สายนี้เป็นสายของชางโจว!
เขาพูดกับฉินเฉิงว่า “สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูต้องการประสานความสัมพันธ์ระหว่างนายกับตระกูลซู ดังนั้นทางสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูจึงขอเชิญนายมาที่สมาคมเป็นพิเศษ”
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ชางโจว นายกำลังคิดอะไรอยู่? นายพูดมาตรงๆเลยดีกว่า”
ชางโจวมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาพูดออกไปว่า “ฉินเฉิง นี่สำหรับนายแล้วอาจจะเป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่ผู้อาวุโสซูเขารับปากว่าเห็นแค่หน้าท่านประธานใหญ่ของพวกเรา นายจะมาหรือไม่มาก็ขึ้นอยู่กับนาย!”
พูดจบชางโจวก็วางสาย
สิ่งนี้ทำให้ฉินเฉิงงงงวย
ผู้อาวุโสซูรับปาก? ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาดูถูกตนเองมาตลอดไม่ใช่เหรอ?!
หรือว่าจะมีแผนการอะไรอยู่?
คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายฉินเฉิงก็ตัดสินใจที่จะไปดูสักครั้งว่าจริงๆแล้วจะมีแผนอะไรซ่อนอยู่ไหม
บ้านตระกูลซู ผู้อาวุโสซูกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผู้จัดการยืนอยู่ข้างๆอย่าเคารพและรอที่จะรับคำสั่งจากผู้อาวุโสซู
“ช่วงนี้ซูเป่ยเป็นไงบ้าง?” ในตอนนั้นจู่ๆผู้อาวุโสซูก็ถามออกมา
ผู้จัดการตอบไปว่า “เขาซื้อบ้านในชนบททางใต้ ตกปลาและเล่นหมากรุกทุกวัน”
“เขายังทำอะไรอยู่อื่นอีกไหม?” ผู้อาวุโสซูถาม
ผู้จัดการส่ายหน้า “นอกจากที่พูดไปแล้วก็ไม่มีครับ”
“อืม จับตาดูเขาทุกวัน มีอะไรรายงานให้ฉันทราบ” ผู้อาวุโสซูสั่งออกมา
“ครับ!”
…..
สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู
ฉินเฉิงนั่งอยู่บนโต๊ะรอคอยการมาถึงของผู้อาวุโสซู
ห้องที่กว้างใหญ่มีเพียงฉินเฉิงคนเดียวเท่านั้น
เขาหลับตาลง ญาณแห่งการหยั่งรู้ของเราครอบคลุมสมาคมศิลปะการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
ในตอนนั้นชางโจวก็เดินเข้ามา
ข้างๆของเขาก็คือเลขานุการเจิ้ง
“นายคือฉินเฉิง?” เลขานุการเจิ้ง มองมาที่ฉินเฉิงและถามออกมา
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาหลับตา
“นี่แก! ท่านนี้คือเลขานุการเจิ้ง จากประธานใหญ่ ฉินเฉิง นายยังไม่รีบทำความเคารพอีกนะ!” ชางโจวพูดออกมา
ฉินเฉิงมองไปที่ชางโจวแล้วพูดออกมาว่า “เป็นสุนัขเลียแข้งเลียขาอย่างนาย ฉันไม่ชอบ”
“นี่แก!” ชางโจวยังอยากจะพูดอะไรออกไปแต่ก็ถูกเลขานุการเจิ้ง จากนั้นเขาก็นั่งลงตรงด้านหน้าของฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “ท่านประธานสั่งให้ฉันมาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนายกับตระกูลซู ฉินเฉิง ไม่ว่าจะมีความแค้นมากมายขนาดไหนมันก็ไม่จำเป็นต้องให้มีคนตายต่อไป”
ฉินเฉิงไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีเท่าไหร่กับคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู ดังนั้นสิ่งที่เลขานุการเจิ้ง พูดออกมามันก็ไม่ต่างอะไรจากกระแสลม
เลขานุการเจิ้ง เห็นว่าฉินเฉิงไม่ได้สนใจที่เขาพูดเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป ลุกขึ้นและเดินจากไป
ชางโจวหรี่ตาลงและพูดออกมาว่า “ฉินเฉิง นายอย่าบ้าให้มันมาก ก่อนที่นายจะขึ้นไปเป็นจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูต้องหาวิธีจัดการนายก่อนแน่”
“งั้นก็รีบๆหน่อยนะ” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “ไม่อย่างงั้น ถ้าหากฉันก้าวเข้าสู่จอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่เมื่อไหร่ ฉันจะถอนรากถอนโคนสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู”
“หึ!” ชางโจวสบถ จากนั้นก็เดินออกไป
หลังจากนั้นประมาณหลายสิบนาที
ผู้อาวุโสซูก็ปรากฎตัวออกมาที่ห้องอาหาร
ด้านข้างของเขาคือเลขานุการเจิ้ง
เขาค่อยๆนั่งลงตรงหน้าของฉินเฉิง จากนั้นเลขานุการเจิ้ง ก็เอ่ยปากออกมาว่า “ผู้อาวุโสซู หวังว่าคุณคงจะเห็นแก่ใบหน้าของประธานของพวกเรา”
ผู้อาวุโสซูพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “ถ้าหากฉันไม่เห็นแก่หน้าเขา วันนี้ฉันคงไม่มาที่นี่”
“ครับ” เลขานุการเจิ้ง พยักหน้า จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและพูดออกมาว่า “ความแค้นระหว่างพวกคุณทั้งสองคนทางสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูได้ตรวจสอบมาหมดแล้ว ด้วยอำนาจจากทางด้านบน พวกเขาไม่อยากให้พวกคุณทะเลาะกันอีกแล้ว”
“ดังนั้น สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูจึงจัดการเจรจาครั้งนี้ขึ้น” เลขานุการเจิ้ง พูดออกมา
เขาหยิบเอกสารออกมาหนึ่งใบ และพูดต่อว่า “ซูวานตายด้วยน้ำมือของคนตระกูลซู ผู้อาวุโสซู แบบนี้คุณต้องมอบหลานสาวของตระกูลซูให้กับฉินเฉิงเพื่อเป็นการชดเชย และมันยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีต่อกันด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของฉินเฉิงก็ดูไม่ได้ทันที เขาโกรธมาก
ในสายตาของคนพวกนี้ แม้แต่ชีวิตของคนก็สามารถเอามาแลกเปลี่ยนกันได้งั้นเหรอ?
ฉินเฉิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ผู้อาวุโสซูก็ยิ้มและพูดออกมาก่อนว่า “เลขานุการเจิ้ง คุณกำลังล้อเล่นอะไรอยู่? หลานสาวของตระกูลซู เขาเหมาะกับมันแล้วเหรอ? ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าของพวกคุณ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกคุณมีสิทธิที่จะมาต่อรองกับฉัน”
เลขานุการเจิ้ง ยิ้มและพูดออกไปว่า “ผู้อาวุโสซู ฉินเฉิงเป็นคนดี ในเมื่อคนที่ตายไปก็ตายไปเพราะฝีมือของตระกูลซู อีกทั้งซูวานเองก็เป็นคนของตระกูลซูเช่นกัน”
“ฉันพูดไปตอนไหนว่าเธอคือคนของตระกูลซู? หลายปีก่อนหน้านี้เธอถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลซูแล้ว!” ผู้อาวุโสซูพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “และก็ หลานสาวของฉันแต่ละคนล้วนแต่บอบบาง ไม่ควรเอามาอยู่กับนักต่อสู้อย่างเขา แบบนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอ?!”
เลขานุการเจิ้ง ยังอยากจะพูดอะไรต่อไป แต่ในตอนนั้นฉินเฉิงก็ลุกขึ้นมา
เขามองไปที่ผู้อาวุโสซูด้วยสายตาที่เยือกเย็นแล้วพูดว่า “นายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย คนอย่างฉันไม่มองคนอย่างตระกูลซูอยู่แล้ว และก็ ถ้าหากตระกูลซูอยากจะญาติดีกับฉันหละก็มีแค่วิธีเดียวเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ฉินเฉิงก็หยุดครู่หนึ่ง
เขายกนิ้วและชี้ไปที่หน้าของผู้อาวุโสซู “นาย ต้องไปเคาะที่หลุมศพของซูวานสามครั้งแล้วบอกว่าจะลงจากตำแหน่งที่นายเป็นอยู่”
“โอหัง! นายรู้ไหมว่านายกำลังพูดอะไรอยู่? ตระกูลซูของฉันถ้าหากจะฆ่านายจริงๆมันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่ามดฆ่าแมลง!” ผู้อาวุโสซูหรี่ตาลง เขาโกรธเป็นอย่างมาก
ฉินเฉิงไม่อยากจะเถียงกับเขาต่อไป เขาพูดออกมาว่า “เลขานุการเจิ้ง ขอบคุณความหวังดีของท่านประธานมากๆครับ แต่ต้องขอโทษด้วย ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ แล้วก็ซูวานเป็นคนที่ไม่มีใครสามารถเข้ามาแทนที่ได้ ผมจะทำให้ตระกูลซูทั้งตระกูลต้องชดใช้”
พูดจบฉินเฉิงก็เดินออกไป
ผู้อาวุโสซูพูดออกมาว่า “เขาคิดว่ามันเป็นใคร? มีสิทธิอะไรมาต่อรองกับฉัน? เลขานุการเจิ้ง ประธานของพวกคุณกำลังดูถูกฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ผู้อาวุโสซู มันไม่ได้มีความหมายแบบนั้นเลย” เลขานุการเจิ้ง ไม่รู้จะพูดออกมายังไง
ผู้อาวุโสซูพูดออกมาว่า “คิดว่าจะเอาหมาแมวที่ไหนมาเข้ากับตระกูลซูก็ได้อย่างนั้นเหรอ? กลับไปบอกประธานของคุณเลย ถ้าหากยังมีครั้งต่อไปอีกหละก็ อย่ามาหาว่าตระกูลซูของฉันไม่ไว้หน้า!”
พูดจบผู้อาวุโสซูก็เดินออกไป
ห้องที่กว้างใหญ่เหลือไว้เพียงเลขานุการเจิ้ง คนเดียว
เขาหรี่ตาลงและพูดเบาๆว่า “ดูแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงไม่มีทางดีกันแน่ๆ…”
…..
ฉินเฉิงเดินอยู่บนถนน หัวใจของเขายังคงโกรธอยู่
สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงดูให้ความเป็นธรรมกับตระกูลซูจริงๆ
หลังจากที่เดินเล่นอยู่ในตอนบ่าย ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าคนที่โทรมาก็คือเจ้าสำนักแห่งตำหนักเทพโอสถ