สีหน้าของโจวติ่งก็เริ่มมืดมนลงในทันที
เค้าเช็ดน้ำลายออกจากใบหน้าแล้วลุกยืนขึ้นอย่างเย็นชา
“ตีมัน ตีมันให้แรง!” โจวติ่งพูดอย่างโกรธเคือง “อย่าให้มันตายก็พอ”
หลังจากพูดจบ โจวติ่งก็หันหลังแล้วเดินจากไป
ซูหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือของเค้าออกมา เค้าถ่ายรูปสภาพที่น่าสังเวชทั้งหมดนี้ของชายชราซู
“แกทนมันได้ แต่ฉันไม่เชื่อว่าหลานสาวของแกจะทนมันได้” ซูหยู่ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
หลังจากพูดจบ ซูหยู่ก็เดินตามโจวติ่งแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างเร็ว
จากนั้นไม่นาน ฉินเฉิงก็ได้รับข้อความจากซูหยู่
เนื้อหาในข้อความก็คือ คลิปวีดีโอที่นายท่านซูถูกทำร้าย
ในคลิป นายท่านซูมีผมที่รุงรังและเต็มไปด้วยเลือด ผมหงอกของเค้ามันแทบจะเป็นสีแดงด้วยเลือดเหล่านั้น
แต่เค้ากัดฟัน แต่ก็ไม่พูดอะไร
“เห็นมันแล้วหรือยัง? ไอ่*** ฉันอยากจะรู้ว่าไอ่แก่นี่มันจะทนได้นานแค่ไหนกัน” จากนั้นซูหยู่ก็ส่งข้อความไปอีก
สีหน้าของฉินเฉิงมืดมนและน่ากลัว เค้ากำหมัดแน่น ร่างกายของเค้าสั่นไปหมด
“ซูหยู่…” ฉินเฉิงเงยหน้าขึ้นมา เค้ากัดฟันจนแน่น
เนื่องจากออกแรงมากเกินไป เลือดมันก็เลยไหลออกมาตามมุมปากของเค้า
ฉินเฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์ของซูหยู่
หลังจากนั้นไม่นาน เค้าก็ได้ยินเสียงของซูหยู่ที่ดังขึ้นมา
เค้าเยาะเย้ยทางโทรศัพท์ว่า: “แกเห็นคลิปนั่นแล้วสินะ”
“รังแกคนแก นี่มันเก่งมากเลยสินะ?” ฉินเฉิงถามขึ้นมาอย่างเย็นชา
ซูหยู่เยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ฉินเฉิง แกนี่มันช่างไร้เดียงสาซะจริง?”
ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า: “แกปล่อยนายท่านซูไปซะ แล้วเราก็มาพูดคุยกันดีๆ”
“โอเค!” ซูหยู่เยาะเย้ย “ตราบใดที่แกเอาของสิ่งนั้นมาให้ฉัน แน่นอนฉันก็จะปล่อยมันไป”
ฉินเฉิงเงียบ ไม่พูดอะไร
มันไม่ต้องพูดเลย เค้าเองก็ยังไม่รู้เลยว่าของที่เรียกว่า “สิ่งนั้น” มันคืออะไร
ตราบใดที่ตระกูลซูยังไม่ได้ของที่พวกเค้าต้องการ นายท่านซูก็จะยังคงปลอดภัย อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลอะไรเกี่ยวกับชีวิตของเค้า
ในทางตรงกันข้าม หากพวกเค้าได้สิ่งที่พวกเค้าต้องการแล้ว มันก็ไม่ต้องพูดถึงนายท่านซูเลย แม้แต่ฉินเฉิงกับซูวานเองก็ไม่น่าจะรอด
“ซูหยู่ ฉันจะจำบัญชีแค้นนี้ไว้” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ฉันจะเอาคืนแกสิบเท่า”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็ตัดสายไป เค้าไม่เปิดโอกาสให้ซูหยู่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ
ฉินเฉิงต้องการโทรไปถามหยูเหม่ยเหริน แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เค้าไม่น่าจะพึ่งพาเธอได้ มันก็เป็นเพราะว่าตระกูลซูเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองจิงตู
“เฮอะ…” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาแล้วบังคับตัวเองให้สงบลง จากนั้นเค้าก็พยายามไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น มันก็เป็นวันที่ฉินเฉิงจัดการประมูล
เนื่องจากตัวตนของฉินเฉิงที่เป็นผู้อาวุโสของตำหนักเทพโอสถ แม้ว่าจะไม่มีการประชาสัมพันธ์อะไรเกี่ยวกับการประมูลในครั้งนี้ แต่เรื่องนี้มันก็แพร่กระจายไปในหมู่คนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว
วันรุ่งขึ้น ฉินเฉิงก็มาที่สถานที่ประมูลก่อนเวลา
ที่น่าแปลกใจคือมีคนในการประมูลไม่มากเท่าที่เค้าคิดไว้ นอกจากพวกคนทั่วไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีพวกตระกูลชั้นนำมาเข้าร่วมเลย
แม้แต่คนเหล่านี้เอง ใบหน้าของพวกเค้าก็ยังคงดูมีความตื่นตระหนกอยู่บ้างเล็กน้อย
นี่มันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าตระกูลซูในเมืองจิงตูนั้นมีอำนาจมากแค่ไหนกัน
ในตอนที่ฉินเฉิงเข้ามาสู่การประมูล มันก็มีผู้คนจำนวนมากที่มาที่นี่แล้ว เมื่อพวกเค้ามองเห็นฉินเฉิง พวกเค้าต่างก็พยักหน้าแล้วทักทาย
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจของเค้าก็รู้สึกได้ถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ดีซะเท่าไหร่
ประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง คนก็มากันจนแน่น
ญาณหยั่งรู้ของฉินเฉิงก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเงียบๆ เค้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีรัศมีการกดขี่อยู่หลายแห่งทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้
นอกจากนี้แล้ว การประมูลทั้งหมดนี่ยังถูกล้อมรอบไว้ด้วยทหารแล้วยังมีลูกระสุนจริง
แววตาของฉินเฉิงหรี่ลง เค้ามองดูการแสดงออกของผู้คนอย่างระมัดระวัง เค้าพบว่าท่าทีของผู้คนพวกนี้ดูละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก
นี่มันก็น่าสนใจ แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่กำลังรอคอยอยู่
“ฉินเฉิง คุณเอายาถอนพิษมาด้วยหรือเปล่า?” มีคนหนึ่งถามขึ้นมา
ฉินเฉิงที่ยืนอยู่บนเวทีก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “คนละเม็ด”
“เม็ดเดียวก็พอแล้วเหรอ?” ใครบางคนก็หัวเราะแล้วถามขึ้นมา
ฉินเฉิงขมวดคิ้วแน่น เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “คุณหมายความว่ายังไงกัน?”
“ไม่ได้หมายถึงอะไร แค่ถามเฉยๆ” ชายหนุ่มก็ผายมือออกมา
ฉินเฉิงเงียบ เค้าถือถุงไว้ในมือ ทันทีที่เปิดถุง เม็ดยานับไม่ถ้วนก็ตกลงบนโต๊ะ
“มาเอากันเองละกัน” ฉินเฉิงพูด “นอกจากนี้ ฉันยังนำยาอื่นมาประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นของแต่ละเม็ดนั้นต่ำมาก หนึ่งล้านหรือมากกว่านั้น”
หลังจากพูดแล้ว ในกลุ่มของผู้คนก็ไม่มีใครเคลื่อนไหวอะไรเลย
มีเพียงแค่คุณชายหวังที่เดินเข้ามาแล้วหยิบยา
“พวกนายมัวงุนงงอะไรอยู่? รีบเข้าไปเอามาสิ!” คุณชายหวังก็พูดขึ้นมา
“คุณชายหวัง ช้าก่อน” ทันทีที่คุณชายหวังกำลังจะกลืนยา คนรอบข้างก็ห้ามเค้าไว้
ในตอนนี้เอง ชายในชุดสูทพร้อมรองเท้าหนัง เค้าดูอายุราวๆห้าสิบปีก็เดินเข้ามา
คนๆนี้ชื่อชางยี่ บริษัทลงทุนชางยี่ภายใต้การดูแลของเค้า มันก็ถือได้ว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเมืองจิงตู
“ประธานชาง” หลังจากที่ชางยี่ลุกขึ้น หลานคนก็กล่าวทักทายเค้า
หลังจากที่ชางยี่พยักหน้าเล็กน้อย เค้าก็มองตรงไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า: “ฉินเฉิง ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่ช่วยลูกชายของผมที่เกาะหนานโจว”
“ประธานชาง ด้วยความยินดี” สีหน้าของฉินเฉิงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
ชางยี่ก็พูดต่อว่า: “แต่ว่าคุณจะทำเหมือนกับว่าพวกเราเป็นคนโง่อย่างงั้นเหรอ?”
ทันทีที่พูดจบ บรรยากาศในสถานที่แห่งนี้มันก็เงียบเฉียบไปในทันที
ทุกคนเงียบแล้วมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันไม่เข้าใจว่าที่ประธานชางพูดมันหมายความว่ายังไงกัน?”
ชางยี่ก็ส่งเสียงหึขึ้นมาเบาๆ : “การที่พวกเราสามารถมาอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นายอาจจะหลอกลวงทายาทของพวกเราได้ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะหลอกลวงพวกเรา”
“ประธานชางมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ” ฉินเฉิงผายมือออกแล้วพูดขึ้นมา
ชางอี้ไม่ได้พูดอะไร เค้าปรบมือ ทันใดนั้นเอง ชายชาวต่างชาติผมบรอนด์ตาสีฟ้าก็เดินออกมาจากด้านหลังของเวที
“นายเองเหรอ?” เมื่อเห็นฉินเฉิง ชาวต่างชาติรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชายคนนี้ชื่อ หม่ารุ่ย เค้าเป็นคนที่มาจากสมาคมกลั่นยานานาชาติ
สีหน้าของฉินเฉิงมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เค้าเพียงแค่พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า: “ได้เจอกันอีกแล้วนะ”
“ผมของแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก” ชางยี่ก็ปรบมือขึ้นมา “นี่คือสมาคมกลั่นยานานาชาติ คุณหม่ารุ่ย”
“หลังจากที่ฉันรู้ว่าลูกชายของฉันถูกวางยาพิษ ฉันเลยเชิญคุณหม่ารุ่ยมาตรวจดูอาการของเค้าในทันที พวกคุณลองเดาสิว่ามันยังไง?” ชางยี่พูดขึ้นมาเบาๆ “พิษที่ลูกชายของฉันโดนนี่มันไม่ต้องพูดถึงเลย มันไม่เหมือนกับที่ฉินเฉิงพูดเลย ฉินเฉิงบอกว่ามันจะเข้าสู่เยื้อหุ้มสมองแล้วเป็นอันตรายถึงชีวิต”
“ดูยาถอนพิษที่ฉินเฉิงคนนี้เอามา” ชางยี้เดินไปที่โต๊ะ เค้าหยิบยาถอนพิษขึ้นมาแล้วยื่นให้กับหม่ารุ่ย
หลังจากได้รับมัน หม่ารุ่ยก็ถูมันในมืออยู่ซักพักแล้วพูดว่า : “นี่มันไม่ใช่ยาถอนพิษ ตรงกันข้าม สิ่งที่ฉินเฉิงเอามา มันก็คือยาพิษ!”