เฉียวไท่กูตัดสินใจแล้วว่าแม้ว่าเค้าจะไม่ได้ฆ่าฉินเฉิง แต่อย่างน้อยเค้าก็จะทุบตีเอาให้พิการ!
หลังจากออกมาจากบ้านตระกูลชูแล้ว ฉินเฉิงก็หาที่อยู่ชั่วคราว
ครั้งนี้เค้าไม่สามารถอยู่ในเมืองจิงตูได้นาน หลังจากให้ยาไปแล้ว เค้าจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ในตอนบ่าย ฉินเฉิงก็ส่งข้อความหาหยู่เหม่ยเหรินว่า: เย็นนี้เจอกัน ฉันจะเอาของไปให้เธอ
หยู่เหม่ยเหรินก็ตอบว่า: “โอเค~ ฉันจะรอนายอยู่ที่บาร์หนานในเขตกว่างอัน ”
ในตอนเย็น ฉินเฉิงก็นั่งแท็กซี่ไปที่บาร์หนานในเขตกว่างอัน
บาร์แห่งนี้ มันก็คือร้านนั่งชิวร้านหนึ่ง
ข้างในไม่มีเพลงเสียงดัง แต่มีคนหนุ่มสาวสองสามคนกำลังเล่นเพลงพื้นเมือง
สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบทำให้ฉินเฉิงรู้สึกผ่อนคลาย เค้าหาที่นั่งแล้วสั่งเบียร์สองสามขวดมาแล้วรอหยูเหม่ยเหรินอยู่อย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากทางด้านประตู
“พี่ฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หยูเหม่ยเหรินเดินไปที่ด้านข้างของฉินเฉิง ร่างของเธอแทบจะถูแนบไปกับฉินเฉิง
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เค้าหยิบยาออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดว่า: “นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ”
แววตาของหยูเหม่ยเหรินก็เป็นประกายขึ้นมา เธอเอื้อมมือไปคว้ามัน
ฉินเฉิงจับมือของเธอไว้แล้วส่ายหัวขึ้นมา
“ฉันได้ตรวจสอบยาเม็ดนี้แล้ว ยาเม็ดแบบนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีไว้ใช้กับคนนะ?” ฉินเฉิงหรี่ตาลงแล้วจ้องมองไปที่หยูเหม่ยเหริน
หยูเหม่ยเหรินหัวเราะอย่างไพเราะ แววตาของเธอดูเหมือนจะมีแสงสีแดงจางๆ การเคลื่อนไหวของเธอมันก็ดูน่ากลัวเล็กน้อย
“งั้นนายคิดว่าจะเอาไปให้ใครใช้หละ?” หยูเหม่ยเหรินก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา
ฉินเฉิงหัวเราะ เค้าโยนยาให้หยูเหม่ยเหรินแล้วโบกมือขึ้นมา: “ดูเหมือนว่ามันจะไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
หยูเหม่ยเหรินเอายามา ใส่มันลงไปในกระเป๋า LV แล้วนั่งลงที่ด้านตรงข้ามของฉินเฉิง
“มาคุยกันเถอะ การมาเมืองจิงตูในครั้งนี้ นายมีแผนยังไงบ้าง” หยูเหม่ยเหรินจิบเบียร์แล้วพูด
ฉินเฉิงพูดอย่างลึกลับ: “นี่เป็นความลับ”
“ฮ่าฮ่า” หยูเหม่ยเหรินหัวเราะ “ถ้านายไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่ถาม ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกฉันหละกัน”
ฉินเฉิงพูดขึ้นมาว่า: “ขอรายการที่ฉันต้องการโดยเร็วที่สุด ภายในหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะออกไปจากเมืองจิงตู”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ฉินเฉิงก็หยุดแล้วพูดต่อว่า: “ถ้าเธอสะดวกหละก็ ซื้ออาพาร์ทเมนต์ที่เงียบสงบให้ฉันหน่อยหละกัน ฉันไม่ชอบสถานที่ๆเสียงดังและวุ่นวาย”
หยูเหม่ยเหรินพยักหน้าแล้วพูดว่า: “โอเค”
ในตอนนี้เอง หยูเหม่ยเหรินก็เห็นคนรู้จัก
เธอยืนขึ้นแล้วทักทายคนๆนั้น: “เห้ หม่ารุ่ย มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”
ฉินเฉิงหันไปมอง เค้าเห็นเพียงแต่เห็นชายหนุ่มชาวต่างชาติผมบลอนด์ตาสีฟ้าที่เดินเข้ามา
เค้ายิ้มแล้วเดินไปหยูเหม่ยเหริย จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบก้นของหยูเหม่ยเหรินแล้วพูดว่า: “คุณหยู ร่างของคุณดูอวบอิ่มขึ้นนะ”
“ฉันจะถือว่านี่เป็นคำชมนะ?” หยูเหม่ยเหรินก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “หม่ารุ่ย มาเหยี่ยนเซี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?”
หม่ารุ่ยยิ้มแล้วพูดว่า: “เมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่นี่มีคนขอให้ฉันมาทำธุระบางอย่าง เธอรู้ไหมว่าเค้าจ่ายเงินให้ฉันเท่าไหร่?”
หยูเหม่ยเหรินก็พูดพร้อมกับลืมตาขึ้นมา: “แปดหลัก?”
“ไม่!” หม่ารุ่ยส่ายหัว “50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! ฮ่าๆ คนเหยียนเซี่ยนี่ทำเงินได้ดีจริงๆ!”
ฉินเฉิงนั่งเงียบๆ แต่ในใจเค้าก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ฉินเฉิงรู้สึกได้ว่าในร่างกายของหม่ารุ่ยมันมีกลิ่นแปลกๆ
“นักปรุงยา?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มันเห็นได้ชัดว่ากลิ่นบนร่างกายของเค้ามันเป็นกลิ่นของยา
“คุณหยู ผมไม่คุยกับคุณละ ผมยังมีธุระ นี่มันก็เวลานัดแล้ว!” หม่ารุ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น หม่ารุ่ยก็เดินออกไป
หลังจากที่เค้าจากไปแล้ว ฉินเฉิงก็ถามว่า: “ชาวต่างชาติคนนี้เป็นใครกัน?”
“เพื่อนคนหนึ่งหนะ เค้ามาจากสมาคมกลั่นยานานาชาติ ว่ากันว่าเค้าเรียนมาจากหมอยาเหยียนเซี่ยคนหนึ่ง” หยูเหม่ยเหรินพูดต่อว่า “หลายคนในประเทศก็เชิญสำนักเทพโอสถไม่ไหว พวกเค้าก็เลยไปหาคนๆนี้กัน”
“อาจารย์หมอยาของเหยี่ยนเซี่ย?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
หยู่เหม่ยเหรินก็พูดว่า: “หมอยาคนนี้มาจากตำหนักเทพโอสถ ว่ากันว่าเค้าเป็นศิษย์รุ่นเดียวเจ้าสำนักคนปัจจุบัน”
ฉินเฉิงก็ส่งเสียงอืมขึ้นมา เมื่อมองไปที่ด้านหลังของหม่ารุ่ย ความรู้สึกแปลก ๆมันก็ผุดขึ้นมาในความคิดของฉินเฉิง
แต่ฉินเฉิงก็คิดไม่ออกเลยว่าทำไมเค้าถึงรู้สึกแบบนี้
“รายชื่อนั่นมันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกัน?” ฉินเฉิงเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเค้าก็มองไปที่หยูเหม่ยเหริน
หยู่เหม่ยเหรินก็พูดว่า: “เร็วที่สุดก็สามวัน อย่างช้าที่สุดคือหนึ่งอาทิตย์ แต่ฉันขอบอกนายล่วงหน้าเลยนะว่าตระกูลซูนี่ พวกเค้าไม่ใช่ตัวละครเล็กๆที่ฉันจะเข้าใจได้เลยนะ พวกเค้าครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่มาก เมื่อหลายปีก่อนตระกูลซู มันก็ได้สร้างเครือข่ายเอาไว้ที่ตอนเหนือหมดแล้ว”
“เครือข่าย?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เครื่อข่ายของตระกูลซูมีจุดประสงค์อะไรกัน มันเป็นไปเพื่ออะไรกัน?
พวกเค้าต้องการเป็นตระกูลอันดับแรกในเมืองจิงตูเหรอ? หรือว่าจะมีจุดประสุงค์ที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น?
“โอเค ฉันรู้แล้ว” ฉินเฉิงพยักหน้า จากนั้นเค้าก็กำลังจะจากไป
“จะไปแล้วเหรอ” หยูเหม่ยเหรินพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินเฉิงเหลือบมองเธอ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่ามาพูดเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบมัน”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็ออกจากบาร์ไป
หลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว ฉินเฉิงก็นอนอยู่บนเตียง เค้านอนไม่หลับเลย เค้ารู้สึกว่ามันมีบางอย่างขาดหายไป
เค้าลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเขียนแผนการล่าสุดทั้งหมดลงบนกระดาษ หลังจากมองดูมันนับครั้งไม่ถ้วน ฉินเฉิงก็ยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆ
ฉินเฉิงนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ในตอนกลางดึก ฉินเฉิงก็ “วูบ” แล้วลุกขึ้นมานั่ง
“เข้าใจแล้ว” ฉินเฉิงตบหัวของตัวเอง
เค้ารีบหยิบมือถือออกมาแล้วหาเบอร์โทรเบอร์หนึ่ง
ชื่อในโทรศัพท์ เค้าคนนั้นก็คือเพื่อนคนต่างชาติของซูวาน: เซียงเหม่ยเอ๋อ
ฉินเฉิงก็กดโทรหาเธอในทันที
“ฉินเฉิง? ทำไมจู่นายถึงโทรมาหาฉัน?” น้ำเสียงของเซี่ยงเหม่ยเอ๋อก็ดูค่อนข้างแปลกใจ
“มีเรื่องอยากให้เธอช่วยหนะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
…
เรื่องที่ฉินเฉิงมาที่เมืองจิงตู มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้ แต่ช่วงสองสามวันมานี้โทรศัพท์ของเค้ามันก็ดูเหมือนว่าจะถูกตัดขาด
เพราะว่าก่อนที่จะถึงวันประมูลยาเม็ดของเค้า มันก็เหลือเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
ฉินเฉิงจัดการประมูลครั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์สองประการ
อย่างแรกคือส่งยานี้ให้แก่พวกเค้าแล้วก็ควบคุมคนเหล่านี้ไว้
อย่างที่สองก็คือดูว่าตระกูลซูจะมีอำนาจมากแค่ไหนกันในเมืองจิงตูแล้วก็มีกี่ตระกูลที่กลัวอำนาจของตระกูลซูจนไม่กล้าเข้าหาฉินเฉิง
ที่อีกด้านหนึ่ง ชูชีเชิงก็กำลังต้อนรับแขก”แขก”
แขกคนนี้เค้าเต็มไปด้วยความโอ้อวด มีรถสีดำจำนวนหนึ่งขับเข้ามา ไม่มีใครกล้าที่จะขวางเค้าเลย
ทันทีที่รถหยุด ก็มองเห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทสีขาวที่ค่อยๆก้าวเดินลงมา
คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เค้าคือพ่อของซูหยู่ เค้าคือซูฉีไห่