ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องนิดหน่อย เออใช่ เพื่อร่วมงานที่เธอบอกคงไม่ใช่ไคเต๋า คนนั้นใช่ไหม?”
“ใช่ เขานั่นแหละ” ชูซีหยุนพยักหน้า “ตอนนี้เขามีอำนาจในบริษัทมาก และกำลังเป็นที่นิยม บริษัทให้ฉันทำงานร่วมกับเขา จึงสั่งให้ฉันมาที่นี่ ฉันจะได้มีเชื่อเสียงมากขึ้น”
“ทำให้เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น? เธอไม่ได้ดังกว่าเขาหรอกเหรอ?” ฉินเฉิงถามออกไปด้วยความสงสัย
ชูซีหยุนกลอกตาและพูดว่า “ในยุคนี้ ดาราก็เหมือนกับน้ำที่ไหลผ่าน มันมีคนให่ๆเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้ฉันก็เริ่มที่จะแผ่วลงแล้ว”
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว นายต้องการจะขี่ม้าใช่ไหม? พาฉันไปด้วยได้ไหม?” ฉินเฉิงจ้องไปที่ม้าเหงื่อโลหิตและพูดออกมาด้วยความอิจฉา
“ได้สิ” ฉินเฉิงยิ้ม “ไปกันเถอะ”
พูดจบฉินเฉิงก็พาชูซีหยุนไปที่หน้าของม้าอู๋อิ่ง
ชูซีหยุนเคยขี่ม้ามาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงกระโดดเพียงครั้งเดียวก็สามารถขึ้นไปอยู่บนหลังมาได้เลย
ทันทีที่เธอขึ้นไปบนหลังมา ม้าก็พยศทันที มันยกขาทั้งข้างขึ้นและสั่นอย่างรุนแรง
“อร๊ายยย!!” ชูซีหยุนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอตกลงมาจากหลังม้าทันที
ฉินเฉิงก้าวไปด้านหน้าและรับชูซีหยุนเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ
“มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” ไม่นานไคเต๋า ก็พาคนเดินเข้ามาสองสามคน
เขาชี้ไปที่หน้าของฉินเฉิงกับหนานหวางและด่าออกมา “ชูซีหยุนเป็นถึงดาราที่อยู่ระดับสูงของบริษัทเรา ถ้าหากใบหน้าของเธอเป็นอะไรไป พวกนายมีปัญญามารับผิดชอบไหม!”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ในใจของเขารู้สึกไม่พอใจ
“ถ้าหากต้องการจะขี่ม้าก็ต้องทำให้ม้านั่นเชื่องก่อน แบบนั้นจะง่ายต่อการขี่” หนานหวางอธิบายออกมา
จากนั้นเขาก็หันมาพูดว่า “น้องชาย ที่จริงม้าตัวนี้ฉันสามารถขี่ได้คนเดียวเท่านั้น นอกจากฉันแล้ว มันก็ไม่ยอมใครเลย”
“เอ๋?” ฉินเฉิงมีท่าทางสนใจขึ้นมาทันที “ขี่ม้ามันต้องละเอียดขนาดนั้นเลนเหรอ”
“ไร้สาระ” ไคเต๋า ที่อยู่ข้างๆพูดออกมา “ม้าเหงื่อโลหิตมันจะเลือกคนจากหนึ่งในพัน คนธรรมดาคิดจะขี่มัน? ฝันไปเถอะ!”
หลังจากนั้นไคเต๋า ก็เดินมาจูงมือของชูซีหยุนและพูดออกมาว่า “ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปขี่ม้าตัวนั้นเอง มันดีกว่าตัวนี้หลายเท่า”
ชูซีหยุนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่สนใจ “ฉันไม่ไป ฉันจะขี่ม้าตัวนี้”
ไคเต๋า ขมวดคิ้ว เขาครุ่นคิดจากนั้นพูดออกมาว่า “งั้นเอาอย่างนี้ไหม ฉันจะขี่ม้าตัวนี้พาเธอไปด้วยรอบหนึ่ง”
ไคเต๋า หันมาหาหนานหวางและพูดว่า “ฉันขอขี่มันหน่อย”
พูดจบเขาก็ไม่สนใจหนานหวางว่าจะยินยอมหรือไม เขาจูงมือชูซีหยุนและเดินไปที่ม้าของหนานหวาง
หนานหวางเตือนออกมาว่า “ระวังนะ ถ้าหากล้มขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบนะ”
ไคเต๋า ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ก็แค่ม้าตัวเดียว คิดว่ามันกล้าที่จะขัดขืนฉันอย่างนั้นเหรอ?”
หนานหวางแอบหัวเราะอยู่ในใจ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไคเต๋า จูงมือชูซีหยุนและกระโดดขึ้นไปที่หลังม้า
ในตอนที่ขึ้นไปม้าอู๋อิ่งเงียบมาก
สิ่งนี้ทำให้ไคเต๋า รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าเล็กน้อย เขาหันไปมองหนานหวางด้วยท่าทางภาคภูมิใจและพูดออกมาว่า “เห็นไหม? ถึงม้าตัวนี้จะพยศกับคนอื่น แต่มันไม่พยศกับฉัน!”
แต่ทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง ม้าก็ยกขาขึ้นสองข้างและสั่นอย่างรุนแรง
มันรุนแรงมากเกือบจะโยนคนขึ้นท้องฟ้า!
“อร๊ายยยย!” ไคเต๋า กับชูซีหยุนร้องออกมาด้วยความกลัว
“หยุด….!” เมื่อหนานหวางเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
สุดท้ายร่างกายของไคเต๋า กับชูซีหยุนก็หลุดจากหลังม้า!
ทั้งสองคนลอยอยู่ในอากาศ ขึ้นสูงประมาณ 3 เมตร!
ฉินเฉิงเป็นคนที่มีสายตาว่องไว เขารีบกระโดดขึ้นไปแล้วรับตัวของชูซีหยุนลงมาอย่างปลอดภัย
ส่วนทางด้านของไคเต๋า ก็หล่นลงกับพื้น และกระแทกกับพื้นหลายครั้ง
เมื่อเขายื่นมืออกมามือของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด
“อ้ายยย….!” ไคเต๋า ร้องออกมาด้วยความกลัว เขาเอามือจับไปที่หย้าของเขาและพูดเหมือนกับร้องออกมา “มือของฉัน! หมอ รีบเรียกหมอมาเร็ว!”
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “ก็แค่มีเลือดออกที่มือเท่านั้น มันไม่ถึงกับตาย จะร้องไปทำไม!”
ไคเต๋า พูดออกมาว่า “คนที่ล้มไม่ใช่นาย! ไม่เจ็บก็พูดได้! แล้วก็ทำไมเมื่อกี้นายไม่ช่วยฉัน?!”
“ทำไมฉันต้องช่วยนายด้วย?” ฉินเฉิงหัวเราะและถามออกไป
และในตอนนั้นผู้จัดการของเขาก็เดินมา พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกคูร? รู้ไหมว่าตอนนี้ไคเต๋า จะเป็นอะไรไปไม่ได้! แล้วยังจะให้เขาทำอะไรที่เป็นอันตรายอีก!”
หนานหวางพูดออกไปว่า “เขาอยากขี่เอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ฉันเลยถ่าบคลิปเอาไว้ด้วย”
สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนไปทันที เขาพูดออกมาว่า “ฉันขอเตือนนายเอาไว้ ทางที่ดีนายอย่าเอาคลิปนั้นไปลง เข้าใจไหม?”
โชคดีที่มีแพทย์อยู่ในสนามแข่งม้าแห่งนี้ และหมอก็ให้ผ้าพันแผลง่ายๆให้เขา มันก็ไม่มีอะไรแล้ว
แต่ไคเต๋า ก็ถามอยู่อย่างนั้น “แค่นี้เองเหรอ? ฉันไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?”
สุดท้ายหมอพูดออกมาด้วยความรำคาญ “มันก็แค่แผลถลอก หรือจะให้ฉันฉัดยาชาแล้วทำการผ่าตัดให้?”
“พูดออกมาแบบนี้ได้ยังไง!” ไคเต๋า พูดออกไปด้วยความโกรธ
หมอพ่นลมหายใจออกมา และไม่ได้สนใจเขา
ฉินเฉิงที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะยิ้มและส่ายหน้าออกมา
หลังจากที่ไคเต๋า เห็น เขาก็ชี้นิ้วมาที่ฉินเฉิงและด่าออกมา “นายขำอะไร? มันน่าขำมากเลยหรือไง!”
“อ่า ก็น่าขำอะดิ” ฉินเฉิงพยักหน้าและพูดออกมา “เมื่อกี้ยังบอกว่าตัวเองสามารถควบคุมม้าตัวนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับตกหลังมาลงมา แบบนี้มันไม่น่าอายไปหน่อยเหรอ?”
สีหน้าของไคเต๋า เปลี่ยนไป เขาพูดออกมาว่า “นายไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือไง? ม้าตัวนี้มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ขี่มันได้! ต่อให้นายขึ้นไปมันก็ไม่ต่างอะไร!”
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจเขา เขาหันมามองชูซีหยุนและถามออกมาว่า “อยากจะลองไปอีกสักรอบไหม?”
“ได้!” ชูซีหยุนพยักหน้าและตอบออกมา
ไคเต๋า พูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “เสี่ยวหยุน เธอยังคิดที่จะหล่นลงมาอีกครั้งเหรอ?”
ชูซีหยุนหัวเราะและตอบออกไป “ไม่เป็นไร”
ดจบชูซีหยุนก็เดินตามฉินเฉิงมาที่ม้าตัวเดิม
ครั้งนี้ฉินเฉิงหันไปพูดว่า “ครั้งนี้ฉันขอขึ้นก่อน จากนั้นเธอค่อยขึ้นตามมา เข้าใจไหม?”
“ได้!” ชูซีหยุนพยักหน้า
ไคเต๋า ที่อยู่ข้างๆยิ้มอย่างเย้ยหยัน “นายอย่าทำเก่งไปหน่อยเลย ท่าทางของนายไม่เหมือนคนที่ขี่ม้าเป็น อีกเดี๋ยวหล่นลงมา ฉันจะคอยดูว่านายจะทำท่ายังไง”
“เสี่ยวหยุน เธอระวังหน่อยนะ ถ้าหากเธอล้มลงมาฉันรับผิดชอบกับบริษัทไม่ได้” ผู้จัดการเตือนออกมา
“วางใจเถอะ!” ชูซีหยุนยิ้มและพูดออกมา
ม้าตัวนี้พยศไปแล้วสองครั้ง ไม่ว่ามันจะมีท่าทางนิ่งๆหรือดีดขึ้น ทุกอย่างล้วนหน้ากลัวไปหมด
และในตอนนั้นฉินเฉิงก็กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า
หลังจากที่นั่งไปได้ระยะหนึ่งม้าตัวนั้นก็เงียบจนน่ากลัว!
ฉินเฉิงลูบหัวของมันและพูดออกมาว่า “เจ้าม้า อย่าดื้อ เข้าใจไหม?”
ม้าอู๋อิ่งตัวนี้ส่ายหน้า ราวกับว่ามันเข้าใจคำพูดของมนุษย์
สีหน้าของไคเต๋า น่าเกลียดขึ้นทันที เขาพูดออกมาว่า “เมื่อกี้ตอนที่ฉันขึ้นไปม้าตัวนี้มันก็นิ่งแบบนี้แหละ พวกนายไม่เห็นหรือไง? หลังจากที่ชูซีหยุนขึ้นไปม้ามันก็พยศทันที!”