ก่อนที่จะมั่นใจในพลัง ซูหยู่ไม่เคยเปิดเผยตัวตนมาก่อนเลย
“ศัตรูของแกก็มาด้วย” คราวนี้เสียงนั่นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว ดวงตาของซูหยู่ก็แทบจะโปนออกมาแล้วจ้องมองไกลออกไป
ฉินเฉิงกำลังเดินเข้ามาใกล้สุสานขนาดใหญ่แห่งนี้
ไม่เพียงแค่นั้น เค้ายังไม่หลบซ่อนหรือปกปิดตัวตนอะไรเลย เค้ามาที่นี่อย่างมีศักดิ์ศรี
“หึหึหึ..มันมาได้พอดีจริงๆ มีแพะรับบาปแล้วสิ…” เสียงนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
แต่ซูหยู่ก็กำลังตื่นเต้นอยู่กับความโกรธ เค้าไม่สามารถควบคุมลมหายใจของตัวเองได้เลย
“ใจเย็นๆ” เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง “จะทำเรื่องใหญ่ใจต้องนิ่ง”
ซูหยู่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วระงับความโกรธในใจของตัวเอง
….
“ฉินเฉิง มาแล้ว!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้นมา! หลังจากนั้นผู้คนต่างก็จ้องมองไปที่ฉินเฉิง!
ในหมู่พวกเค้า คนที่ดูท่าจะตื่นเต้นมากที่สุดก็คือคนจากสมาคมศิลปะหารต่อสู้แห่งเมืองจิงตู!
ร่างกายของพวกเค้าขยับ “หวด” แล้วพวกเค้าก็ตรงเข้ามาขวางหน้าฉินเฉิงในทันที
“แกกล้ามาก!” หัวหน้าของพวกเค้าเป็นชายในชุดคลุมสีแดง
ความแข็งแกร่งของเค้าไม่สูงมากนัก แต่วิธีการของเค้ามันก็แข็งแกร่งมาก! นี่คือเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับนักยุทธ์ของสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตู!
“แกฆ่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ตอนนี้แกยังจะกล้ามาที่นี่อีกเหรอ!” อีกคนก็ตะโกนขึ้นมา
หลังจากพูดจบ พลังปราณของหลายคนก็ระเบิดออกมาพร้อมกัน มันกลายเป็นกรงสีทองที่ล้อมรอบตัวฉินเฉิงเอาไว้
ฉินเฉิงเหลือบมองพวกเค้าแล้วก็พูดจาเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: “ฉันแนะนำให้พวกแกหยุดซะ พวกแกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
คนเหล่านี้ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเคือง: “สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูของเรามีเป้าหมายที่จะลงโทษและขจัดความชั่วร้าย พวกเราจะปล่อยคนร้ายอย่างแกไปได้ยังไงกัน!”
หลังจากพูดจบ หลายคนก็ถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วก็พูดขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง กรงทองก็ขยับเข้ามาใกล้ตัวฉินเฉิง!
มันดูราวกับเหล็กเส้น ฉินเฉิงถูกล้อมตีกรอบในทันที!
ฉินเฉิงถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา เค้ายกเท้าขึ้นแล้วปล่อยพลังออกมา กรงทองที่ไม่มีใครทำลายได้ก็ถูกฉินเฉิงระเบิดมันออกในทันที!
และสมาชิกของสมาคมศิลปะการต่อสู้ต่างก็ตกใจกับพลังนี้ของฉินเฉิง ทันใดนั้นเองพวกเค้าก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
ฉินเฉิงกวาดสายตามองไปที่พวกเค้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “ถ้าไม่มีอาวุธระดับขั้นของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย”
ประโยคนี้ไม่เพียงแต่เตือนคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่มันยังบอกเตือนทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วย!
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร แต่พวกเค้าต่างก็ถอยออกห่างจากฉินเฉิงไปโดยไม่รู้ตัว
ฉินเฉิงไม่สนใจอะไร การที่เค้ามาที่นี่ก็มีแค่จุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือสุสานขนาดใหญ่
ที่ด้านหน้า ก็มีคนรีบเข้าไปในสุสานก่อน
“ฉินเฉิง ผู้คนต่างก็บอกว่านายหยิ่งมาก พอฉันได้มาเจอนายเอง ฉันถึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง” เฉียวเซิงก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นมา
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เฉียวเซิงแล้วพูดว่า: “เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
เฉียวเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: “ตอนนี้ที่ข้างนอกก็มีคนพูดกันว่า นายมันก็แค่เด็กหนุ่มเหยียนเซี่ยนคนหนึ่งก็เท่านั้น ถ้ามีโอกาสหละก็ อยากจะขอลองซะหน่อย”
“ถ้าอยากจะลองหละก็ ตอนนี้เลยก็ได้นะ” ฉินเฉิงเยาะเย้ย
ภ้าหากเฉียวเซิงต้องการที่จะเอาชนะฉินเฉิงหละก็ มันก็ไม่รู้เลยว่าเค้าจะต้องฝึกฝนกันอีกมากแค่ไหนกัน
เฉียวเซิงกลอกตาแล้วไม่สนการยั่วยุของฉินเฉิง จากนั้นก็ก้าวเดินไปข้างหน้า
จู้เหยาที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็พยักหน้าเล็กน้อยให้กับฉินเฉิง จากนั้นเธอก็รีบเดินไปข้างหน้า
“ฉินเฉิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่บริเวณรอบๆ เซียงเหม่ยเอ๋อก็เดินเข้ามาแล้วถามฉินเฉิง
ฉินเฉิงปัดมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ไม่มีอะไร เออใช้สิ กระดองเต๋านั่น เธอใช้มันไปแล้วยัง?”
เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มอย่างกระอักกระอ่วม: “ยังเลย พ่อของฉันเชิญปรมาจารย์มากลั่นมันก่อน ส่วนจะสำเร็จไหม นั่นฉันก็ไม่รู้”
ฉินเฉิงส่งเสียงหืมแล้วพูดว่า: “กระดองเต่านี่มันใช้ทำเกราะได้ดีมากเลยนะ มันมีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก เอาหละ เธอรีบไปเถอะ จำไว้ อยู่ให้ห่างจากฉัน”
“ได้” เซียงเหม่ยเอ๋อพยักหน้า
…
ที่หลุมฝังศพขนาดใหญ่ตรงหน้า ซูหยู่จัดสร้างภาพลวงตาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของซูหยู่ การสร้างภาพลวงตาของเค้าก็ดีมากขึ้นเช่นกัน นี่มันไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์เลย แม้ว่าจอมยุทธ์ที่เชี่ยวชาญการใช้ภาพลวงตา พวกเค้าก็ไม่มีทางดูมันออก
“เอ๊ะ?” ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ฉินเฉิงที่มีญาณหยั่งรู้ที่แข็งแกร่ง เค้าก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในพื้นที่แห่งนี้
แม้ว่าจะบรรยากาศโดยรอบมันจะดูทั่วไป แต่มันก็มีพลังที่ละเอียดอ่อนของสวรรค์และโลกที่ลอยอยู่รอบ ๆ
“รูปแบบบางอย่าง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในตอนที่ฉินเฉิงกำลังจะพูดเค้าก็หยุด เมื่อมองเห็นคนสองสามคนจากสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูที่อยู่ตรงหน้า ฉินเฉิงก็ไม่พูดอะไรซักคำ
“วู้ววววว!”
จากนั้นไม่นาน คนสองสามคนที่สำรวจอยู่ข้างหน้าก็หายตัวไปในอากาศที่ว่างเปล่า!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ในตอนนี้เองคนที่อยู่หลังคนที่หายตัวไปก็รู้สึกแปลกๆแล้วหยุดเดิน
จู้เหยาเป็นคนที่เริ่มก้าวถอยหลัง เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “แปลก ที่นี่มันดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ ที่มาของมนต์ดำมันไม่ได้มาจากหลุมฝังศพ มันมาจากอีกทาง แต่เมื่อกี้พลังนี้มันหายไปแล้ว . .”
เวทมนต์ที่อยู่ในอากาศ
ซูหยู่ในเสื้อคลุมสีดำก็กำลังจ้องมองดูคนเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม
คนที่เข้ามาสำรวจหลายต่างก็มองไปรอบๆ พวกเค้าขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วพูดว่า: “แกเป็นใครกัน? แล้วคนอื่นไปไหนกันหมดแล้ว?”
ซูหยู่หัวเราะแล้วพูดว่า: “พวกแกคิดว่าไง…”
“ท่าไม่ดีแล้ว! มันคือชายชุดดำ!” มีคนหนึ่งที่ตะโกนขึ้นมา!
“ชายชุดดำนั่นไม่ใช่ฉินเฉิงเหรอ?” ชายชุดแดงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วเค้าก็ตะโกนพูดกับซูหยู่ว่า: “ฉินเฉิง พวกเรารู้ตัวตนของแกแล้ว แกยังจะซ่อนตัวอีกทำไมกัน!”
ซูหยู่ที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็หัวเราะออกมา
น้ำเสียงนี้มันเต็มไปด้วยพลังของปีศาจ!
ทั้งสี่คนก็นำทางสำรวจเข้ามาก็เวียนหัว พวกเค้ารู้สึกว่าโลกตรงหน้าพวกเค้ากำลังหมุน!
“พวกแกมันงี่เง่า… มันสมควรแล้วเหรอที่จะเอาฉันไปเปรียบเทียบกับฉินเฉิง?” เสียงที่สองก็ดังขึ้นมาจากลำคอของซูหยู่! มันดูราวกับว่าดังมาจากนรกยังไงยังงั้นเลย!
“แกไม่ใช่ฉินเฉิงเหรอ?” สีหน้าของชายชุดแดงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “พวก…พวกเราถูกหลอก?!”
“ตอนนี้พึ่งจะมาคิดได้เหรอ พวกแกนี่มันงี่เง่าจริง…” ซูหยู่หัวเราะ
สีหน้าของเหล่าคนที่เข้ามาสำรวจก็ดูไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเค้าถึงรู้ว่าฉินเฉิงเป็นแค่แพะรับบาป!
แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว!