เถิงอาวหัวเราะออกมา “แต่งงานเพื่อธุรกิจ กับแต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แบบไหนมันจะเกิดการทะเลาะมากกว่ากัน?”
“การทะเลาะ?” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นายหมั้นหมายกับคนอื่นเอาไว้แล้ว แต่ยังกลับมาตามจีบจู้เหยา?”
“นายเลิกพูดมากได้แล้ว” เถิงอาวพูดออกมาอย่างเย็นชา “คนอย่างนายไม่มีทางเข้าใจ และก็ทางที่ดีนายอย่างมาปรากฎตัวต่อหน้าฉัน เรื่องโลหิตแห่งจิตวิญญาณครั้งที่แล้ส ฉันยังไม่หายโกรธนาย”
“นายอยากจะเป็นเหมือนซูหยู่อย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วและถามออกมา
เถิงอาวโกรธขึ้นมาทันที พลังของเขาระเบิดออกมาจากร่างกาย!
ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวกระทบรถข้างๆ!
“ฉินเฉิง นายกล้ามาท้าทายตระกูลเถิงอย่างฉัน!” เถิงอาวตะโกนออกมาด้วยความโกรธพร้อมปล่อยพลังออกมา
ฉินเฉิงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ตระกูลเถิงกับตระกูลซูยังไงก็ต้องแต่งงานกัน ไม่ช้าก็เร็วยังไงเราก็ต้องเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว? แน่นอน ถ้าหากนายอยากตายตอนนี้เลย ฉันก็สามารถสนองให้นายได้”
“ตายซะ!” เถิงอาวตะโกนออกมา หมัดที่ทรงพลังของเขาพุ่งเข้าหาฉินเฉิง!
ฉินเฉิงก็กำหมัดและปล่อยออกไปเช่นกัน
“แคร่ง” เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวหายไปทันที! พื้นที่รอบๆสั่นเล็กน้อย!
“หยุดนะ!” ในตอนนั้นจู้เหยาก็เดินออกมาจากด้านใน
แม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกคลุมด้วยผ้าคลุม แต่ก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่แสดงออกมาบนใบหน้าของเธอ
เถิงอาวมองมาที่ฉินเฉิงอย่างเยือกเย็นและพูดออกมาว่า “เห็นแกหน้าของคุณหนูจู้ ฉันจะไว้ชีวิตนาย”
“เหมือนกัน” ฉินเฉิงพูดออกมาไป
เมื่อพูดจบฉินเฉิงก็เดินจากไป
“คุณหนูจู้ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?” หลังจากที่ฉินเฉิงเดินออกไปเถิงอาวก็ถามออกมาทันที
จู้เหยาเหลือบตามองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “ฉันเป็นคนเชิญเขามาเอง”
เถิงอาวผงะ จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ทำไมเธอถึงไปเชิญคนแบบนั้นมา? เขาเป็นตัวอะไร? เธอไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เขาเป็นศัตรูกับคนตระกูลใหญ่หลายตระกูล?”
“เรื่องของพวกนายฉันไม่สนใจ” จู้เหยาพูดออกไป “แต่คนที่ฉันอยากจะเป็นเพื่อนด้วย ไม่มีใครห้ามได้ทั้งนั้น”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในบ้าน
เถิงอาวมองไปที่เงาหลังของจู้เหยา และกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
“มองอะไรของแก?” หลังจากนั้นเถิงอาวก็นหันไปมองคนรับใช้ของจู้เหยา
คนรับใช้คนนั้นกัดฟันและพูดออกมาว่า “นายน้อยเถิง คุณอย่ามารบกวนคุณหนูจู้เลย เธอ…”
“อะไรของแก!” คนรับใช้คนนั้นยังไม่ทันพูดจบ เถิงอาวก็เหวี่ยงเขาออกไปทันที!
จากนั้นเถิงอาวก็ยกขาและไปเหยียบไว้บนร่างกายของเขา “เป็นแค่คนรับใช้แต่กลับกล้ามาสั่งสอนฉัน?”
คนรับใช้คนนั้นกัดฟันแต่ไม่ได้พูดอะไร
ก้มลงและเยาะเย้ย “หรือว่านายชอบคุณหนูจู้?”
ดวงตาของคนรับใช้ตื่นตระหนกทันที เขาส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ฉัน…ฉันไม่ได้ชอบเธอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เถิงอาวเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ จากนั้นก็มีแสงปรากฎขึ้นที่มือของเขา และตบไปที่หน้าของคนรับใช้
“โอ้ยยยย!” ใบหน้าของคนรับใช้พังทลายไปในทันที!
เถิงอาวหัวเราะและพูดออกมาว่า “นี่คือบทลงโทษของนาย”
หลังจากนั้นเถิงอาวก็เดินเข้าไปด้านใน
……
ด้วยอำนาจของตระกูลซู ข่าวการเข้ามาของผานหวังก็แพร่กระจายไปในโลกศิลปะการต่อสู้ในไม่ช้า!
ฉินเฉิงที่วางแผนจะจัดการกับสำนักเทียนหยวนอย่างลับๆ หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ก็ต้องเลื่อนมันออกไป
“ผานหวังมาแล้ว?” ซงดาหรี่ตาลงและพูดออกมา “ฮ่าฮ่า น่าสนใจ”
“เจ้าสำนัก ผานหวังเป็นใครเหรอครับ?” มีคนถามออกมา
ซงดานำมือทั้งสองข้างไขว้หลังและพูดออกมาว่า “ถึงแม้ว่าผานหวังถึงแค่ขั้นสุดของจอมยุทธ แต่เขาไม่เหมือนกับจอมยุทธทั่วไป วิธีการฝึกฝนของเขาดูเหมือนจะแต่งต่างออกไป”
“ว่ากันว่าตั้งไหนแต่ไรมา ยังไม่เคยมีใครสู้เขาได้เลย”
“ขั้นสุดของจอมยุทธ? แล้วโจวติงคนนั้นไม่ใช่ขั้นสุดของจอมยุทธเหรอครับ? แบบนั้นจะไม่แพ้ให้กับฉินเฉิงเหรอ?” มีคนถามออกมาด้วยความสงสัย
ซงดาตอบกลับมาว่า “พวกนายไม่เข้าใจอะไร ถึงแม้ว่าโจวติงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังห่างชั้นกับผานหวังอยู่มาก”
“ฉันยกตัวอย่างให้พวกนายฟัง เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ในการต่อสู้หนึ่ง ผานหวังถูกโจมตีจนย่อยยับ จุดตันเถียนของเขาถูกทำลาย” ซงดาพูดออกมา
“ตันเถียน? แบบนั้นเขาก็ไม่กลายเป็นขยะคนหนึ่งหรอกเรหอ?”
ซงดายิ้มออกมา “นี่แหละคือว่าแข็งแกร่งของผานหวัง เนื่องจากวิธีการบ่มเพาะของเขาแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะถูกจัดการอย่างไงก็สามารถฟื้นฟูกลับมได้!”
“แบบนั้นมันโกงไปไหมครับ…” ทุกคนจ่างพูดออกมา
…..
หลังจากที่ฉินเฉิงรู้ข่าวนี้เขาก็รีบหาข้อมูลของผานหวัง
“ตันเถียนถูกบดขยี้ แต่เขาสามารถฟื้นตัวโดยวิธีการบ่มเพาะ?” ฉินเฉิงมองข้อมูล อดไม่ได้ที่จะเงียบไปพักหนึ่ง
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะใช้วิธีการบ่มเพาะแบบฉัน?” ดวงตาของฉินเฉิงเป็นประกาย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น!
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะมีแกนทองคำอยู่ในร่างกายใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าจะมีวิชากลืนวิญญาณแต่ประโยชน์ของมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
ถ้าหากได้กลืนยาเม็ดทองคำเข้าไป มันก็จะต่างจะเดิมมาก! การกลืนเม็ดทองคำของผู้ฝึกญาณเข้าไปมันมีค่ามากกว่าของสัตว์อสูรเป็นหลายเท่า!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ
“ฉันอยากจะพบกับผานหวังสักครั้ง” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
……
วันรุ่งขึ้นผานหวังก็เดินทางมาถึงจิงตู
ซูฉีไห่เป็นคนมารับผานหวังด้วยตัวเอง
“ผานหวัง ในที่สุดคุณก็มาแล้ว” ซูฉีไห่ต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เสียวหยู่เชี้ยนที่อยู่ข้างๆก็เดินเข้ามาจับมือแล้วพูดว่า “ผานหวัง ตระกูลซูของเรากำลังรอคุณอยู่!”
ผานหวังยิ้มและพูดออกมาว่า “มีเรื่องบางเรื่องจึงทำให้ล่าช้าไปบ้าง”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” เสียวหยู่เชี้ยนยิ้มและพูดออกมา “งานใหญ่ใจต้องนิ่ง ไม่รีบร้อน!”
ผานหวังหัวเราะออกมา “งั้นพวกเราไปกันเถอะ!”
หลังจากขึ้นรถ ผานหวังก็พูดออกมาว่า “ตอนนี้เจ้าฉินเฉิงคนนั้นอยู่ที่ไหน?”
ซูฉีไห่ไม่ได้พูดอะไร เสียวหยู่เชี้ยนที่อยู่ข้างๆรีบพูดออกมาทันทีว่า “ผานหวัง คุณวางใจ พวกเราหาที่อยู่ของเขาเอาไว้แล้ว คุณสามารถไปฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ!”
“ไม่รีบร้อน พวกเราจะไปเคารพศพของโจนติงก่อน” ซูฉีไห่พูดออกมา
“ดี” ผานหวังพยักหน้า จากนั้นเขาก็หลับตา
ในตอนนั้นจู่ๆเสียวหยู่เชี้ยนก็พูดออกมาว่า “ผานหวัง ฉันขอร้องอะไรคุณเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
ผานหวังลืมตา ยิ้มและพูดออกมาว่า “มีอะไรก็พูดมาได้เลย”
สีหน้าของเสียวหยู่เชี้ยนปรากฎความชั่วร้ายออกมาทันที
เธอกัดฟันและพูดออกมาว่า “เมื่อถึงเวลานั้นคุณโปรดไว้ชีวิตของฉินเฉิงเอาไว้ด้วย ถ้าให้เขาตายไปง่ายแบบนี้ฉันคงไม่สบายใจ! ฉันอยากจะถลกหนังมันออกมา และเอาม้ามาดึงร่างของมันออกเป็น 5 ส่วน!”
ผานหวังมองไปที่ซูฉีไห่ราวกับว่ากำลังถามความเห็นของเขา
ซูฉีไห่พยักหน้าและพูดออกมาว่า “เธอพูดถูก ฉันอยากจะให้ลูกชายของฉันฆ่าเขาด้วยมือของเขาเอง”
“ได้ ไม่มีปัญหา” ผานหวังพยักหน้า “เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะไว้ชีวิตเขา และส่งเขาให้พวกคุณ”
“ขอบคุณผานหวังมาก!” เสียวหยู่เชี้ยนพูดออกมาด้วยควมดีใจ