จองหอง!
นี่เป็นเพียงภาพในความคิดเดียวของตระกูลต้วนที่มีต่อฉินเฉิง!
“หึหึ ไอ่เด็กเวร แกคงจะพึ่งเคยเข้าสังคมสินะเลยไม่รู้เรื่องพวกนี้” ต้วนอู๋พูดพร้อมกับเหล่มอง “ถ้าแกไม่กลับบ้านในช่วงปีใหม่ ฉันเดาว่าอย่างแกก็คงจะโดนขับไล่ออกมาจากตระกูลแล้วอย่างงั้นสินะ ?”
“การที่ในตระกูลของตัวเองมีพวกนักเลงแบบแก นี่มันน่าอายจริงๆเลย แม้แต่ดาวหนึ่งดวงบนบ่ามันก็ยังไม่คู่ควรเลย น่าขำสิ้นดี!”
แม่ของชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เธอลุกขึ้นปัดฝุ่นแล้วพูดว่า: “ช่างมันเถอะ ปีใหม่ทั้งที กับอีแค่เหล้าแก้วเดียวต้องทำกับขนาดนี้เลยเหรอ?”
“นั่งลง!” ต้วนซุนก็ดุขึ้นมา “นี่คือสิ่งที่เธอสอนลูกชายของเธออย่างงั้นเหรอ? กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้ในงานร่วมญาติประจำปีของตระกูลต้วนของฉัน!”
“เค้ายังเด็กแล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วก็ยังหุนหันพลันแล่นด้วย…” พ่อของชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็รีบพูดขึ้นมา
หลังจากนั้น เค้าก็ดึงแขนของฉินเฉิงมาแล้วพูดว่า “ใช่ไหม?”
ฉินเฉิงยิ้มเบาๆแล้วพูดว่า: “ในฐานะญาติสนิท การที่จะใช้เรื่องของความสำเร็จมาวัดกันแบบนี้ มันน่าขำสิ้นดี ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเองก็ไม่เห็นว่าเสี่ยวเหม่ยจะด้อยไปกว่าต้วนตงตรงไหน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นเรื่องตลกจริงๆ! ไอ่เด็กเวร บอกว่าไม่แย่กว่าต้วนตงอย่างงั้นเหรอ?” ต้วนอู่ก็หัวเราะออกมา
เขาหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “เดิมทีฉันก็อยากจะปล่อยแกไป แต่ดูท่านแล้วก็คงไม่น่าจะคิดได้ อย่างงั้นก็อย่ามาหาว่าฉันไม่สุภาพกับแกก็แล้วกัน!”
“ไม่สุภาพ? แล้วคุณจะทำยังไงอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงเลิกคิ้วขึ้นมา
ต้วนอู่เยาะเย้ยและพูดว่า: “ถ้าแกแน่จริงอย่างงั้นก็อย่าหนีไปก็แล้วกัน! ฉันรู้ว่าเสี่ยวเหม่ยกับจินฮู่มีความแค้นระหว่างกัน เดี๋ยวฉันจะตามจินฮู่มา เมื่อจินฮู่มาแล้ว ฉันก็อยากจะรู้ว่าแกจะหยิ่งได้อีกไหม!”
“เอาหละ เอาหละ นี่จะทำอะไรกัน!” ผู้อาวุโสต้วนก็ดุขึ้นมา “วันปีใหม่แบบนี้ แกคิดจะทำอะไร? แค่คำพูดสั้นๆ ก็จะฆ่าเสี่ยวเหม่ยเลยเหรอ? วางโทรศัพท์ลงเดี๋ยวนี้!”
แม้ว่าต้วนอู่จะไม่เต็มใจ แค่เค้าก็วางโทรศัพท์บนโต๊ะลงอย่างเชื่อฟัง
“เห็นแก่หน้าของพ่งของฉัน ฉันจะปล่อยแกไปก่อน!” ต้วนอู่ก็บ่นขึ้นมา
พูดไปแล้วก็ยังแอบส่งข้อความไปหาจินหู
ต้วนอู่กับจินฮู่ไม่สินกัน พูดได้เลยว่าพวกเค้าไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แต่คนอย่างเค้าก็ได้เก็บช่องทางการติดต่อจินฮู่เอาไว้ในโทรศัพท์มือถือตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเอาตัวรอด
ที่ด้านของจินฮู่ เค้าก็กำลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน เค้าไปที่ คฤหาสน์หลงไห่ซานเมื่อวานก่อนเพื่อมอบของขวัญให้กับฉินเฉิง แต่น่าเสียดายที่ฉินเฉิงกลับไม่อยู่บ้าน
ไม่เพียงแค่จินฮู่เท่านั้น แต่หลายคนในเมืองเองของมณฑลก็ต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฉินเฉิงในช่วงปีใหม่นี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าฉินเฉิงอยู่ที่ไหน
จินฮฮุ่เป็นกังวลขึ้นมา เมื่อได้รับข้อความนี้ จู่ๆเค้าก็กระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้
เค้ารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์ของต้วนอู่
ทันทีที่รับสาย จินฮู่ก็พูดว่า “นายบอกว่าต้วนเสี่ยวเหม่ยอยู่ในมณฑลเหม่ยแล้วอย่างงั้นเหรอ”
ต้วนอู่รีบตอบกลับว่า: “ครับพี่จินฮู่ เค้าไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว ปีนี้จู่ๆเค้าก็กลับมา ผมรู้ว่าพี่จินฮู่แค้นเค้า ผมก็เลยรีบส่งข้อความหาพี่ . .”
จินฮู่พูดอย่างไม่อดทน: “ฉันถามแก ต้วนเสี่ยวเหม่ยพาใครไปด้วยอีกไหหม?”
ต้วนอู่ตกตะลึง จินฮุ่รู้จริงๆด้วยว่าต้วนเสี่ยวเหม่ยยังพาคนอื่นคนมาอีกด้วย? ดูเหมือนว่าไอ่เด็กนี่มันจะมีความแค้นกับจินฮู่จริงๆด้วย!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้วนอู่ก็ตอบกลับไปอย่างตื่นเต้น: “พี่จินฮู่รู้ของเค้าอย่าละเอียดจริงๆด้วย ต้วนเสี่ยวเหม่ยเอาคนอื่นมาด้วยจริงๆๆ!”
“เขาชื่ออะไร” จินหูถามโดยหักห้ามความตื่นเต้นของเค้าเอาไว้
“นี่…ผมก็ไม่รู้ แต่เไอ่เด็กนี่มันมีบุคลิกที่ชัดเจน มันไม่สูง ผอม ส่วนผมของมันก็ยาวเล็กน้อย” ต้วนอู่บรรยายรูปร่างหน้าตาของฉินเฉิง
ผมยาวนิดหน่อย!
จู่ๆจินฮู่ก็ดูตื่นเต้นเมื่อได้เห็นคำนี้ เค้าก็เลยตอบกลับมาว่า: “โอเค ฉันจะรีบไปที่นั่น จำไว้นะ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อน อย่าบอกเค้า”
“โอเค ไม่ต้องห่วง พี่จินฮู่!” ต้วนอู่รีบพยักหน้าขึ้นมา
หลังจากวางสายไปแล้ว จินฮู่ก็รีบส่งข้อความไปยังกลุ่มคนในเมืองเอกของมณฑล: คุณฉินฉลองปีใหม่ในมณฑลเหม่ย!
เมื่อข่าวถูกส่งออกไป ทุกคนที่ยังอยู่ในมณฑลก็มีอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วรีบไปที่มณฑลเหม่ยพร้อมกัน!
ที่ทางด้านของฉินเฉิง ต้วนอู่ก็กลับไปที่ห้องอาหารส่วนตัวหลังจากที่โทรศัพท์เสร็จ
หลังจากนั่งลง ต้วนซุนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถามว่า “ไปไหนมา นานจัง?”
ต้วนอู่ก็กระซิบ: “จินฮู่เพิ่งโทรหาฉัน เค้าบอกว่าอีกเดี๋ยวเค้าจะเอาคนมาที่นี่”
“จินฮุ่?” สีหน้าของต้วนซุนเปลี่ยนไป “นายตามเค้ามาจริงๆอย่างงั้นเหรอ?”
ต้วนอู่ก็หัวเราะขึ้นมา: “แน่นอน ไอ่เด็กคนนี้มันรนหาที่ตายจริง ฉันจะต้องให้บทเรียนกับมัน!”
ต้วนซุนลูบคางของตัวเอง มันดูไม่ออกเลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
ในระหว่างงานเลี้ยง หลายคนก็ยังคงเข้าหาต้วนตงเพื่อดื่มและอวยพร หลังจากนั้นไม่นาน ที่ตรงหน้าของเค้ามันก็เต็มไปด้วยของขวัญ
เนื่องจากความสัมพันธ์ของต้วนตง ท่าทีของคนจำนวนมากที่มีต่อตระกูลต้วนก็เลยดูนับหน้าถือตาพวกเค้า มันอาจบอกได้เลยว่าเค้าคือคนที่นำตระกูลขึ้นสู่สวรรค์
“พวกนายจะกินข้าวอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่กัน?” ฉินเฉิงรู้สึกเบื่อเล็กน้อยในตอนที่นั่งอยู่ที่นี่ เค้าก็เลยกระซิบถามขึ้นมา
ชายที่หน้ามีแผลเป็นก็อธิบายว่า: “โดยปกติแล้วก็อยู่กันที่นี่ คืนนี้เรามักจะไม่นอนกัน คุณฉิน ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พวกเราก็ไปก่อนก็ได้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก” ฉินเฉิงโบกมือขึ้นมา ในวันปีใหม่ตามปกติ เค้าจะทำความสะอาดฝฝบ้านอยู่ที่บ้านคนเดียว เมื่อเค้าทำเสร็จงานฉลองปีใหม่มันก็จะจบลงแล้ว
ปีนี้การที่ได้นั่งดูทีวีด้วยกัน มันก็ไม่เลวเลยทีเดียว
มณฑลเหม่ยมันไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเมืองมากนัก มันใช้เวลาขับรถอย่างน้อยก็สองชั่งโมง
หิมะที่อยู่ด้านนอก ถนนค่อนข้างลื่น ดังนั้นการเดินทางของจินฮู่กับคนอื่นมันก็เลยค่อนข้างยาวนานกว่าปกติ
หลังอาหาร ต้วนตงแนะนำขึ้นมาว่า “ยังไงซะ ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำกัน ทำไมไม่เล่นไพ่กันล่ะ?”
“เอาสิ” ต้วนอู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เค้าเองก็กลัวว่าฉินเฉิงจะกลับก่อน ดังนั้นเค้าก็เลยพยายามที่จะหาวิธีเพื่อถ่วงเวลา
“เห้ย พวกแกสองคนอะ ฉันเดาว่าพวกแกก็น่าจะเล่นไพ่เป็นใช่ไหม? คุจะมาเล่นด้วยกันหน่อยไหม?” ต้วนอู่พูดด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ชายที่มีแผลเป็นที่หน้ากำลังจะปฎิเสธ ฉินเฉิงก็พยักหน้าตอบตกลง: “เอาสิ จะเล่นอะไรดีหละ”
“พนันด้วยเงิน ยังจะมาเล่นอะไรอีกหละ” ต้วนตงกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟให้เอาไพ่ชุดหนึ่งเข้ามา
“อันที่จริง ที่สำนักงานความมั่นคง พวกเค้าก็เรียกฉันเล่นๆว่าเทพแห่งวงไพ่! หลังจากที่เล่นมาแล้วหลายปี ฉันก็ไม่เคยแพ้เลยซักครั้ง” ต้วนตงพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่พวกแกสองคนมีเงินไหมหละ? ไม่มีฉันไม่เล่นด้วยหรอกนะ”
ฉินเฉิงหยิบบัตรธนาคารจากกระเป๋าของเค้าและพูดว่า “ข้างในนี้มีเงินมากพอ”
“แกเอาบัตรเปล่าออกมาหรือเปล่า แกคิดว่าแกเป็นใครกัน” ต้วนอู่พูดด้วยท่าทีไม่พอใจ
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ งั้นพวกนายต้องการเดิมพันด้วยอะไร”
ต้วนอู่ครุ่นคิดอยู่ซักพักแล้วพูดว่า “ถ้าฉันแพ้ ฉันจะให้เงินแก ถ้าแกแพ้ แกต้องคุกเข่าให้ฉัน ยังไงฉันก็โตกว่าแก คุกเค่าให้ฉันแล้วฉันจะให้เงินแกก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ ผู้คนที่อยู่ในห้องอาการส่วนตัวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
ฉินเฉิงเหล่มองแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการเงิน ฉันก็ไม่ได้อยากเล่นจริงจังอะไรมาก อย่างงั้นก็แล้วกัน ถ้านายแพ้ นายก็ออกไปที่ห้องโถงข้างนอกแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าทุกคน คิดว่าไง?”