เหมือนกับที่ฉินเฉิงคิดไว้ พลังสังหารนี้มีมาหลายปีแล้ว วัสดุที่มีทั้งหมดถูกน้ำกัดเซาะไปพอสมควรแล้ว
ถ้าหากฉินเฉิงมาช้ากว่านี้ พลังสังหารนี้คงตกไปอยู่ในมือของสำนักหลิงตง
“พูดจริงๆ ครั้งนี้ฉันคงติดหนี้บุญคุณสำนักหลิงตงแล้ว” ฉินเฉิงเกาหัว แต่ของแบบนี้มันมีไว้ให้กับผู้ที่มีความสามารถ ดังนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขามาเอาไปได้
เมื่อตามพลังนั้นมา ฉินเฉิงก็มาถึงจุดลึกที่สุดของพลังสังหาร
ใจกลางของพลังสังหารมีของคล้ายๆต้นไม้สีเขียวเล็กๆอยู่ด้านใน
ในตอนนั้นต้นไม้เล็กๆส่องแสงสว่างออกมา มันกระจายไปทั่วรอบๆพื้นที่
ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด นี่มันน่าจะเป็น…..ต้นเชียนเทียน!” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นออกมา เขาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ต้นเชียนเทียนนี้ว่ากันว่าเป็นต้นไม้ที่มีมาตั้งแต่โบราณ ถ้าหากมันเติบโตขึ้นจะสามารถทำให้คนรู้แจ้งและฝ่าฝันสิ่งต่างๆไปได้
แต่ต้นเชียนเทียนต้นนี้มีอายุมาหลายพันปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่เติบโตสักที
มือของฉินเฉิงสั่น เขายื่นมือไปหาต้นเชียนเทียน และในตอนนั้นจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากใต้น้ำ ร่างโครงกระดูกร่างหนึ่งถือมืดออกมา!
เขาฟันมีใส่ฉินเฉิง ตอนนั้นฉินเฉิงหลบไม่ทัน จึงถูกมีดฟันไปที่หัวไหล่!
“แคร่ง” เสียงดังกึกก้องเกิดขึ้นทันที กระดูกของไหล่ของฉินเฉิงสั่นสะท้านราวกับถูกโจมตีอย่างหนัก!
“แข็งแกร่งไม่เบา!” ฉินเฉิงรีบถอยหลังออกมา ใบหน้าของเขาจ้องไปที่ร่างโครงกระดูกด้วยความเคร่งขรึม
ร่างโครงกระดูกปล่อยพลังแห่งจิตศิกดิ์สิทธิ์ออกมา ฉินเฉิงก็แสดงพลังของร่างกายของเขา ทำให้ร่างโครงกระดูกอดไม่ได้ที่จะตกใจ
“ร่างจินซวน?” ปากของโครงกระดูกขยับและก็มีเสียงแหบแห้งดังออกมา ราวกับว่าเป็นเสียงของคนที่มีอายุเป็นพันๆปี
“เอ๋ นายพูดได้ด้วยอย่างงั้นเหรอ” ฉินเฉิงพึมพำออกมา “งั้นก็ง่ายแล้ว ถ้าหากเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นผู้พิทักษ์ของต้นเชียนเทียน?”
ร่างโครงกระดูกไม่ได้ตอบคำถามนี้ออกมา เขาพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ร่างจินซวน…ไม่น่าหละถึงได้เข้ามาที่นี่ได้…..”
“ร่างจินซวนแล้วมีอะไร?” ฉินเฉิงถาม
ร่างโครงกระดูกก็ยังคงไม่ตอบคำถามของฉินเฉิง เขาพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าเด็กรุ่นใหม่ รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”
ฉินเฉิงพูดออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย “ที่แท้ก็เป็นแค่คนหูหนวกคนหนึ่ง….”
“นายนั่นแหละหูหนวก!” ร่างโครงกระดูกโกรธจัดและพุ่งเข้ามาหาฉินเฉิงอีกครั้งพร้อมกับมืดที่อยู่ในมือ
เนื่องจากพวกเขาอยู่ใต้น้ำ ความเร็วของฉินเฉิงจึงช้ากว่ามาก มืดที่โจมตีเข้ามาเฉียดหน้าฉินเฉิงไปนิดเดียวและทิ่มลงไปที่พื้น
จากนั้นก็เกิดหลุ่มขนาดใหญ่ขึ้นที่พื้นดิน และพลังสั่งหารก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
“รีบออกไปจากที่นี่ แล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย!” ร่างโครงกระดูกพูดออกมา
ฉินเฉิงกำหมัดและส่ายหน้า “ไม่ได้ ต้นเชียนเทียนนี่มันสำคัญกับฉันมาก ฉันจำเป็นต้องเอามันกลับไป”
“รนหาที่ตาย!” ร่างโครงกระดูกถือมืดและพุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง
ร่างกายของฉินเฉิงมีแสดงสว่างเปล่งออกมาทั่วร่าง เขาตะโกนออกมาพร้อมกับใช้หมัดของนักปราชญ์!
“ตู้มมมม!” เสียงดังสนั่น เกิดรู้ขนาดใหญ่บนหน้าอกของร่างโครงกระดูก และร่างกายของเขาก็ถูกทำลายไปอีกหลายส่วน
ฉินเฉิงพูดออกมาว่า “นายเป็นแค่โครงกระดูก ความสามารถในการต่อสู้มันต้องอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายและกล้ามเนื้อ ดังนั้นฉันไม่กลัวนาย”
ร่างโครงกระดูกไม่ขยับเขยื้อน ตัวของเขาเป็นแค่คนที่มีหน้าที่คอยปกป้องต้นเชียนเทียนเท่านั้น ในสมองของเขามีแค่เรื่องนี้
ดังนั้นร่างโครงกระดูกจึงโจมตีเข้ามาอีกครั้ง
ฉินเฉิงใช้หมัดสีทองและต่อสู้กับเขาใต้น้ำ
ด้วยพรของกายาศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของฉินเฉิงนั้นไปอยู่ในจุดที่ไม่น่าเชื่อไปแล้ว ร่างโครงกระดูกโจมตีมาฉินเฉิงก็หลบได้ทุกครั้ง และร่างโครงกระดูกก็ยังไม่หยุดแล้วโจมตีต่อไปทั้งๆอย่างนั้น
“ดื้อด้านจริงๆ” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “ฉันไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไรถึงได้เจอแต่สัตว์ประหลาดที่ดื้นรั้นอยู่นายอยู่บ่อยๆ!”
มีทั้ง เซี่ยฝูซาน ผู้พิทักษ์อาวุโส และร่างโครงกระดูกที่อยู่ด้านหน้าของเขา!
ฉินเฉิงไม่อยากจะเสียเวลาไปให้มากกว่านี้ เขาเร่งพลังปราณในร่างกายของเขา จากนั้นก็ต่อยไปที่หน้าอกของร่างโครงกระดูก
“แกร๊ก!”
เพียงแค่หมัดหมัดเดียวมันก็เพียงพอที่จะทำลายร่างโครงกระดูกนี้!
“ยุ่งยากจริงๆ” ฉินเฉิงบ่นออกมา จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบร่างโครงกระดูกออกมา
และในตอนนั้นชิ้นส่วนของร่างโครงกระดูกก็ต่อเข้ากันอีกครั้ง สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือมันพุ่งเข้ามาโจมตีฉินเฉิงอีกครั้ง!
“คืนชีพได้?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็ต่อสู้กับมันอีกครั้ง!
หลังจากชกไม่กี่ครั้งร่างกายของร่างโครงกระดูกก็พังลง แต่มันก็สามารถกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ!
นี่ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกปวดหัว ถ้าหากไม่สามารถจัดการกับร่างโครงกระดูกได้ เขาก็ไม่สามารถเอาต้นเชียนเทียนกลับไปได้!
แต่ถ้าต่อสู้ไปแบบนี้เรื่อยๆมันจะต้องต่อสู้ไปอีกนานสักแค่ไหน?
ในตอนนั้นก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พิธีเจิมน้ำมนต์ก็ได้เสร็จสิ้นลง
ผู้คนที่แช่อยู่ในบ่อน้ำพุก็เริ่มออกมา
ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณที่เปี่ยมล้น ด้วยพลังของพวกเขาแล้วมันไม่ควรค่าแก่การมาแช่น้ำพุร้อนแห่งนี้ แต่ตรงกันข้ามนี่ทำให้พวกเขารู้สึกสดชื่นและเต็มไปด้วยพลัง
“เอาหละ ถึงเวลาแล้ว ทุกคนรีบแยกย้ายกันได้แล้ว” ผู้รับผอดชอบที่เป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่พูดออกมา
ผู้คนต่างลังเลกันเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขัดกฎระเบียบของสำนักหลิงตง ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีสิทธิที่จะได้มาแช่ที่บ่อน้ำพุนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
ไม่นานคนพวกนี้ก็ถูกขับไล่ออกไปจากสำนักหลิงตง
หลังจากพวกเขาไปได้ไม่นาน เจ้าสำนักหยานรัวหยูก็ค่อยๆกระโดดลงน้ำ
หยานรัวหยูสวมกระโปรงยาว ใบหน้าที่เรียวสวยทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
“ท่านเจ้าสำนัก! แขกทั้งหมดที่มาออกไปหมดแล้วครับ!” ลูกน้องของเธอพูดออกมา
หยานรัวหยูสูดลมหายใจเข้าจากนั้นก็พูดออกมาว่า “แก่นแท้ของวิญญาณสิบปี มันเพียงพอสำหรับการพัฒนาของฉัน”
เธอยื่นขาออกมาจากนั้นก็แกว่งไปบนผิวน้ำเบาๆ หลังจากนั้นเสื้อผ้าของเธอก็หลุดลอยไป ร่างกายของเธอเหมือนกับหยกที่บริสุทธิ์ ไม่เหมือนหิมะที่ลอยอยู่ในอากาศ
ส่วนพวกลูกน้องของเธอก็รีบหันหน้าไปท่างอื่นทันที
“ท่านเจ้าสำนักหยาน!”
ในตอนนั้น จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกของประตู
สีหน้าของหยานรัวหยูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอชูแขนขึ้นและรีบใส่เสื้อผ้าทันที
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบ เสื้อผ้าของเธอจึงดูมอมแมมเล็กน้อย แต่นั้นก็ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้น
“ท่านเจ้าสำนักหยาน ยังต้องการอาบต่อไหม?” ผู้ชายที่มีส่วนสูงประมาณ 180 เมตรเข้ามา ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่ร่างของหยานรัวหยู และกลืนน้ำลาย
หยานรัวหยูขมวดคิ้วและถามออกมาว่า “เจ้าสำนักหวง มีเรื่องอะไร?”
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าสำนักหวงยิ้มและพูดออกมาว่า “เจ้าสำนักหยาน ฉันมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ?”
สีหน้าของหยานรัวหยูดูไม่ดี แต่เธอก็ยังคงทำเป็นไม่รู้สึกอะไรและพูดออกไปว่า “เอาชามาให้เจ้าสำนักหวง”
“ครับ” ลูกน้องของเธอที่อยู่แถวๆนั้นรีบย้ายเก้าอี้ออกไปว่างที่ข้างๆบ่อน้ำพุทันที
หลังจากที่นั่งลง เจ้าสำนักหวงก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “เจ้าสำนักหยาน เรื่องที่ฉันพูดไป คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
หยานรัวหยูยังคงไม่พูดอะไร
เมื่อเจ้าสำนักหวงเห็นแบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้าสำนักหยาน ตอนนี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าหากคุณไม่พึ่งพาอำนาจของตระกูลใหญ่ สำนักหลิงตงของคุณอาจจะต้องล้มสลายอีกในไม่ช้า แต่ภูมิหลังของพวกเราสำนักอูยาคือตระกูลซูแห่งจิงตู ถ้าคุณร่วมมือกับฉันมันจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก! และถ้าหากไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลซูก็คงไม่มีวันเห็นค่าสำนักหลิงตงของพวกคุณ!”