เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เชียน เฉินกวนก็รู้สึกได้ถึงความมืดมน
เขาพูดออกมาอย่างอึดอัดใจว่า “คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ฉินเฉิงเป็นแค่หนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบกว่า เขาจะเก่งกว่าคุณได้อย่างไง?”
ไป๋เชียนถอนหายใจและพูดออกไปว่า “ตอนแรกฉันเองก็ไม่เชื่อ แต่ฉันก็เคยเห็นฝีมือของเขามากับตาของตัวเอง…คุณเฉิน ฉันจำได้ว่าฉินเฉิงเองก็ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลซูจัดขึ้น คุณเองก็น่าจะจำเขาได้ใช่ไหม?”
เฉินกวนไม่ได้พูดอะไรออกมา ใบหน้าของเขาดูไม่ได้เลย
“ยังมีทางอื่นอีกไหม?” เฉินกวนถามออกมา
ไป๋เชียนเป็นคนฉลาด เขารู้ทันทีว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
ดังนั้นเขาจึงถามออกไปตรงๆตามนิสัยของเขา “คุณเฉิน หรือว่า…คุณไปทำอะไรให้เขาขุ่นเคือง?”
เฉินกวนยิ้มออกมาแบบขมขื่น เขาโบกมือและพูดว่า “คุณแค่พูดมาว่ามันยังมีวิธีอื่นอีกไหม”
“ในโลกใบนี้ยังมีคนเก่งอีกมากมาย แต่ที่ปีนังแห่งนี้เกรงว่าจะไม่มีใครอื่นแล้ว” ไป๋เชียนโบกมือ “คุณเฉิน เพื่อภรรยาของคุณ คุณให้คนไปตามเขามาเถอะ”
…
ที่คฤหาสน์ตระกูลซู
คุณปู่ซูนั่งอยู่ที่ลานบ้านคุยกับหวงหลง
“ฉันถามอะไรนายหน่อย นายสามารถเอาชนะชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้านั่นได้ไหม?” คุณปู่ซูถามออกไป
หวงหลงถอนหายใจ “คุณปู่ซู ฉันจะพูดตามจริงแล้วกัน ถ้าหากสู้กันถึงชีวิต ฉันอาจจะชนะเขา แต่สภาพของทั้งคู่ก็คงดูไม่ได้”
คุณปู่ซูอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา พูดเสียงต่ำ “พูดแบบนี้ก็แสดงว่าฉินเฉิงแข็งแกร่งว่านายอย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้าพูดตามจริง ฉันกับเขาเหมือนอยู่กันคนละโลก” หวงหลงขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขายังไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้”
คุณปู่ซูรีบหันไปมองหวงหลงทันที “นายจะบอกว่า…เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน เพิ่มพลังให้กับตนเองอย่างก้าวกระโดดอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ” หวงหลงตอบกลับไป “คุณปู่ซู ฉันแนะนำ ทางที่ดีคุณอย่าไปหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาให้มากกว่านี้จะดีกว่า คนบางคนก็ไม่อยากให้ใครมารู้ข้อมูล”
คุณปู่ซูเงียบไม่พูดอะไร ราวกับว่าเขาเห็นด้วยกับสิ่งที่หวงหลงพูด
“วันหลังให้เขามาทานข้าวที่บ้านดีกว่า” คุณปู่ซูตัดสินใจที่จะสานสัมพันธ์กับฉินเฉิง
ในตอนนี้ฉินเฉิงกำลังนั่งในคฤหาสน์บนยอดเขาหลงไห่ ในมือของเขากำลังถือจี้หยกอยู่
จี้หยกนี้ดูแล้วก็ไม่มีอะไรต่างจากหยกธรรมดาทั่วไป
“หยกที่พ่อของฉันทิ้งเอาไว้ให้ สุดท้ายแล้วมันจะใช้ประโยชน์อะไรได้” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะคิดออกมาแบบนั้น
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ฉินเฉิงก็ตัดสินใจเอาหยกอันนี้ห้อยคอเอาไว้
และในตอนนั้นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็วิ่งเข้ามา
เขาเอนตัวและพูดว่า “คุณฉิน เฉินกวนมาแล้ว”
“เฉินกวน?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว โบกมือและพูดว่า “ไปบอกว่าฉันนอนแล้ว”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าตกใจ ตอบกลับมาว่า “ครับ”
ที่ด้านนอก เฉินกวนกำลังยืนอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด
หลังจากที่เห็นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินออกมา เฉินกวนก็รีบเข้าไปหาเขาทันที
“ฉินเฉิงหละ?” เฉินกวนถามออกไป
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าตอบไปด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ต้องขอโทษด้วย คุณฉินเข้านอนแล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
สีหน้าของเฉินกวนเปลี่ยนไปทันที ขาพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย “นี่เพิ่งกี่โมงเองจะนอนได้อย่างไร? เห็นชัดเลยว่าเขาไม่อยากเจอฉัน!”
“อันนั้นฉันเองก็ไม่รู้” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกไปอีกว่า “คุณฉินเขาเป็นคนที่มีความสามารถ ความคิดของเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป ทางที่ดีพรุ่งนี้คุณค่อยมาใหม่เถอะ”
“นายเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!” เฉินกวนพูดออกไปด้วยความโกรธ
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น “ทำไม คุณเฉินคิดจะพังประตูเข้าไปอย่างนั้นเหรอ? ฉันแนะนำคุณควรคิดให้ดีเสียก่อน”
ริมฝีปากของเฉินกวนขยับ แม้ว่าเขาจะมีสถานะพิเศษ ในแง่ของกำลังเขาไม่มีทางสู้ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าได้เลย
“ฉันจะเข้าไปขอร้องเขา ไม่ได้หรอ?” เฉินกวนทุ่มสุดตัว
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่พูดอะไร เขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้น
เฉินกวนพูดออกมาอย่างขมขื่น “ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยทำไม่ดีกับเขาไว้ แต่ตอนนี้ฉันรู้ถึงความผิดนั้นแล้ว ช่วยบอกเขาทีว่าฉันขอโทษ!”
“เจ้าหนุ่ม นายไม่รู้หรือไงว่าคุณเฉินของพวกเราเป็นใคร มาขอโทษด้วยตัวเองแบบนี้ก็ถือว่าไว้หน้ามาแล้ว อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย” คนที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ามองไปด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร “นายพูดอะไรของนาย?”
เฉินกวนรีบพูดออกไปทันที “อย่าพูดไร้สาระ!”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น “ถ้าหากยังกล้าพูดแบบนั้นออกมาอีกหละก็ ฉันจะตัดลิ้นของนายซะ!”
เฉินกวนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “หรือว่าฉันจะต้องคุกเข่าขอร้องเขา?”
“อันนั้นมันก็แล้วแต่คุณเฉิน” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกมาอย่างไร้ความปรานี
เฉินกวนกัดฟันแน่น ตั้งแต่เขาเกิดมาเขายังไม่เคยคุกเข่าให้ใคร
แต่เมื่อนึกถึงภรรยาสุดที่รักที่รออยู่ที่บ้าน เฉินกวนก็จำใจ ไม่พูดอะไรและคุกเข่าลงทันที
“คุณเฉิน คุณกำลังทำอะไร?” ในตอนนั้นฉินเฉิงก็เดินออกมาจากคฤหาสน์
“คุณฉิน” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบหลบทางให้ทันที
ฉินเฉิงใส่เสื้อผ้าพร้อมพูดว่า “คุณเฉิน นี่มันก็ดึกมากแล้วมาที่นี่มีเรื่องอะไร?”
เฉินกวนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “คุณอย่ามาทำเป็นตลกกับฉันเลย ก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะฉันเอง ฉันต้องขอโทษคุณด้วย”
ฉินเฉิงโบกมือ ยิ้มและพูดออกมาว่า “ไปกันเถอะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวใจของเฉินกวนก็ชุ่มชื้นขึ้นมาทันที
เขาเป็นคนขับรถให้กับฉินเฉิงด้วยตัวเองเพื่อมาที่บ้านของเขา
“คุณฉิน ตุณไม่ต้องเตรียอะไรหน่อยเหรอ?” เฉินกวนขมวดคิ้วและถามออกมา
“เตรียมอะไร?” ฉินเฉิงถามกลับไป
“ฉันเห็นว่าตอนที่อาจารย์ไป๋เขาทำพิธีเขาต้องใช้ของอะไรตั้งหลายอย่าง” เฉินกวนตอบกลับ
ฉินเฉิงยิ้ม “นั่นมันพวกเขา ส่วนฉันไม่ต้อง”
ล้อเล่นนะ พิธีกรรมพวกนั้นจะต้องใช้อุปกรณ์ และคนที่ใช้ก็เป็นพวกพ่อมดแม่มดเท่านั้น
แต่สำหรับฉินเฉิง เขาเป็นผู้อมตะอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งก้าวเข้ามาในวงการนี้ แต่ก็ไม่สามารถเอาเขาไปเทียบกับคนอื่นๆได้
ไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้านของเฉินกวน
ฉินเฉิงมองลงไปก็เห็นออร่าสีดำแผ่กระจายออกมา
ภรรยาของเฉินกวนถูกขังเอาไว้ในห้องนอน และมีออร่าปล่อยออกมาจากที่นั่นเป็นครั้งคราว
“คุณฉิน เจอกันอีกแล้วนะ” ไป๋เชียนลูบมือพร้อมทักทายออกมา
“อาจารย์ไป๋” ฉินเฉิงพยักหน้า นั่นถือเป็นการทักทายของเขา
“แล้วกำไลข้อมืออยู่ไหน?” จากนั้นฉินเฉิงก็หันมาหาเฉินกวน
“ฉันทิ้งมันไปแล้ว” เฉินกวนตอบออกมาอย่างตื่นตระหนก
จากนั้นเขาก็เดินไปที่ถังขยะแล้วหยิบกำไลข้อมือขึ้นมา
ฉินเฉิงลูบไปที่กำไลข้อมือเส้นนี้ จากนั้นเขาก็รู้สึกได้เลยว่ามันเต็มไปด้วยพลังหยินที่ชั่วร้าย
ตามคำกล่าวที่ว่าหยินและหยางยับยั้งซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าฉินเฉิงจะไม่รู้ถึงวิธีขจัดวิญญาณชั่วร้ายที่ถูกต้อง แต่ร่างกายของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ราวกับแม่น้ำที่กว้างใหญ่
ดังนั้นฉินเฉิงจึงใช้วิธีง่ายๆนั่นก็คือการใช้พลังหยางที่เขามีอัดใส่เข้าไปในกำไลข้อมือ
เมื่อพลังหยินและหยางชนกัน กำไลข้อมือที่อยู่ในมือของฉินเฉิงก็สั่นอย่างรุนแรง
จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก” ดังขึ้นมา เมื่อมองไปก็เห็นสร้อยข้อมือแหลกเป็นผงอยู่ในฝ่ามือของฉินเฉิงแล้ว
และในตอนนั้น การเคลื่อนไหวในห้องก็หยุดลง
“เสร็จแล้วเหรอ?” เฉินกวนที่อยู่ข้างๆถามออกมา
ฉินเฉิงพยักหน้า “อ่า ให้ภรรยาของคุณพักผ่อนให้เต็มที่ ดูแลร่างกายดีๆ ให้นอนอยู่บนเตียงไปอีกสักสองสามวัน”
“ได้ ได้เลย” เฉินกวนพยักหน้าและตอบออกมา
“คุณฉินนี่คือพลังหยางใช่ไหม?” ไป๋เชียนที่อยู่ข้างๆถามออกมาด้วยความตกใจ
ฉินเฉิงถามออกมาไปด้วยความสงสัย “อาจารย์ไป๋เข้าไปพลังหยางด้วยเหรอ?”
ไป๋เชียนรีบอธิบายออกมาทันที “ว่ากันว่ายิ่งลมปราณบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ พลังหยางในร่างกายก็จะมีมากเท่านั้น และการคงความบริสุทธิ์ของมันก็ยากมา แต่การที่คุณเอาพลังใส่เข้าไปในสิ่งของ แบบนี้เองฉันก็ไม่เคยเห็น”
“นี่ไม่ใช่พลังหยาง” ฉินเฉิงส่ายหน้าแต่ไม่ได้อธิบายอะไรออกไป
จากนั้นฉินเฉิงก็หันไปมองที่เฉินกวน พูดออกมาด้วยอารมณ์หยอกล้อ “คุณเฉิน ฉันจำได้ว่าฉันเคยพูดอะไรออกไป ครั้งต่อไปที่ฉันมา จะต้องจ่ายค่าจ้าง คุณจะจ่ายฉันเท่าไหร่หละ?”