ทั้งห้าคนมุ่งหน้าไปยังงานประมูลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองจิง
ในระหว่างทางบรรยากาศค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย โดยเฉพาะกงฮุ้ย เธอไม่พูดอะไรได้แต่แอบมองมาทางฉินเฉิง
ส่วนทางด้านของชาหนิงนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาพูดคุยกันมาตลอดทาง เห็นได้ชัดเจนว่าเขาสนใจในตัวของฉินเฉิง
ไม่นานรถก็มาจอดอยู่ที่หน้างานประมูล
เมื่อเอางานประมูลที่ปีนังมาเทียบกับงานประมูลที่นี่แล้วต่างกันราวกับฟ้าเหว
แค่ที่ประมูลอย่างเดียวก็ใหญ่กว่าเป็นสองเท่า ส่วนทางด้านของลานจอดรถนั้นก็กว้างกว่ามาก
“น้องชาน นายต้องการจะซื้ออะไร?” หลังจากลงรถ ชาหนิงก็ถามออกมา
“ยาจีน” ฉินเฉิงตอบกลับมา “ยิ่งเก่ายิ่งดี”
“ยาจีนงั้นเหรอ…” ชาหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนหน้านี้เคยมีสมุนไพรที่มีอายุหลายร้อยปีมาขายที่นี่ และราคาของพวกมันก็ประมาณ 10 ล้านขึ้นไปทั้งนั้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ชาหนิงก็ตกใจ และพูดต่อไปว่า “แน่นอน ว่า 10 ล้านคงไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับนาย เพราะว่ามีตระกูลซูอยู่”
ฉินเฉิงเงียบไม่พูดอะไร เขาหยิบบัตรธนาคารออกมาและคิดกับตัวเองว่า “ไม่รู้ว่าเงินจำนวน 100 ล้านจะพอซื้อไหม”
การเตรียมการของงานประมูลเรียบร้อยแล้ว เมื่อคุณเข้าไปก็สามารถเริ่มประมูลได้เลย
หลังจากที่ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง จู่ๆก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นที่หน้าประตู
เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมหมวกและแว่นกันแดด ส่วนด้านหลังของเธอก็มีคนตามมาอีกไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็มีคนแก่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น
เมื่อเธอปรากฎตัว คนจำนวนมากก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเธอเอาไว้ ชาหนิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เธอคือใคร ทำไมต้องไปอะไรกับเธอเยอะขนาดนั้น?” ฉินเฉิงถามออกมาอย่างไม่ได้สนใจอะไร
ชาหนิงตอบกลับมาว่า “ซุปเปอร์สตาร์ ชูซีหยุน นายไม่รู้จักเธอเหรอ?”
ฉินเฉิงส่ายหน้า เขาไม่ได้สนใจอะไรกับพวกซุปเปอร์สตาร์ เขาจึงไม่รู้จักเธอ
“ฉันได้ยินอยู่ว่าเธอจะมา ตอนแรก็คิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ” ชาหนิงพึมพำกับตัวเอง “ฉันอยากไปถ่ายรูปกับเธอจริงๆ”
ฉินเฉิงมองไปที่ชูซีหยุน คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าคนแก่ที่อยู่บนรถเข็นนั้นป่วยหนักมาก ที่เขามาในวันนี้ก็คงเพื่อที่จะมาหายารักษาอาการป่วยของเขา
“ซุปเปอร์สตาร์…น่าจะรวยมาก” ฉินเฉิงลูบไปที่บัตรธนาคารของเขา และแอบคิดอยู่ในใจ
ไม่นานงานประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
เรียกได้ว่าของทุกอย่างที่นำมาประมูลในครั้งนี้ถือว่าเป็นของที่มีคุณค่าและหาได้ยาก ทุกอย่างมีหมด แต่ราคาก็อย่างที่ชาหนิงได้กล่าวไว้ สูงเฉียดฟ้า
แต่โชคดีที่ฉินเฉิงไม่สนใจของเหล่านั้น
“เสียดายที่ไม่ได้พาไป๋เซียนมาด้วย” ฉินเฉิงที่เบื่อหน่ายอดคิดในใจไม่ได้
เนื่องจากเขาไปมีเรื่องกับตระกูลตี๋ ฉินเฉิงจึงรีบร้อนมากเกินไปหน่อยและไม่มีเวลาไปหาไป๋เซียน
จากนั้นฉินเฉิงก็มองไปที่ชูซีหยุน
นอกจากบอดี้การ์ดแล้ว ก็ยังมีชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็น
ชายชราสวมแจ็กเกตสีขาว ผมของเขามีสีขาว เขาก้มๆเงยๆ มองไปรอบๆราวกับว่ากำลังพูดหรืออธิบายอะไรบางอย่าง
“ยุ่งละสิ” ฉินเฉิงแอบคิดในใจ ทุกครั้งที่มีการหยิบสมุนไพรขึ้นมาประมูล ชายชราคนนี้ก็จะส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่านี่คือผู้เชี่ยวชาญ
ฉินเฉิงไม่สามารถควบคุมความคิดของคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอธิษฐานในใจว่าจะไม่ซื้อของชิ้นเดียวกัน
“นี่คือโสมที่นำมาจากภูเขาฉางไป่ เป็นของธรรมชาติแน่นอน อายุประมาณหลายทศวรรษ ราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้าน” ทันใดนั้น พิธีกรบนเวทีก็ตะโกนขึ้น
“น้องชาย จะประมูลไหม?” ชาหนิงรีบถามออกมาทันที
ฉินเฉิงส่ายหน้า นี่คือโสมที่มาจากธรรมชาติจริงๆ อายุของมันหลายทศวรรษ แต่มันไม่มีพลังวิญญาณอยู่ด้านใน สำหรับฉินเฉิงแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับโครงไก่
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็จ้องมองไปที่ชายชรา เห็นได่ชัดเจนว่าชายชราคนนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะประมูลของชิ้นนี้
“เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ” ฉินเฉิงจับไปที่จมูกของตัวเอง และแอบคิดในใจ
“ต่อไปเป็นของที่คนขายยาธรรมดาเก็บมาได้ ว่ากันว่าของชิ้นนี้สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ” และในตอนนั้นพิธีกรก็หยิบขวดแก้วขึ้นมา
ด้านในของขวดแก้มมีเห็ดหลินจืออยู่
เห็ดหลินจือดอกนี้ดูแล้วมันค่อนข้างแห้งเหี่ยว ถ้ามาทำยาก็คงเอามาทำอะไรมากไม่ได้ แต่เมื่อฉินเฉิงเห็นมันดวงตาของเขาก็ลุกเป็นประกาย เขาลุกขึ้นยืนทันที
สรรพคุณของเห็ดหลินจือชนิดนี้มันไม่มีอยู่แล้ว แต่ดูแล้วมันน่าจะมีอายุมากกว่าร้อยปี ไม่รู้ว่ามันดูดซับแร่ธาตุไปมากน้อยแค่ไหน นี่แหละคือสิ่งที่ฉินเฉิงอยากได้
“ของสิ่งนี้แหละ” ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้าและพูดออกมา
“ราคาเริ่มต้นสิบล้านหยวน” พิธีกรพูดออกมา
ทันทีที่ได้ยิน ทุกอย่างก็โกลาหล
“เจ้าคนนี้มันบ้าไปแล้ว 10 ล้านหยวน? ฝันไปหรือเปล่า?”
“ฮ่าฮ่า คิดว่าฉันเป็นคนโง่หรือยังไง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฝูงชนพูด ฉินเฉิงรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น
ยิ่งมีคนรู้จักสินค้าน้อยเท่าไร เขาก็ยิ่งมีโอกาสได้รับสินค้ามากขึ้นเท่านั้น
“ฉันให้ 20 ล้าน” ในตอนนั้นชายชราที่อยู่ข้างชูซีหยุนก็พูดออกทันที
“แม่งเอ้ย กลัวอะไรมันก็จะเกิดอย่างนั้นจริงๆ” ฉินเฉิงสบถออกมา
คนจำนวนมากมองไปทางชูซีหยุน บรรพบุรุษของชูซีหยุนเป็นหมอจีน ถ้าพวกเขาลงมือแบบนี้นั่นก็แสดงว่าของสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดา
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครคิดจะเป็นศัตรูกับชูซีหยุน ดังนั้นจึงไม่มีใครสู้
“ฉันให้ 30 ล้าน” ในตอนนั้นฉินเฉิงก็ยกมือและพูดออกไปทันที
ชายชราคนนั้นตกใจและหันมาหาฉินเฉิง ดวงตาของเขาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อมองมาทางฉินเฉิง
“50 ล้าน” ชูซีหยุนประมูลออกมา
ฉินเฉิงกัดฟันแน่ “80 ล้าน!”
ห๊า!
ตอนนี้ทุกคนต่างหายใจกันลำบาก 80 ล้าน? นี่มันก็นานมากแล้วที่ไม่มีใครเสนอราคาที่แพงขนาดนี้!
ชูซีหยุนหันหลังมา เธอมองมาที่ฉินเฉิงด้วยความไม่พอใจ กัดฟันและพูดออกไปว่า “100 ล้าน!”
“บ้าไปแล้ว ประมูลบ้าบออะไรตั้ง 100 ล้าน?” ชาหนิงอดไม่ได้จึงต้องพูดออกมา “ฉันไม่เข้าใจคนมีเงินจริงๆ”
สีหน้าของฉินเฉิงดูไม่ได้ ถ้าหากเขาได้เห็ดหลินจือดอกนี้มาเขาจะสามารถกลั่นยาเม็ดพลังวิญญาณได้
แม้ว่าเม็ดยาจิตวิญญาณจะไม่มีค่าควรแก่การกล่าวถึงในโลกของการบ่มเพาะอมตะ แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยในการบ่มเพาะพื้นฐานของพลังวิญญาณ
แต่เม็ดเดียวมันก็มากเกินพอต่อการข้ามขั้น
“คุณฉิน ต้องการประมูลต่อไหม? ฉันยังพอมีเงินอยู่บ้าง” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
ฉินเฉิงส่ายหน้าและพูดออกมาอย่างขมขื่น “นายดูไม่ออกหรือยังไงว่าของสิ่งนี้มันสำคัญกับพวกเขาขนาดไหน ต่อให้ปรมูลต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเราก็แพ้เขาอยู่ดี”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา วันนี้เขาคงต้องกลับบ้านมือเปล่า
“คุณปู่!”
และในตอนนั้น จู่ๆชูซีหยุนก็ตะโกนขึ้นมา เมื่อมองไปก็เห็นเธอกำลังกอดกับชายชราที่อยู่บนรถเข็นด้วยความดีใจ
“คุณจาง แล้วต้อนนี้จะเอายังไงต่อ!” ชูซีหยุนมองชายชราที่สวมชุดขาวอย่างกังวล
ชายชราขมวดคิ้วและพูดออกมา “เราเพิ่งจะประมูลเห็ดหลินจือนั่นมาได้ แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะเอามันไปทำยา”
“คุณจาง คุณคือหมอจีนชั้นดี คุณจะต้องมีหนทางแน่ ใช่ไหม?” ชูซีหยุนพูดออกมาด้วยความอ้อนวอน
คุณจางถอนหายใจ เขาจ้องไปที่เห็ดหลินจือที่อยู่บนเวที และพูดออกมาว่า “ทำได้แค่ลองกลืนเห็ดหลินจื่อนี้เข้าไปดู…”
“เร็ว รีบเอาเห็ดหลินจือมาให้ฉัน!” ชูซีหยุนตะโกนออกไปอย่างเร่งรีบ
นี่มันไม่สอดคล้องกับกฎของการประมูล ดังนั้นพิธีกรจึงลังเลอยู่พักหนึ่ง
ด้วยเหตุหารณ์ที่เร่งด่วน ชูซีหยุนหยิบบัตรธนาคารขึ้นมาโยนไปให้พิธีกร จากนั้นก็พูดออกมาง่า “ในนี้มีอยู่ 200 ล้าน รหัสคือหกตัวด้านหลัง ไปกดเอาได้เลย”
หลังจากที่พูดแบบนั้นออกไป เธอก็หยิบเห็ดหลินจือไปทันที
“คุณหนูชู คุณไม่ร้องรีบร้อน มีคุณหมอจางอยู่ มันจะต้องไม่เป็นอะไรแน่” คนที่อยู่ข้างพูดปลอบใจออกมา
คุณจางเองก็มั่นใจว่าเห็ดหลินจือนี้ไม่มีคุณค่าทางยารักษาโรค แต่เขาก็มองออกว่านี่เป็นยาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง ถ้าจะบอกว่าเป็นยาที่ชุบชีวิตคนขึ้นมาได้มันก็ไม่เชิง
“ถ้าเธอไม่อยากให้ปู่ของเธอตาย ก็รีบหยุดซะ!” ในตอนนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นฉินเฉิงเดินเข้ามากับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
ชูซีหยุนหันหลังมามอง สีหน้าของเธอเยือกเย็นในทันที “นายเองเหรอ? ฉันจะบอกนายเอาไว้ให้ ทางที่ดีนายอย่มาขวางฉันจะดีกว่า ถ้าหากปู่ของฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยนายเอาไว้แน่!”
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น เขาพูดออกไปว่า ถ้าเธออยากให้ปู่ของเธอตายเร็วขึ้นอีกหน่อย ก็เอาเลย”
คุณจางขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาว่า “น้องชาย นายรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”
ฉินเฉิงได้ยินว่าก่อนหน้านี้คนพวกนี้คุยอะไรกัน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าคุณจางคือใคร เขาจึงเอนตัวและพูดออกไปว่า “ในเมื่อคุณก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางการแผนแขนงจีน งั้นคุณเองก็น่าจะรู้เห็ดหลินจือไม่สามารถเอามาใช้แบบนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนชราแบบนี้!”
“คุณจาง คุณไม่ต้องไปพูดอะไรกับเขาแล้ว เขามาขัดขวางพวกเรา” ชูซีหยุนพูดออกอย่างร้อนใจ
จากนั้นสีหน้าของคุณจางก็มีอาการตกใจปรากฎออกมาให้เห็น เขาจับมาที่แขนของฉินเฉิงและพูดว่า “นายรู้ด้วยหรือว่านี่คือยาในตำนาน?”