เย่ซุนคนนี้เป็นมีพรสวรรค์จริงๆ ไพ่บนตัวของเขามันมากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นสมบัติล้ำค่ามากมายที่เย่ซุนโยนออกไปแล้ว ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า เด็กคนนี้ขุดสุสานไปแล้วเท่าไหร่กันแน่
“ก็นี่ไง” เย่ซุนหยิบผ้าคลุมสีดำออกมา แล้วโยนผ้าคลุมขึ้นไปในอากาศ ทันใดนั้นเอง ทางเข้าก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
ฉินเฉิงมองด้วยความตกใจพร้อมพรางอุทาน “นี่…นี่มันอะไรเนี่ย?”
เย่ซุนตอบ “นี่เป็นสิ่งที่หลงเหลือไว้จากโดยบรรพบุรุษของเรา ในตอนนั้น … ”
“บรรพบุรุษของนายไม่ได้ผ่านการวนเวียนในโลกและสวรรค์มาหรือหรือ?” ฉินเฉิงขัดจังหวะเย่ซุน
เย่ซุนโบกมือและพูดว่า “อย่าขัดจังหวะดิ สิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับตระกูลเย่ของเรา มันถูกเรียกว่าเฉียนคุนเผิง หากเกิดเหตุวิกฤตในสุสาน ก็สามารถหนีผ่านสิ่งนี้ได้”
จากนั้นเย่ซุนก็ถอนหายใจ “แต่น่าเสียดาย สิ่งนี้มันได้รับความเสียหาย ตอนนี้มันสามารถใช้เดินทางหนีได้ประมาณหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น และจำนวนครั้งที่ใช้ได้ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ”
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่ซุน และรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเหมือนกับรูปลักษณ์ภายนอก
“ไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” เย่ซุนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ฉินเฉิงเห็นด้วย จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในผ้าคลุมสีดำด้วยกัน
ผ้าคลุมอันนี้ดูเหมือนจะหักล้างมิติว่างเปล่า ทันทีที่ฉินเฉิงก้าวเข้ามา เขาก็ห่างจากที่เดิมไปหนึ่งกิโลเมตร
เย่ซุนเก็บผ้าคลุมแล้วพูดว่า “โอเค เราไปกันต่อได้แล้ว ให้โจวติ่งรอไปเถอะ”
ฉินเฉิงไม่คุ้นเคยในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเมื่อเย่ซุนพาพวกเขาไปถึงเมือง ทั้งสองเลยจะแยกกัน
“นี่คือเบอร์โทรศัพท์ฉัน” เย่ซุนยื่นนามบัตรให้ฉินเฉิง “ถ้ามีโอกาส เรามาร่วมมือกันอีก”
ฉินเฉิงหยิบนามบัตรและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไว้หาโอกาสที่จะขุดสุสานบรรพบุรุษตระกูลซูกัน!”
“ได้ บรรพบุรุษของตระกูลซูก็ไม่เลว จะต้องทิ้งสมบัติไว้มากมายแน่” เย่ซุนตอบ
ฉินเฉิงยิ้มเจื่อนๆ “อย่าล้อเล่นเลยน่า”
หลังจากแยกทาง ฉินเฉิงก็ตรงกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขา
การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่ามากสำหรับฉินเฉิง น่าเสียดายที่ฉินเฉิงไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับจอมยุทธ์ได้
ณ สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู
“ฉินเฉิงทำร้ายซูหยู่และโจวติ่งที่ฝึกวิชา และยังยึดเอาโลหิตแห่งจิตวิญญาณมาเป็นของเขาเอง” ชางโจวขมวดคิ้วพูด
ในความมืดมิด ก็ได้มีเสียงนิ่งๆพูดออกมา “ชายคนนี้เป็นเพียงปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ร่างกายของเขาได้ทะลุจุดสูงสุดของจอมยุทธ์ไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เขาเติบโตขึ้นมาละก็ สมาคมศิลปะการต่อสู้คงจะไม่มีทางจัดการกับเขา”
ชางโจวพยักหน้าและพูดว่า: “ร่างจินซวนก็อยู่ยงคงกระพันในระดับเดียวกัน นี่ไม่ใช่การผ่านเท็จ หากชายคนนี้เข้าสู่ระดับจอมยุทธ์ ผ่านโลหิตแห่งจิตวิญญาณนี้ ซูหยู่จะต้องแพ้แน่นอน ถึงตอนนั้นค่อยจัดการกับเขา คงจะต้องให้จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ลงมือ”
เสียงเงียบไปสักพัก และจากนั้นก็ค่อย ๆ พูดขึ้นว่าว่า “รอเดี๋ยวก่อน”
ชางโจวถอนหายใจเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
…
สามวันผ่านไปไวเหมือนโกหก
“หัวหน้าโจว ทำไมฉินเฉิงยังไม่ออกมาอีก” ใครบางคนถาม
โจวติงขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “ไอ้เด็กนี่ คิดว่ามันปลอดภัยไหมที่จะซ่อนตัวในที่ฝึกวิชา? แม้ฉันจะตายก็จะไม่หยุดรอเขา!”
“เฮ้ หัวหน้าโจว เราไม่ถอนตัวกลับกันหรอ บางทีเขาอาจจะออกจากทางออกอื่นไปแล้วก็ได้” ใครบางคนพูดอย่างไม่มั่นใจ
โจวติ่งพูดอย่างโกรธจัด “เป็นไปไม่ได้! สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูได้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่ที่ฝึกวิชาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มันไม่มีทางทางออกที่สองอย่างแน่นอน!”
“หัวหน้าโจว ในขณะนี้ มีคนวิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือ
ในโทรศัพท์ คนที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือฉินเฉิง!
บนหน้าจอ ฉินเฉิงดูกระฉับกระเฉง บนใบหน้าที่บอบบางของเขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“นี่เป็นบทสัมภาษณ์พิเศษจากเพจนักสู้ เราโชคดีที่มีโอกาสสัมภาษณ์คุณฉินเฉิง ”
นักข่าวหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉิน เหลือเวลาอีก 20 วันในการต่อสู้ระหว่างคุณกับซูหยู่ ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร”
ฉินเฉิงยิ้มเบา ๆ “ฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะระเบิดหัวเขา!”
นักข่าวยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณฉินจะมั่นใจมาก ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณอยู่ในระดับไหนแล้ว”
“ครึ่งขั้นจอมยุทธ์” ฉินเฉิงยิ้มเบา ๆ
“ครึ่งขั้นจอมยุทธ์?” นักข่าวประหลาดใจเล็กน้อย “เท่าที่เรารู้ ซูหยู่อยู่ในจอมยุทธ์ระดับ 3 และยังเป็นศิษย์สายตรงของอาจารย์โจว ทำไมคุณถึงยังมั่นใจ? ”
ฉินเฉิงหัวเราะ “เพราะโจวติ่งเป็นคนกระจอก ลองคิดดูซิ ศิษย์ที่เรียนจากคนกระจอกนั่น จะแข็งแกร่งได้ไงเล่า?”
โจวติ่งที่ดูอยู่ ตัวก็สั่นด้วยความโกรธ โทรศัพท์มือถือของเขาถูกบีบพังทันที!
“ฉินเฉิง…ฉันจะฆ่าแก!!” โจวติ่งกัดฟัน ออร่าสังหารอันน่ากลัวก็ทำให้คนอื่นที่อยู่รอบๆ หลายสิบเมตรกลัว!
“หัวหน้าโจว คุณไม่ได้เพิ่งบอกว่าที่นี่มีทางออกเดียวเหรอ แล้วฉินเฉิงออกมาได้ยังไง” คนที่ชื่อเติ้งไห่ถามด้วยความสงสัย
โจวติ่งจ้องมาที่เขาและตบหัวเขาทันที
หัวคนนั้นระเบิดเหมือนแตงโมทันที! เขาเสียชีวิต!
โจวติ่งกวาดล้างผู้คนอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เติ้งไห่ไม่เชื่อฟังและเสียชีวิตในที่ฝึกวิชา พวกนายที่เหลือเห็นหมดแล้วถูกไหม”
“ใช่…เห็นแล้วๆ หัวหน้าโจว…” สมาชิกในทีมหลายคนรีบพยักหน้า
โจวติ่งสูดลมหายใจเข้า จากนั้นก็เดินจากไป
…
หลังจากเสร็จการสัมภาษณ์แล้ว ฉินเฉิงจึงกลับไปที่อพาร์ตเมนต์
ตรงหน้าเขา มีหม้อวางอยู่
หม้องนี้เป็นหม้อที่มาจากที่ฝึกวิชา
“นี่คืออะไร?” ฟางเสี่ยวเต๋อหันหมอมาดูพร้อมพูดด้วยความสงสัย
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ถ้าฉันเดาถูก นี่คงจะเป็นหม้อยา”
“หม้อยา?” ฟางเสี่ยวเต๋อมองขึ้นไปที่ฉินเฉิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาก้มตัวลงในหม้อและสูดหายใจเข้าลึกๆ มันมีเพียงความรู้สึกที่บริสุทธิ์และแปลกประหลาดไหลเข้ามา
“เสี่ยวเต๋อไปร้านขายยาและซื้อสมุนไพรจีนให้ฉันหน่อยดิ” ฉินเฉิงพูดกับฟางเสี่ยวเต๋อ
“ยาสมุนไพรจีนแบไหนล่ะ” ฟางเสี่ยวเต๋อถาม
“อะไรก็ได้” ฉินเฉิงกล่าว “ซื้อมาสักอันหนึ่ง”
“โอเค” ฟางเสี่ยวเต๋อพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไป
ไม่นานหลังจากที่ฟางเสี่ยวเต๋อออกไป ฉินเฉิงก็รู้สึกถึงออร่าอันแข็งแกร่งเข้ามาที่นี่
ไม่นานนัก ประตูอพาร์ทเมนท์ก็ถูกเปิดออก!
จากนั้น ร่างกายแก่ๆก็ค่อยๆก้าวเข้ามา
“หนุ่มน้อย คุณจำฉันได้ไหม” เขามองที่ฉินเฉิงด้วยรอยยิ้ม
“โฉวฝูจิง?” เมื่อเห็นคนๆนี้ ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มแหยงๆที่มุมปากของเขา
คนนี้คือโฉวฝูจิงที่พยายามฉกใบสั่งยารวมชีพจรที่เมืองเจียง!
ในตอนนั้น ฉินเฉิงหลบหนีได้โดยบังเอิญ แต่เขาไม่คิดว่าโฉวฝูจิงจะมาหาถึงที่หน้าประตูในวันนี้!
“ความจำดีนี่” โฉวฝูจิงพูดเบา ๆ “เอาสมบัติทั้งหมดออกมา แล้วฉันจะไม่ฆ่าแก”
ฉินเฉิงพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ฉันจำได้ว่าคุณเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ใช่ไหม?”
โฉวฝูจิงหัวเราะและพูดว่า “ตอนนี้ฉันได้ก้าวเข้าสู่ระดับจอมยุทธ์แล้ว คราวนี้ไม่มีทางหนีรอด!”