นี่คือการประลองทางร่างกาย แต่ทั้งภูเขาก็กำลังสั่นสะเทือน!
ร่างของทั้งสองยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การที่จะแยกแยะพวกเค้าออกจากกันมันเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ฉินเฉิงกับซูหยู่ต่างก็ตกใจขึ้นมาพร้อมๆกัน พวกเค้าต่างก็คิดไม่ถึงเลยว่าความแข็งแกร่งของร่างกายของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้!
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน! ขาข้างหนึ่งของฉันก้าวเข้าสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ข้างหนึ่งแล้ว ร่ายกายของฉันจะด้อยกว่ามันได้ยังไงกัน?” ซูหยู่ร้อนใจและโกรธ ฉินเฉิงพึ่งจะก้าวเข้ามาสู่ระดับขั้นของจอมยุทธ์เอง ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
“คิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายของแกจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ไม่เลวเลยหนิ” ในใจฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากนั้น มันก็เห็นเพียงแค่แสงสีดำทองบนร่างของฉินเฉิงที่สว่างขึ้นมาอีกครั้ง ภายใต้พลังของแสงนี้หมัดของเค้าก็แข็งแกร่งขึ้นมาก!
มันดูราวกับดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า จากบนลงล่างแล้วถล่มลงมา!
“อ๊าาา!” ซูหยู่คำราม ร่างกายที่แข็งแรงของเค้าถูกห้อมล้อมด้วยสีดำ เค้าชกกลับ!
นี่เป็นการปะทะกันครั้งที่สามระหว่างทั้งสอง มันราวกับระเบิดปืนใหญ่ พลังรุนแรงที่น่าสยดสยองแผ่กระจายไปทั่วทั้งสอง มันระเบิดออกมาสู่บริเวณโดยรอบ!
“ทุกคน หลบไปให้ห่าง” จู้เหยายกฝ่ามือของเธอขึ้นมาแล้วพลังที่อ่อนโยนก็ปกป้องทุกคนที่อยู่ที่นี่เอาไว้!
ทุกคนต่างถูกพายุพัดถล่ม ถ้าจู้เหยาไม่ลงมือ เกรงว่าพวกเค้าต่างก็น่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว!
“ขอบคุณนะ คุณจู้!” ผู้คนที่ได้สติกลับมาก็รีบขอบคุณเธอในทันที
จู้เหยาก็พูดขึ้นมาเบาๆว่า: “ทุกคน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาขอบคุณ รีบถอยออกไปก่อน”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าแล้วรีบถอยห่างออกไปหลายสิบเมตร
ภายใต้หมัดนี้ ฝ่ามือของซูหยู่ก็ชา กระดูกของเค้าหัก!
แม้ว่ามันจะสามารถหายกลับมาเป็นปกติได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ในใจของซูหยู่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ร่างจินซวน?” ในตอนนี้เอง จู่ๆในหัวของซูหยู่ก็มีอีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมา
น้ำเสียงนี่ มันดูตื่นเต้นมาก มันยากที่จะปิดบัง
“ร่างจินซวนอะไรกัน?” ซูหยู่ดุ “ฉันจะเอาชนะมัน เอาชนะมัน!”
เสียงนั้นไม่สนใจซูหยู่เลย แต่พูดกับตัวเองว่า: “ร่างจินซวน…มันเป็นแบบนี้นี่เอง…”
“ตูม!”
ในตอนนี้เอง หมัดที่สามของฉินเฉิงก็พุ่งเข้ามาใกล้ดวงตาของเค้า!
สีหน้าของซูหยู่เปลี่ยนไป เค้าคำรามแล้วมวลอากาศสีดำก็ปรากฎขึ้นรอบตัวเค้าในทันที
อากาศสีดำนี้เป็นเหมือนกำแพงเมืองที่ปิดขวางกั้นซูหยู่ไว้ข้างหลังมัน
ด้วยเสียง “ปัง” ที่ดังขึ้นมา หมัดของฉินเฉิงก็ถูกปิดกั้นชั่วคราว จากนั้นมันก็แตกออกในทันที!
หมัดอันแข็งแกร่งของเค้ายังคงพุ่งตรงไปที่ซูหยู่แล้วกระแทกเข้ากับร่างกายของเค้าอย่างรุนแรง!
“ตุบ!”
หมัดนี้มันชกลงไปบนร่างกายของซูหยู่ที่ไม่ได้รับการป้องกัน เนื้อและเลือดกระจัดกระจายออกไป เลือดผสมกับกลิ่นมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว!
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
เฉียวเซิงที่จะจัดการชายชุดดำคนนี้ แต่ตอนนี้ชายเสื้อคลุมสีดำคนนี้กลับถูกฉินเฉิงชกจนชิ้นเนื้อเละกระจัดกระจาย?
เมื่อว่ากันแล้ว ความแข็งแกร่งของฉินเฉิงนั้นเหนือกว่าอันดับหนึ่งในจงหยวนใช่ไหม? เฉียวเซิงก็รีบหดตัวแล้วจ้องมองไปที่ฉินเฉิง
อะไรบางอย่างมันกำลังจุดประกายในหัวของเค้า แววตาของเค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงอย่างเป็นประกาย
เด็กที่มีพรสวรรค์เหล่านี้ พวกเค้าไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น แม้ว่าจะเป็นอันดับหนึ่งอย่างเถิงอาว พวกเค้าก็อาจจะไม่จริงจังอะไรกับมันเลย นี่มันไม่ต้องพูดถึงฉินเฉิงที่เป็นคนไม่มีชื่อเลย
“อ๊า…” มีเสียงคำรามออกมาจากปากของซูหยู่ เนื้อและเลือดของเค้ายังคงฟื้นตัวคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว มันแทบจะบอกได้เลยว่าร่างกายของเค้านั้นมันเป็นอมตะอย่างแท้จริง
แต่หมัดของฉินเฉิง มันก็ทำให้ซูหยู่โกรธเป็นอย่างมาก
ร่างกายของเค้าเต็มไปด้วยพลังงานสีดำแล้วพลังที่น่าสะพรึงกลัวมันก็ระเบิดออกมา บนร่างกายของเค้ามันเต็มไปด้วยพลังของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่ง
“พลังนี่ … ” ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าจะก้าวเข้าสู้ขอบเขตของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้ว”
“ไม่สิ” ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็ส่ายหัวขึ้นมา
พลังที่มันระเบิดออกมา มันค่อนข้างคล้ายกับพลังของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่มันก็ยังไม่บริสุทธิ์พอ มันเหมือนการรวมกันระหว่างจอมยุทธ์กับจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่
“ครึ่งหนึ่งของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่?” ฉินเฉิงยิ้มขึ้นมาที่มุมปากของตัวเอง
“พอดีเลย จอมยุทธ์ทั่วไปก็แทบจะไม่อยู่ในสายตาของฉันเลย อย่างงั้นก็ใช้มันเพื่อทดสอบก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ ร่างกายของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
กายาศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าแล้วปกคลุมร่างกายของเค้า
ความเชื่อในชัยชนะของฉินเฉิง ทำให้เค้าดูเต็มไปด้วยเสน่ห์และทรงพลัง
พลังนี้มันมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวมาก
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน!” เมื่อรู้สึกถึงพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ของ ฉินเฉิง ทุกคนต่างก็ตกตะลึงอีกครั้ง
“สองคนนี้…พวกเค้ายังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงอย่างงั้นเลย?”
ประโยคนี้มันทำร้ายความภาคภูมิใจในตัวเองของเฉียวเซิงไปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
เค้าที่อ้างว่าเป็นผู้ที่ไม่มีใครในโลกนี้สามารถเอาชนะได้ ตอนนี้กำลังถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม?
“ฉินเฉิง แก…” ซูหยู่กำลังจะคำราม แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆเสียงของเค้าก็หยุดลง
ร่างกายของซูหยู่ในวันนี้ มันไม่ได้มีเพียงแค่เค้าคนเดียวเท่านั้นที่ควบคุมมัน มันมีวิญญาณที่สิงอยู่ที่สามารถควบคุมร่างกายนี้ได้อย่างง่ายดาย
“อย่าเปิดเผยตัวตนของแก” เสียงนั้นดังขึ้นมาในความคิดของเค้า “มันยังไม่ถึงเวลา!”
ซูหยู่พยายามระงับความโกรธของตัวเอง เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ฉันจะฆ่ามันเพื่อยุติความคับแค้นในใจของฉัน”
“ฆ่าเค้าเพื่อล้างแค้น?” เสียงเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า “อย่าว่าแต่ตอนนี้แกจะฆ่ามันได้ไหม ต่อให้แกฆ่ามันได้ ทุกคนก็จะรู้ว่าแกเป็นคนทำ มันเป็นไปไม่ได้เลยเหรอที่แกจะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง?”
ซูหยู่เงียบไป
“งั้นให้สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูกับเย่อชิงยุนเล็งมาที่แก?” เสียงนั้นยังคงพูดต่อไป
ซูหยู่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า: “ฉันรู้แล้ว หรือว่าจะยอมไปแบบนี้?”
“แกฆ่ามันตอนนี้ไม่ได้” เสียงพูดเยาะเย้ย “หากร่างของจินซวนมันตายง่ายขนาดนั้น มันก็คงไม่ดังมากขนาดนี้หรอก”
“โอเค” แม้ว่าซูหยู่จะไม่ชอบใจ แต่เค้าก็ยังเชื่อฟังคำพูดของชายลึกลับ
หลังจากนั้นเค้าก็มองไปที่ฉินเฉิงอย่างเย็นชา เสียง”หวด”ที่ดังขึ้นมา เค้าก็หนีขึ้นไปบนท้องฟ้า
“คิดจะหนี?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง จากนั้นก็ก้าวตามไป แสงสีดำทองส่องประกายไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เค้าไล่ตามไป!
ความเร็วของทั้งสองแทบจะพอๆกัน
“ครึ่งหนึ่งของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ มันค่อนข้างเร็วนะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาในขณะที่เค้ากำลังไล่ตาม
หลังจากนั้นเค้าก็กระซิบเบาๆแล้วย่อตัวลงไปนิดหน่อย จากนั้นร่างกายของเค้าก็หายไป ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา เค้าก็มาขวางหน้าของซูหยู่เอาไว้!
ทั้งสองมองหน้ากันในอากาศแล้วบรรยากาศมันก็ค่อนข้างเคร่งขรึม
“ทำไม แกจะฆ่าฉันอย่างงั้นเหรอ…” เสียงแปลกๆดังขึ้นมาจากปากของซูหยู่
“แกน่าจะรู้นะว่าแกไม่สามารถฆ่าฉันได้…” เค้าก็พูดต่อ
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ใช่ ฉันฆ่าแกไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้ไล่ตามมาเพื่อไล่ฆ่าแก”
“หมายความว่าไง?” ซูหยู่ถามอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันแค่ต้องการยืนยันคำตอบในใจ แก คือซูหยู่ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ร่างของซูหยู่ก็สั่นสะท้านขึ้นมา!