หลินชิงเชียงก็ดิ้นรนขึ้นมาอย่าวสิ้นหวังในทันที แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอเองก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุสิบเก้าปีก็เท่านั้น เธอไม่สามารถที่จะต่อต้านแรงชายหลายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอได้เลย
นี่เองมันก็ทำให้ฉินเฉิงขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา การ์ด บาร์นี้อยู่ที่ไหนกัน? หรือว่าเค้าไปกินข้าวกันอยู่อย่างงั้นเหรอ?
“ไปเรียก การ์ด มาให้ฉัน” ฉินเฉิงพูดกับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเค้าก็ตอบตกลงขึ้นมาอย่างเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เค้าก็พาชายที่อยู่ในชุดสูทรองเท้าหนังเดินเข้ามา
“คุณฉิน ผมเป็นผู้จัดการของที่นี่ครับ” ชายคนนั้นเค้าก็รีบพูดขึ้นมาอย่างเร็ว
ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “มันมีคนเข้ามาก่อเรื่องที่นี่แล้วผู้หญิงคนหนึ่งเธอก็โดนลากเข้าไปในห้องน้ำ หรือว่าแกมองไม่เห็นเรื่องพวกนี้เลยอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้จัดการร้านก็พูดขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วมว่า: “เรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นที่นี่เป็นประจำแล้วคนที่มาเที่ยวเล่นที่นี่ พวกเค้าก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีภูมิหลังใหญ่โต เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา พวกเรามักจะหลับหูหลับตาทำเป็นว่ามองไม่เห็นอะไร…..”
“แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!” ชายที่มีแผลเป็นบนหน้าเค้าก็ชี้เข้าไปที่หน้าแล้วด่าว่า: “แกนี่มันยังเป็นคนอยู่ไหม แกเป็นผู้ชายไหม เด็กผู้คนตัวเล็กๆ เธอกำลังได้รับอันตราย แกจะมองดูอย่างเฉยเมยอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้จัดการร้านก็พูดขึ้นมาอย่างขุ่นเคืองว่า: “นี่มันคือเรื่องของลูกพี่ฮู่…..”
“จินฮู่มันก็แค่คนงี่เง่า แกเองก็เป็นแค่ไอ่งั่งอย่างงั้นเหรอ?” ชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้าเค้าเกลียดจินฮู่ แต่ตอนนี้เค้าก็หาเหตุผลที่จะลงไม้ลงมือกับจินฮู่ได้แล้ว
ฉินเฉิงที่อยู่ที่ข้างๆ ก็ไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย เค้าพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า: “ตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตราบใดที่เดินเข้ามาที่บาร์นี่ แกจะต้องรับผิดชอบ เข้าใจไหม?”
“แต่….ถ้าหากว่าเจอเข้ากับคนที่ไม่สามารถยั่วยุได้หละครับ….” ผู้จัดการก็กระซิบขึ้นมา
“ไม่มีใครที่คุณฉินไม่สามารถจัดการได้ เข้าใจไหม” ชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้าเค้าก็พูดขึ้นมาอย่างดุร้าย
“รู้แล้วครับ ผมรู้แล้ว….” ผู้จัดการก็พยักหน้าขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็พาชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้าเดินเข้าไปทางห้องน้ำ
ที่ประตูห้องน้ำ มันก็มีเด็กหนุ่มว่าเจ็ดแปดคนที่ขวางทางเข้ากันอยู่เต็มไปหมด
เมื่อเห็นว่าฉินเฉิงเดินมา ชายคนหนึ่งเค้าก็เดินออกมาแล้วพูดว่า: “นายน้อยของฉันเค้ากำลังใช้ห้องน้ำที่นี่อยู่ พวกแกขึ้นไปที่ชั้นสองไป”
ฉินเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไร เค้าเพียงแค่เหลือบมองไปที่ชายที่มีแผลเป็นที่หน้า
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็เข้าใจในทันที เค้าชกเข้าไปที่ชายที่อยู่ที่หน้าประตูนั่น
ชายหนุ่มคนนั้นเค้าก็ล้มลงไปในทันทีโดยที่ไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงอะไรเลยด้วยซ้ำ
“มึงหาที่ตายเองนะ!” เมื่อเห็นแบบนี้ คนอื่นๆ ก็รีบเข้ามาโดยที่ไม่พูดอะไรมาก
แต่พวกลูกกระจ็อกแบบนี้ นี่มันก็ไม่คู่ควรกับชายที่มีรอบแผลเป็นที่หน้าเลยด้วยซ้ำ
ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึงนาที คนเหล่านี้พวกเค้าก็ล้มลงไปกองกันอยู่ที่พื้นโดยตรง
ในตอนนี้เองก็มีเสียงผู้หญิงที่กรีดร้องออกมาจากห้องน้ำ ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเค้าก็เตะเข้าไปที่ประตูห้องน้ำในทันที
ประตูนั่นมันก็พังในทันที
“ไอ่ห่า ใครกล้ามารบกวนกูวะ?” ชายหนุ่มเค้าก็เหลือบมองมาแล้วตะโกนด่าทอ
ฉินเฉิงก็เหลือบมองไปที่เค้า หลินชิงเชียงที่อยู่ที่ด้านในห้องน้ำเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา เสื้อผ้ากับผมของเธอมันเละเทะไปหมด เธอดูน่าเวทนาเล็กน้อย
เมื่อหลินชิงเชียงมองเห็นฉิงเฉิง เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาเค้าในทันที: “ไอ่คนไร้…ไม่ พี่เขย ได้โปรด ช่วยฉันด้วย……”
ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างขี้เล่นว่า: “พี่เขย? ทำไมเธอไม่เอาไปเรียกหยางอี้หละ?”
หลินชิงเชียงก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความกลัว เธอกอดฉินเฉิงจนแน่น จากนั้นก็พูดเบาๆ ขึ้นมาว่า: “นายสิที่เป็นพี่เขยของฉัน ช่วยฉันด้วยนะ……”
ฉินเฉิงก็เอามือของเค้าจับหลินชิงเชียงไปไว้ที่ด้านหลังของเค้า จากนั้นเค้าก็เหลือบมองไปที่ชายผมทอง
“โอ้ แกก็คือพี่เขยที่น่าสมเพชของตระกูลหลินอย่างงั้นเหรอ ฮ่าๆ ฉันได้ยินมาว่าแกโดนเมียของแกหลอกสวมเขามาแล้วถึงสามปีหนิ นี่เรื่องจริงเหรอ?” ชายหัวทองก็พูดขึ้นมาอย่างดุเดือด
สีหน้าของฉินเฉิงก็ดูเย็นชา เค้าพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เฉยเมยว่า: “แกอยากตายสินะ?”
“ฮ่าๆ แกรู้หรือไม่ว่าฉันเป็นใคร? กล้าที่จะมาพูดแบบนี้กับฉัน เชื่อไหมว่าฉันสามารถที่จะทำให้ตระกูลหลินมันหายไปได้เลยนะ!” ชายหัวทองเค้าก็พูดออกมาด้วยความโกรธ
ในตอนนี้เอง ผู้จัดการก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามา
เค้าก็พูดขึ้นมาด้วยความเป็นกังวลเล็กน้อยว่า: “คุณฉิน คนๆ นี้เราทำอะไรเค้าไม่ได้นะครับ! ตัวตนของเค้าเราไม่สามารถที่จะยั่วยุได้เลยนะครับ……”
“ตัวตนอะไร?” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา
ผู้จัดการก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ขมขื่นว่า: “เค้าเป็นคนของตระกูลลู่!”
“ตระกูลู่….” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“เคยได้ยินไหม? ไอ่เวร กูเป็นคนของตระกูลลู่ ถ้าหากว่ารู้แล้วก็ไสหัวออไปซะ!” ชายหัวทองเค้าก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูโอหัง
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็เดินเข้ามาที่ตรงหน้าของฉินเฉิง เค้ายื่นมือออกมาแล้วคว้าเข้าไปที่หลินชิงเชียง
ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ยกมือขึ้นมาแล้วตบเข้าไปที่หน้าของชายหัวทอง
แม้ว่าการตบครั้งนี้มันจะไม่ได้ใช้พลังอะไรมาก แต่มันก็ทำให้เค้าถึงกับหน้าหันไปเลย
“ที่ตบเข้าไปก็คือคนของตระกูลลู่” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“แก….แกกล้าตบฉันอย่างงั้นเหรอ?” ชายหัวทองเค้าก็โมโหขึ้นมาในทันที เค้าเอามือชี้ไปที่หน้าของฉินเฉิงแล้วด่าทอขึ้นมา: “ลู่เฟิงเค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของกู มึงรอกูได้เลย!”
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็หยิบโทรศัพท์ของเค้าขึ้นมาแล้วกดโทรหาลู่เฟิง
ทันทีที่ลู่เฟิงรับสาย ชายหัวทองก็ร้องไห้แล้วพูดออกมาว่า: “เห้ยพี่ ฉันโดนคนตบหน้า รีบมาล้างแค้นให้ฉันหน่อย!”
ลู่เฟิงก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา สำหรับตัวเองแล้วลูกพี่ลูกน้องของเค้าก็คอยแต่ที่จะมาสร้างเรื่องให้ก็เท่านั้น มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย
“แกสมควรแล้วที่จะโดนตบ” ลู่เฟิงก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ทันทีที่ชายหัวทองได้ยิน เค้าก็รีบพูดขึ้นมาในทันทีว่า: “มันยังบอกด้วยว่ามันจะตบคนตระกูลลู่ของพวกเรา พี่ นี่มันไม่ไว้หน้าตระกูลลู่ของเราเลยนะ!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของลู่เฟิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “แกอยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยู่ที่ไนท์บาร์!” ชายหัวทองก็พูดขึ้นมา
“รออยู่ที่นั่น!” หลังจากที่พูดจบ ลู่เฟิงก็ตัดสายไป
“ไอ่เวร มึงรอความตายได้เลย!” หลังจากที่วางสายไป ชายหัวทองก็พูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง “รอพี่กูมา ฉันก็จะดูว่าแกจะทำยังไง!”
ฉินเฉิงเยาะเย้ยขึ้น: “ได้ ฉันจะรอเค้า”
หลังจากที่พูดจบ เค้าก็โบกมือของเค้าขึ้นมาแล้วให้ผู้จัดการเอาเก้าอี้มาให้เค้านั่งรอ
ในตอนนี้เอง คนจำนวนมากที่อยู่ที่ด้านนอกก็มามุงดูกัน หลายคนก็เริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายรูป
แต่หลินชิงเชียงก็มองไปที่ฉินเฉิง ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน
จู่ๆ เธอก็พบว่า “พี่เขย” ของเธอดูเหมือนว่าจะเท่ขึ้นมา เค้าดูหล่อเหลาเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เธอเองก็มองว่าเค้าเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่งก็เท่านั้น
ตั้งแต่สมัยก่อน ผู้หญิงมักจะหลังรักฮีโร่ โดยเฉพาะเด็กสาววัยรุ่น
ในตอนนี้เอง ในใจของหลินชิงเชียงเธอก็มีความรู้สึกที่แตกต่างขึ้นมา
“เห้ เรารีบไปกันเถอะ” หลินชิงเชียงก็ตบเข้าไปที่ไหล่ของฉินเฉิง
ฉินเฉิงก็เหลือบมองไปที่เธอแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้ที่เรียกฉันว่าพี่เขยแล้วก็ยังร้องไห้”
“นายไม่ใช่พี่เขยของฉัน หึ” หลินชิงเชียงก็บ่นขึ้นมา
เมื่อฉินเฉิงได้ยินแบบนั้น เธอก็พูดขึ้นมาว่า: “ถ้าอย่างงั้น เธอก็จัดการเองก็แล้วกัน”
เมื่อหลินชิงเชียงได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบคว้าแขนของฉินเฉิงแล้วพูดขึ้นมาอย่างตกใจและน่าสมเพชว่า: “พี่เขย ฉันผิดไปแล้ว…..”
“คุณชายลู่มาถึงแล้ว!” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงที่ดังมาจากที่ด้านนอก
หลังจากนั้น สายตาของทุกคนต่างก็หันมองไป
“ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว!” ชายหัวทองก็พูดขึ้นมาอย่าหงอยๆ “ลูกพี่ลูกน้องของฉันเค้าไม่มีวันปล่อยแกไปอย่างแน่นอน!”
“อืม ที่แกพูดก็ถูก” ฉินเฉิงก็พยักหน้าของเค้าขึ้นมา “ลูกพี่ลูกน้องแกไม่มีทางปล่อยแกไปอย่างแน่นอน”