หนานหวางถือได้ว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะหนานโจว ในวันขึ้นปีใหม่มีคนจำนวนไม่น้อยที่จะต้องการมาอวยพรปีใหม่กับเขา
แต่หนานหวางเพื่อที่จะดูแลฉินเฉิง เขาได้ปฏิเสธทุกคนออกไป
มองดูแล้ว หนานหวางถือว่าฉินเฉิงเป็นเพื่อนที่แท้จริงของเขา
เหตุผลหนึ่งคือเพราะเขาชื่นชมฉินเฉิง และประการที่สองเป็นเพราะวิธีการฝึกฝนของเขาคล้ายกับของฉินเฉิง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีพื้นฐานมาจากพลังกาย
“น้องชาย วันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว วันนี้ฉันจะพานายไปเที่ยวรอบเกาะหนานโจว” หนานหวางหัวเราะและพูดออกมา
ฉินเฉิงคิดที่จะปฏิเสธ แต่ปีใหม่ทั้งทีคงไม่มีใครอยากที่จะถูกปฏิเสธ ดังนั้นฉินเฉิงจึงตอบตกลงไป
ตอนแรกคิดว่าหนานหวางจะพาฉินเฉิงไปที่ร้านคาราโอเกะหรือสถานบันเทิงดังๆ แต่หนานหวางบอกกับฉินเฉิงว่า ที่แบบนั้นเป็นที่ของคนต้อยต่ำ คนที่ยิ่งใหญ่โดยแท้จริงเขาไม่ไปสถานที่แบบนั้นกัน
“คนแบบนาย ไปแข่งรถ ตีกอล์ฟ หรือไม่ก็ไปคาสิโนไม่ดีกว่าเหรอ?” หนานหวางยิ้มและพูดออกมา “น้องชาย ฉันได้เลี้ยงม้าเหงื่อโลหิตไว้ที่สนามแข่งม้าซ่ายเอ๋อหนึ่งตัว ฉันจะพานายไปดู”
“ได้!” ฉินเฉิงพยักหน้า
สนามแข่งม้าซ่ายเอ๋อถือว่าเป็นสนามแข็งม้าที่มีชื่อเสียงมากในประเทศ เศรษฐีหลายคนชอบเอามามาฝากเลี้ยงไว้ที่นี่เพื่อใช้ในการแข่ง
เช่นเดียวกับผู้มั่งคั่งและคนดังที่มีชื่อเสียงมากมาย พวกเขามักจะมาเยี่ยมเยียนที่นี่
“ปีใหม่ทั้งทีจะมีคนมาที่นี่เหรอ?” ฉินเฉิงถามออกด้วยความสงสัย
หนานหวางหัวเราะออกมา “นายยังไม่เข้าใจอะไร ปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่เกาะหนานโจวครื้นเครงที่สุด ฤดูหนาวที่นี่ไม่ร้อนหรือเย็น มันเหมาะกับการอยู่อาศัยของผู้คน”
ฉินเฉิงพยักหน้า เขาไม่รู้จักแวดวงคนเหล่านี้ดีนักดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรต่อ
รถมาถึงที่สนามแข่งม้าซ่ายเอ๋ออย่างรวดเร็ว ตามที่หนานหวางพูดเอาไว้ผู้ตนมากมายมาเที่ยวที่นี่ รถหรูจำนวนมากจอดเรียงรายกัน
หลังจากที่หน่านหวางมาถึง คนเฝ้าประตูคนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเฝ้าประตูอีกคนหันศีรษะแล้วเดินกลับ
“สวัสดีครับหนานหวาง” คนเฝ้าประตูเอนตัวลง หลังจากนั้นเขาก็รับกุญแจจากหนานหวางไปเพื่อที่จะนำรถไปจอดให้
ไม่นานผู้จัดการของสนามแข่งม้าซ่ายเอ๋อก็เดินออกมา
เขารีบเดินมาที่หนานหวาง ยิ้มและพูดว่า “หนานหวาง คุณมาแล้ว”
หนานหวางหัวเราะออกมา “พาเพื่อนของฉันไปดูม้าตัวนั้นหน่อย จากนั้นก็เอามันออกมาวิ่ง”
“โอ้ว หนานหวาง คุณนี่มาถูกวันจริงๆ วันนี้มีคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยมาเข้าแข่งที่สนามม้าแห่งนี้” ผู้จัดการพูดออกมา
หนานหวางถามออกไปด้วยความดีใจ “เอ๋? จริงเหรอ? รีบพาฉันไปดูเร็ว!”
สามารถมองออกเลยว่าหนานหวางชอบการแข่งม้าแค่ไหน
เขาไม่เหมือนกับฉินเฉิง ตอนนี้หนานหวางอายุ 50 กว่าแล้ว เขาเป็นจอมยุทธที่ถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงเอาเวลาว่างไปทำอย่างอื่นเพื่อทำให้ชีวิตของเขามีความสุข
“พี่ใหญ่?” และในตอนที่เดินมาถึงโรงม้า จู่ๆฉินเฉิงก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
เขาหันหลังกลับไปดู เขาก็เห็นจี้เซียงกับเพื่อของเขาอีกหลายคนยืนอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเลือกม้า
ฉินเฉิงพูดออกไปด้วยความตกใจเล็กน้อย “จี้เซียง? นายมาทำอะไรที่นี่?”
จี้เซียงรีบวิ่งเข้ามา จากนั้นเขายิ้มและพูดออกมาว่า “ที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้หนาวมากเลย ฉันเลยอยากหลบภัยหนาวมาฉลองปีใหม่ที่นี่! ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าปีนี้ไม่ได้ไปอวยพรปีใหม่ให้พี่ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่!”
“คิดอะไรมากมาย!” ฉินเฉิงมองไปที่เขา จากนั้นพูดออกมาอีกว่า “ทำอะไร นายกำลังเลือกม้าอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ” จี้เซียงเกาหัว “แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้ว่ามันต้องเลือกยังไง เลยเลือกๆไปส่งเดช”
“จะเข้าร่วมการแข่ง?” ฉินเฉิงถาม
จี้เซียงรีบพยักหน้าและตอบกลับมาว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันจะเอาความสามารถนั้นมาจากไหน อีกอย่างผู้เข้าร่วมแข่งขันวันนี้มากจากจิงตู แล้วก็คุณชายจากเมืองไห่ ไม่ก็พวกดาราดังๆ ฉันจะแข่งได้อย่างไง….”
ฉินเฉิงตบไปที่ไหล่ของเขาและพูดออกมาว่า “โอเค งั้นอีกเดี๋ยวจะให้หนานหวางเลือกม้าให้นายตัวหนึ่ง”
“หนานหวาง? พี่รู้จักหนานหวาง?” จี้เซียงถามออกมาด้วยความตกใจ
ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน หนานหวางก็เดินจูงม้าออกมาจากด้านใน
ม้ามีขนสีแดงเพลิง แผงคอยาว ท่าเดินดูสง่างาม กระดูกและกล้ามเนื้อของมันดูแข็งแรงมาก
“น้องชาย ม้าของฉันเป็นไงบ้าง?” หนานหวางพูดออกมาด้วยความภูมิใจ
ฉินเฉิงลูบไปที่หัวของม้าและพูดออกมาว่า “ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“ว้าว นี่มันม้าเหงื่อโลหิตในตำนานใช่ไหม?” จี้เซียงและเหล่าเพื่อนๆของเขาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
หนานหวางพูดด้วยความประหลาดใจ “พวกนายรู้ได้ไง?”
“ฮ่าฮ่า พวกเราเคยได้ยินมาว่าหนานหวางมีม้าในตำนานครอบครองเอาไว้ แถมยังเอาชนะมาแล้วตั้งหลายสนาม” จี้เซียงยิ้มและพูดออกมา
ฉินเฉิงตบไปที่ไหล่ของหนานหวางและพูดแนะนำออกมาว่า “เขาคือเพื่อนของฉัน”
เมื่อหนานหวางได้ยินแบบนั้น เขาก็จับมือกับจี้เซียง จากนั้นก็หันไปคุยกับผู้จัดการว่า “ไปหาม้าดีให้เด็กๆพวกนี้หน่อย!”
“ได้ครับ หนานหวาง” ผู้จัดการรีบรับคำสั่ง “ทุกท่านตามผมมา”
จี้เซียงดีใจมาก จากนั้นก็หันไปหาหนานหวางและพูดออกมา “ขอบคุณมากครับหนานหวาง!”
หนานหวางโบกมือ จากนั้นเขาก็จูงม้าของเขาและพูดว่า “น้อยชาย ลองขี่ดูสักหน่อยไหม?”
ฉินเฉิงมีท่าทางว่าจะอยากขี้เล็กน้อย เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ได้!”
เขาตามหนานหวางไปที่สนามแข่ง และสนามแข่งในตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
ตรงกลางสนามมีคนผมสีเหลืองยืนอยู่ หน้าตาของเขาเหมือนกับพวกนุ่มเกาหลี
ผู้ชายคนนั้นมีชื่อว่าไช่เต๋า เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอม กำลังจูงมาที่งดงาม ขนของมันเป็นเงา ที่สามารถสะท้อนให้เห็นหน้าได้
ฉินเฉิงกับหนานหวางก็กำลังเดินจูงม้าเขาไป เมื่อทุกคนเห็นหนานหวาง พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทักทาย
“หนานหวาง บังเอิญจริงๆ เพื่อนของฉันเพิ่งจะได้มาดีมาหนึ่ง จะลองดูตอนนี้เลยไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งยิ้มและพูดออกมา
หนานหวางยิ้มและพูดออกมา “ได้สิ! แต่รอฉันเดี๋ยว!”
“ครับ ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปทักทายไช่เต๋า และแนะนำออกไป “ท่านนี้คือหนานหวาง เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเกาะหนานโจว”
ไช่เต๋าเหลือบตามามองที่หนานหวาง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ม้าของนายน่าจะวิ่งได้ดี นายไปเอามันมาจากไหน?”
น้ำเสียงของเขาทำให้หนานหวางรู้สึกไม่พอเล็กน้อย แต่หนานหวางก็ไม่ได้แสดงอะไรออกไป แค่พูดออกมาว่า “คนอื่นให้มา”
ไช่เต๋าหัวเราะอย่างดูถูก “ม้าของฉันตัวนี้มาจากทะเลทรายทางแถบฮาร์บิน เป็นม้าทองสายพันธุ์แท้ และมีแค่ 3000 ตัวในโลก!”
หนานหวางพูดด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมมาก”
“และม้าชนิดนี้กินแต่หญ้าของฮาร์บินเท่านั้น ปกติจะถูกจัดส่งมาทุกๆสิบวัน และมันก็ไม่ได้กินของแบบที่ม้าของนายกิน…..”
“น้องชาย พวกเราไปขี่มันกันเถอะ” ราวกับว่าหนานหวางไม่ได้สนใจคำโม้ของเขา เขารีบพาฉินเฉิงเดินไปอีกทางหนึ่ง
พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็หันศีรษะและลูบไปที่สนามแข่งม้าซ่ายเอ๋อของหนานหวาง
“ฉินเฉิง!”
และในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกครั้ง
และเมื่อหันหน้ากลับไปที่แท้ก็คือดาราดังอย่างชูซีหยุน
ฉินเฉิงถามออกไปด้วยความสงสัย “เธอมาที่นี่ได้อย่างไง?”
ชูซีหยุนตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ “ฉันกับบริษัทมาที่นี่เพื่อพักผ่อน แล้วนายหละทำไมถึงมาอยู่ที่เกาะหนานโจว?”