หลังจากที่ฉินเฉิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เขาก็เดินลงมาด้านล่าง
เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นผู้หญิงสวมแว่นสีดำมองขึ้นมา
เธอขมวดคิ้วและมองมาทางฉินเฉิงอย่างดุร้าย
แต่ฉินเฉิงไม่สนใจเธอและไม่แม้แต่จะมองเธอ
ความรู้สึกของการถูกละเลยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อเดินออกมาที่หน้าประตูฉินเฉิงก็ไปเจอกับคนรู้จักคนหนึ่ง
เขาไม่ใช่ใคร เขาคือชูซีหยุน
เธอมองมาที่ฉินเฉิงด้วยความสงสัยและถามออกมาว่า “ฉินเฉิง บังเอิญจริงๆที่เจอกันอีกครั้ง!”
ฉินเฉิงมองไปที่เธอแล้วพูดออกมาว่า “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ เธอมาที่นี่ทำไม?”
ชูซีหยุนชี้ไปที่ทางเดินแล้วพูดว่า “นายไม่รู้หรือไง ปรมาจารย์ฮวงจุ้ยแห่งก่างตูมาที่นี่! คนจำนวนไม่น้อยที่อยากเจอกับเขา!”
“ปรมาจารย์ฮวงจุ้ยแห่งก่างตู?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “พักนี้จิงตูมันวุ่นวายดีจริงๆ”
“นายไม่ลองไปดูหน่อยเหรอ?” ชูซีหยุนถามออกมา
ฉินเฉิงส่ายหน้า “ไม่สนใจ ฉันไปก่อน”
หลังจากพูดจบฉินเฉิงก็เดินออกมา
….
ที่เสิ่นหยุนวิลล่าหลังที่สอง มีเสียงร้องดังออกมาเป็นระยะๆ เสียงนั้นดังมาจากห้องของซูหยู่
ในขณะนี้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอากาศสีดำเหนียว ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาเป็นแผล และเขาดูเหมือนครึ่งมนุษย์ครึ่งผี
“มันเป็นร่างกายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ดวงตาของชายชุดดำเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเลียริมฝีปากของเขาและยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าหากร่างกายของเขาสามารถเข้ากับมันได้ดีหละก็ บนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครเอาชนะเขาได้! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในตอนนั้นเสียวหยู่เชี้ยนก็เดินเข้ามา
เธอมองมาที่ชายชุดดำและพูดออกมาว่า “นายทำให้ลูกฉันเป็นครึ่งคนครึ่งผีแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไง”
ชายชุดดำยิ้มอย่างประหลาด “คุณผู้หญิง สำหรับซูหยู่แล้ว หน้าตามันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความแค้น ขอแค่ฉันสามารถช่วยให้เขาล้างแค้นได้ มันก็เพียงพอแล้ว”
สีหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนดูไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้เธอก็ยากที่จะถอยกลับไปแล้ว ทำได้แค่รอดูต่อไป
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจิงตูจะสงบ แต่ในความจริงคลื่นลูกใหญ่กำลังหลั่งไหลอยู่ด้านล่าง
ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนมากเท่าไหร่ที่กำลังจับตามองฉินเฉิงอยู่
แต่ฉินเฉิงก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไร
สามวันต่อมาเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์เฉิน “ฉินเฉิง ฉันได้เตรียมของที่นายต้องการเอาไว้แล้ว นายมาเอาได้เลย”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” ฉินเฉิงตอบกลับไป จากนั้นเขาก็มาถึงอาคารตงไห่
อาจารย์เฉินยื่นวัสดุกองเล็กๆให้กับฉินเฉิง จากนั้นพูดออกมาว่า “ของที่นายต้องการอยู่ในนี้ นายเอาไปได้เลย”
ฉินเฉิงรับวัสดุท่ก พยักหน้าและพูดว่า “ขอบคุณครับ”
เมื่อกลับมาถึงที่พัก ฉินเฉิงก็เปิดดูวัสดุที่ได้มา ด้านในคือเอกสาร ฉินเฉิงก็ค่อยๆอ่านมันอย่าวละเอียด
เอกสารฉบับนี้หนามาก ฉินเฉิงใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงถึงจะอ่านจบ
ในเอกสารเขียนถึงชีวิตของหยานหยุนกับหยานหานสองพี่น้องที่ยากลำบาก พวกเขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ และถูกสำนักปี้เหยนเก็บพวกเขามาเลี้ยง
และสองพี่น้องหยานหยุนกับหยานหานนี้ พวกเขามีความสามารถมาก เขาเติบโตในสำนักปี้เหยน ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็กลายเป็นศิษย์ที่เก่งที่สุดในสำนัก
ตอนแรกหยานหยุนกับหยานหานคิดว่าเขาจะใช้ชีวิตของพวกเขาไปอย่างสงบ แต่วันหนึ่งชีวิตของพวกเขาทั้งหมดก็ต้องเปลี่ยนไป
สำนักปี้เหยนถูกสำนักเทียนหยวนชื่อทำลายจนวอดวาย ในวันนั้นเป็นวันที่หยานหยุนกับหยานหานไม่อยู่ เหตุการณ์ถึงได้เป็นแบบนั้น
หลังจากที่พวกเขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่างก็เศร้าโศกและขุ่นเคือง แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสำนักเทียนหยวนที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปแก้แค้น เจ้าสำนักของสำนักเทียนหยวนเป็นถึงผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของระดับจอมยุทธ
ดังนั้นหยานหยุนกับหยานหานจึงหลบซ่อนและลอบสังหารคนของสำนักเทียนหยวน
ตอนแรกสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูก็ไม่จำเป็นต้องยื่นมือออกไป แต่โชคไม่ดีที่สำนักเทียนหยวนเป็นของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู
และในตอนนั้นเองหยานหยุนก็ถูกจับ ส่วนหยานหานหนีไปได้
ตอนแรกหยานหยุนถูกสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูตัดสินให้ประหารชีวิต แต่ในขณะที่หยานหยุนกำลังจะถูกประหารชีวิตเสียวหยู่เชี้ยนก็เข้ามาช่วยเขาเอาไว้ก่อน แถมยังทำให้ตัวมีตัวตนที่สูงขึ้นด้วย และนั่นก็เป็นเหตุที่ทำไมพวกเขาทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หลังจากอ่านเอกสารนี้จบ ฉินเฉิงก็นำมือขึ้นมาลูบที่คางของเขา คิดในใจว่า “แบบนี้หยานหยุนกับฉันก็มีคู่แค้นคนเดียวกัน เขาน่าจะแค้นสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูถึงจะถูก……”
เมื่อรู้แบบนี้เรื่องต่างๆก็ง่ายขึ้นทันที
ฉินเฉิงยกมือขึ้นและเคาะไปที่ประตูห้องของหยานหยุน
หลังจากที่ปลุกเขาตื่นขึ้นมาแล้ว ฉินเฉิงเอนตัว ยิ้มและพูดออกมาว่า “หยานหยุน สำนักเทียนหยวนยังอยู่ไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของหยานหยุนก็เปลี่ยนไปทันที
เขาพูดออกมาว่า “สำนักเทียนหยวนอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง!”
“นายไม่รู้เรื่อง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “สำนักเทียนหยวนคือสิ่งที่นายเคียดแค้น นายจะไม่รู้ได้อย่างไง นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว นายไม่คิดจะกลับไปแก้แค้นบ้างหรือไง กลับกันนายกลับเอาศัตรูมาเป็นนายและเข้ามาที่ตระกูลซูอย่างนั้นเหรอ?”
“นายพูดอะไรของนาย!” ผู้พิทักษ์อาวุโสพูดออกมาด้วยความโกรธ “ถ้าหากตระกูลซูไม่ช่วยฉันเอาไว้ ฉันคงตายไปตั้งนานแล้ว! บุญคุณนี้ฉันจะจำไปชั่วชีวิต!”
“บุญคุณนี้ฉันจะจำไปชั่วชีวิต?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “หยานหยุน นายกับหยานหานเป็นพี่น้องกัน แต่ดูแล้วสมองของพวกนายน่าจะอยู่คนละระดับกัน”
“นายหมายความว่าอย่างไง!” หยานหยุนพูดออกมาด้วยควมโกรธ
ฉินเฉิงตอบกลับไปว่า “นายอยู่กับตระกูลซูมาคั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว นายไม่รู้ถึงคุณธรรมของตระกูลซูเลยอย่างนั้นเหรอ พวกเขาเห็นชีวิตเป็นแค่ผักปลา ถ้าหากนายไม่มีประโชชน์ พวกเขาจะช่วยนายมาทำไม?”
หยานหยุนเงียบไป จากนั้นพูดออกมาว่า “ฉินเฉิง หรือว่านายไม่ได้อยากใช้ประโยชน์จากฉัน? นายเองก็เหมือนกัน ถ้าหากฉันไม่มีประโยชน์ นายน่าจะฆ่าฉันไปตั้งนานแล้ว!”
คำพูดนี้ทำให้ฉินเฉิงเป็นใบ้ไปทันที เขาลูบไปที่ศีรษะของตัวเอง พยักหน้าและพูดออกมาว่า “มันก็น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนั้น”
หยานหยุนพูดออกมาว่า “นายไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับฉัน ฉันไม่มีทางช่วยนายแน่”
ฉินเฉิงเงียบไปพักหนึ่งและพูดออกมาว่า “ตระกูลซูกับสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูนั้นเป็นพวกเดียวกัน ถ้าหากตระกูลซูดีกับนายจริงๆ พวกเขาคงไม่เอาสำนักเทียนหยวนไว้ถึงตอนนี้ ในสายตาของพวกเขา ความสำคัญของนายมันเทียบกับสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไม่ได้เลย”
“อันนั้นฉันรู้ดี!” หยานหยุนพูดออกมา “แต่แล้วมันยังไง?”
“นายไม่อยากแก้แค้นสำนักเทียนหยวน? สำนักปี้เหยนเลี้ยงดูพวกนายมาจนเติบใหญ่ นายจะปล่อยให้พวกเขาตายไปฟรีๆแบบนั้นเหรอ?” ฉินเฉิงพูดออกมา
ฉินเฉิงยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ฉินเฉิง นายอย่ามายืนพูดให้มันเสียเวลาไปเลย! สำนักเทียนหยวนอยู่ในความดูแลของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู พวกเขาอยู่มาเป็นร้อยๆปีแล้ว จะไปแก้แค้นได้อย่างไร? หรือนายจะให้ฉันไปต่อสู้กับคนพวกนั้นทั้งหมดเพียงคนเดียว!”
“สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไม่สามารถเข้ามายุ่งได้แล้ว” ฉินเฉิงพูดออกมา “นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเย่อชิงยุน”
หยานหยุนขมวดคิ้วขึ้นมา ราวกับว่าเขามีอะไรอยากจะถามแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
ในตอนนั้นทำให้ฉินเฉิงรู้สึกได้ถึงความหวัง เขายิ้มและพูดออกมาว่า “ถ้าหากฉันช่วยนายแก้แค้น หลังจากนี้นายก็มาติดตามฉัน เป็นยังไง?”