ในอพาร์ตเมนต์ ฟางเสี่ยวเต๋อก็กำลังเอนกายอยู่อย่างทุกข์ระทมที่หน้าต่าง
เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกราวกับว่ามันมีสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เอี๊ยดดด”
การผลักประตูเข้ามาในครั้งนี้เอง เธอก็เห็นฉินเฉิงที่เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง
ฉินเฉิงโยนหยานหยุนลงกับพื้นแล้วนั่งลงบนโซฟา เค้าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ฟางเสี่ยวเต๋อปิดปากของเธอแล้วพูดขึ้นมาด้วยความกลัวว่า: “นี่…นี่ใครกัน?”
ฉินเฉิงก็พูดว่า: “คนที่อยากจะฆ่าฉัน”
“ห๊าา เค้าตายแล้วเหรอ?” ฟางเสี่ยวเต๋อถอยหลังหลายก้าวด้วยความตกใจ
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นไหม”
เมื่อพูดออกมาแบบนี้ ฟางเสี่ยวเต๋อก็ยังคงกลัวอยู่เล็กน้อย
เธอนั่งอยู่ข้างฉินเฉิงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า: “เมื่อกี้นายยังพูดไม่จบเลย เกิดอะไรขึ้นกับพี่วานเอ๋อ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
เค้าเงียบไปนาน จากนั้นก็ค่อยๆพูดขึ้นมาว่า: “วานเอ๋อเธอ…เธอ…”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ!” ฟางเสี่ยวเต๋อร้อนใจขึ้นมาในทันที เธอรีบลุกยืนขึ้นมา
ฉินเฉิงไม่อยากที่จะยอมรับมัน แต่เค้าก็ปฎิเสธมันไม่ได้เช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินเฉิงก็พูดว่า: “ฉันจะล้างแค้นให้เธออย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฟางเสี่ยวเต๋อก็ร้องไห้เสียงดังออกมา
เธอสนิทสนมกับซูวานเป็นอย่างมาก เธอยังมองว่าซูวานเป็นพี่สาวแท้ๆ ของเธอ การไปยินข่าวแบบนี้ มันก็ทำให้เธอรับไม่ได้
ฟางเสี่ยวเต๋อก็รีบเข้าไปในอ้อมแขนของฉินเฉิง เธอตบแล้วทุบตีเค้าพร้อมกับร้องไห้แล้วต่อว่า: “นายไม่ได้บอกว่านายจะปกป้องเธอเหรอ นายมันคนโกหก! พูดไม่เป็นคำพูด! ฮือๆๆๆๆ…”
ฉินเฉิงนั่งอยู่ที่นั่น เค้าเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดยังไงดีเลยปล่อยให้ฟางเสี่ยวเต๋อทุบตัวเองต่อไป
นี่ก็ไม่รู้เลยว่ามันนานแค่ไหนแล้ว ฟางเสี่ยวเต๋อเหนื่อยกับการร้องไห้และทุบตีเค้า เธอนอนซบอยู่บนร่างของฉินเฉิง ดวงตาของเธอแดงก่ำ เธอไม่พูดอะไรซักคำ
“ฉันจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน” ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ
ฟางเสี่ยวเต๋อลุกขึ้นมา เค้าเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วล็อคประตู
ฉินเฉิงถอนหายใจยาวออกมา ความเจ็บปวดนี้มันราวกับถูกมีดปักอก
เช้าวันต่อมา ฉินเฉิงก็ออกมาจากเมืองจิงตู
…
ที่เมืองเจียงตู ในบ้านตระกูลเซี่ย
เซี่ยฝูไหก็ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า สีหน้าของเค้าดูไม่ได้เลย
เซี่ยฝูหยุนที่อยู่ด้านข้างก็ถามขึ้นมาอย่างงุนงง: “พี่รอง ทำสำเร็จไหม? ทำไมสีหน้าของพี่ถึงดูไม่ได้เลยหละ?”
เซี่ยฝูไห่กลืนน้ำลายแล้วพูดว่า: “ทำสำเร็จบ้าอะไร! ตั้งแต่วันนี้ไป ใครก็แก้แค้นเรื่องนี้ไม่ได้! ถ้าใครอยากจะแก้แค้น ก็ไปทำเอง!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยฝูหยุนพูดขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วม
เซี่ยฝูไหพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “ฉินเฉิงมันไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นตัวประหลาด”
ในตอนที่เซี่ยฝูไห่กำลังจะพูดนี้เอง ในตอนนี้ก็มีคนๆหนึ่งที่วิ่งเข้ามา เค้าคุกเข่าลงแล้วพูดว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูล มีคนต้องการพบท่าน”
“ใครกัน?” เซี่ยฝูไหพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “ก็บอกไปสิว่าฉันไม่ว่าง!”
“ท่านหัวหน้าตระกูลเซี่ยไม่ว่างอย่างงั้นเหรอ?”
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็เดินเข้ามาจากที่ด้านนอกประตู
เมื่อเห็นใบหน้าของฉินเฉิงแล้ว เซี่ยฝูไหก็ตกใจ เค้าแทบจะตกเก้าอี้
“ฉินเฉิง แกมาทำอะไรที่นี่!” เซี่ยฝูหยุนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
“หุบปากซะ! พูดกับคุณฉินแบบนี้ได้ยังไงกัน!” เซี่ยฝูไห่ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ หลังจากนั้น เค้าก็มองไปที่ฉินเฉิงด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า: “คะคะ..คุณฉิน คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ฉินเฉิงเดินตรงไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง จากนั้นเค้าก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า: “เซี่ยฝูไห่ นายเข้าใจว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
เซี่ยฝูไห่ก็ตกตะลึง เค้าพูดขึ้นมาด้วยความกลัวว่า: “ที่คุณพูด… ผมไม่เข้าใจ … ”
“ไม่เข้าใจ?” ฉินเฉิงเลิกคิ้ว “แล้วฉากเมื่อคืนที่ฉันเห็นหละ?”
สีหน้าของเซี่ยฝูไหก็เปลี่ยนไปในทันที เค้าคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับเสียง “พัฟ” แล้วร้องขอความเมตตาว่า: “คะคะ…คุณฉิน ผมสำนึกผิดแล้ว ได้โปรด ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย…”
ฉินเฉิงเงียบ แต่เค้ามองไปที่เซี่ยฝูไหอย่างเย็นชา
เซี่ยฝูไห่ก้มหัวลงกับพื้น ที่หน้าผากของเค้ามันก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
เซี่ยฝูไห่ที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งตกตะลึง เค้าไม่รู้เลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยฝูไห่ หลังจากที่ไปเมืองจิงตูมา ทำไมเค้าถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินเฉิงก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันจะไว้ชีวิตนายก็ได้ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเซี่ยจะต้องเป็นของฉัน ตกลงไหม?”
“ฝันไปเถอะ!” เซี่ยฝูไหพูดอย่างโมโห “ฉินเฉิง แม้ว่าคนอื่นจะกลัวแก แต่ฉันไม่กลัวแก!”
“หุบปากซะ!” เซี่ยฝูไห่ตบหน้าเซี่ยฝูหยุนแล้วก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธจัดว่า: “ขอโทษคุณฉินซะ!”
เซี่ยฝูหยุนกัดฟันแล้วพูดว่า: “ฉันไม่ทำ!”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” เซี่ยฝูไหพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
สายตาของฉินเฉิงกวาดมองไปที่ร่างของเซี่ยฝูหยุนแล้วความกดดันที่น่าสะพรึงกลัวมันก็แผ่ออกไป
เซี่ยฝูหยุนรู้สึกเพียงว่าไหล่ของเค้ากำลังถูกกดทับด้วยภูเขาขนาดใหญ่สองลูก แม้แต่การหายใจของเค้าเองก็ยังหอบเหนื่อย
“คุณฉิน โปรดไว้ชีวิตเค้าด้วย!” เซี่ยฝูไหรีบอ้อนวอน “ผมตกลงตามคำขอของคุณ ผมรับรองว่าตระกูลเซี่ยจะไม่เป็นนกสองหัว!”
ในตอนนี้เอง เซี่ยฝูหยุนที่อยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ เค้าก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ใบหน้าของเค้าทั้งหมดแดงกร่ำ เค้าแทบจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็ระงับแรงกดดันนี้
เค้ามองไปที่เซี่ยฝูไหอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “ตระกูลเซี่ยมีเพียงแค่โอกาสเดียวเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว มันก็ยังเป็นการดีที่จะเลิกทำชั่วแล้วทำร้ายเด็กผู้หญิง”
“แน่นอน แน่นอน!” เซี่ยฝูไหพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง
ฉินเฉิงไม่พูดอะไรอีก เค้าลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากบ้านตระกูลเซี่ย
เมื่อฉินเฉิงออกไป เซี่ยฝูไหก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่รอง นี่พี่จะทำอะไรกันแน่!” เซี่ยฝูหยุนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง
เซี่ยฝูไห่ถอนหายใจ เค้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดขึ้นมาช้าๆว่า: “ฉันต้องการรักษาตระกูลเซี่ยเอาไว้ ฉินเฉิงในตอนนี้ เค้าไม่ใช่คนที่ตระกูลเซี่ยจะยั่วยุได้อีกต่อไป”
สำหรับตระกูลเซี่ยแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงในเมืองเจียงตู แต่หลังจากการตายของเซี่ยฝูซาน คู่ต่อสู้ในอดีตก็เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ นี่มันก็ทำให้สถานนะของตระกูลเซี่ยสั่นคลอน
ด้วยการสนับสนุนจากฉินเฉิงแล้ว ตระกูลเซี่ยก็จะสามารถรักษาตำแหน่งในตอนนี้ของพวกเค้าเอาไว้ได้
….
หลังจากออกมาจากเมืองเจียงตูแล้ว ฉินเฉิงก็มาที่เมืองซุยทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ตระกูลเนี่ยเป็นหนึ่งในตระกูลศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซุย หัวหน้าตระกูลเนี่ยเองก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฉินเฉิง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รูปแบบของตระกูลซูในเขตตะวันออกเฉียงเหนือก็ค่อยๆเสื่อมลง มันนำมาสู่ข้อครหาหลายอย่างในเมืองซุย หลายตระกูลก็กำลังต่อสู้กับพวกเค้าอยู่อย่างลับๆ
“หัวหน้าตระกูลเนี่ย ฉันเพิ่งได้ข่าวมาว่าตระกูลเซียวเชิญสามจอมยุทธ์มาออกนั่งบัญชาการด้วยตัวเอง ว่ากันว่าจอมยุทธ์ทั้งสามนี้เป็นแขกของตระกูลเซียว” ผู้อาวุโสของตระกูลเนี่ยพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
เนี่ยเทียนพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้เลย: “จอมยุทธ์ทั้งสามนี่ … ความแข็งแกร่งของพวกเค้า มันก็มากพอที่จะกวาดล้างเมืองซุย”
“ตระกูลเนี่ยกับตระกูลเซียวต่อสู้กันอย่างลับๆมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ครั้งนี้ตระกูลเนี่ยอาจกำลังเผชิญเข้ากับปัญหา” ผู้อาวุโสถอนหายใจออกมา แววตาของเค้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง