให้ฉินเฉิงรู้สึกถึงความหลอกลวง
“ก็ได้” ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่จากนั้นก็พยักหน้า
“คุณฉิน เชิญขึ้นรถ” หร่วนหยูเปิดประตูรถให้ฉินเฉิงด้วยตัวเอง รถที่เขาขับมาเป็นรถหรู่ที่มีราคาแพง
ไม่มีการสนทนาใดๆในระหว่างทาง ตอนนี้รถกำลังมุ่งหน้าไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งในหนานโจว
ชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นร้านอาหาร และวันนี้ร้านอาหารแห่งนี้ไม่มีแขกคนอื่นเลย งานนี้จัดขึ้นเพื่อปลอบขวัญคนพวกนี้ล้วนๆ
“คุณฉิน เชิญทางนี้ครับ” หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร หร่วนหยูก็พาฉินเฉิงเดินเข้ามาที่ห้องส่วนตัว