คนอื่นๆต่างก็ยิ่งตกใจ เค้าสามารถปลดอาวุธด้วยการตบเพียงแย่างเดียว นี่เป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของจงหยวนอย่างงั้นเหรอ?
ฉินเฉิงมองเฉียวเซิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “นายห้ามฉันไม่ได้หรอก ถ้านายไม่อยากตาย อย่าตามมา”
หลังจากที่พูดออกมาแบบนี้แล้ว ร่างของฉินเฉิงก็หายไปอย่างรวดเร็ว
หน้าอกของเฉียวเซิงกระเพื้อมขึ้นลง สีหน้าของเค้าดูไม่ได้เลย
ฝ่ามือที่ดูเหมือนกับการกระพือปีกนั้น มันมีพลังมหาศาล!
หรือว่าตัวเองจะเทียบฉินเฉิงไม่ได้เลย?
“ทุกคน รีบเข้าไปที่สุสานเร็ว” ในตอนนี้เองก็มีคนพูดขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม จู้เหยาก็ส่ายหัวเบาๆแล้วพูดว่า: “ไม่ต้องหรอก ฉันว่าหลุมฝังศพนี้มันว่างเปล่า”
หลังจากพูดออกมาแบบนี้แล้ว จู้เหยาก็หันหลังกลับแล้วจากไป
เซี่ยงเหม่ยเอ๋อถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆขึ้นมาว่า: “ฉินเฉิง ที่แท้นายก็ไม่เป็นอะไร”
หลังจากนั้น เซียงเหม่ยเอ๋อก็ออกไปจากที่นี่เช่นกัน
มีบางคนที่ไม่เต็มใจที่จะจากไป พวกเค้าเดินเข้ามาในสุสานแห่งนี้
แต่น่าเสียดายที่ด้านในมันเป็นหลุมฝั่งศพที่ว่างเปล่าจริงๆ
คนส่วนใหญ่เดินเข้ามา แต่เฉียวเซิงยังคงยืนนิ่ง ที่หน้าผากของเค้ามันเต็มไปด้วยเหงื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่เค้ารู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนก ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้เค้าหายใจไม่ออกเล็กน้อย
“ไม่ มันจะเก็บฉินเฉิงไว้ในโลกนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!” ความบ้าคลั่งก็แวบวาบเข้ามาในแววตาของฉินเฉิง
ในตอนนี้เอง ผู้คนจากสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูก็มาถึงที่เกิดเหตุ
แต่สิ่งที่ทำให้เฉียวเซิงประหลาดใจก็คือ คราวนี้มันมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่มา
“ฉินเฉิงหละ?” เค้าเดินเข้าไปหาเฉียวเซิงแล้วถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เมื่อเห็นคนๆนี้แล้ว สีหน้าของเฉียวเซิงก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นเค้าก็รีบพูดว่า: “สวัสดีครับท่านยู้!”
คนๆนี้ชื่อยู้หมัว เมื่อหลายปีก่อน เค้าก็มาถึงระดับขั้นของจอมยุทธ์ขั้นสุดยอด ในตอนนี้สถานะของเค้าก็สูงมาในโลกของศิลประการต่อสู้
เฉียวเซิงดีใจมาก เค้าคิดไม่ถึงเลยว่าสมาคมศิลปะการต่อสู้จะส่งยู้หมัวมาออกตามล่า!
“ฉันถาม มันหละ?” ยู้หมัวถามอย่างเย็นชา
“ตอบกลับท่านยู้ เค้า… เพิ่งหนีไปทางนั้น!” เฉียวเซิงชี้นิ้วออกไปแล้วพูดขึ้นมา
ยู้หมัวพึมพำเบาๆ จากนั้นเค้าก็เดินไป
“การที่ท่านยู้ลงมือด้วยตัวเอง ฉินเฉิง มันจะหนีรอดไปได้ยังไงกัน” เฉียวเซิงยิ้มเยาะเย้ย
หากไม่มีหวังที่จะก้าวแซงหน้ามันได้ อย่างงั้นก็มีแค่ทางเดียวเท่านั้น อย่างงั้นก็ต้องปล่อยให้คนอื่นไปตายแทน!
…
ฉินเฉิงออกมาจากเมืองหยางแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองจิงตู
ครั้งนี้มันแทบจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของตัวเองโดยสมบูรณ์ ดังนั้น ฉินเฉิงไม่มีเวลาที่จะมามัวล่าช้าอีกต่อไป เค้าจะต้องทำทุกอย่าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้น
“เฉียวเซิง…” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะพูดชื่อนี้ขึ้นมาระหว่างทาง
ในตอนกลางคืน
ฉินเฉิงยืนอยู่บนสะพานที่ห่างไกลออกไป
ญาณหยั่งรู้ของเค้ากำลังสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่มีคนปรากฎตัวขึ้นมา เค้าก็สามารถที่จะรับรู้ได้ในทันที
สิบนาทีต่อมา
ชายรูปร่างสูงก็ปรากฎตัวขึ้นมา เค้าเดินตรงเข้ามาหาฉินเฉิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “คุณบ้าเหรอ คุณกล้ามาที่เมืองจิงตู ตระกูลซูกับสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูต้องการให้คุณตายนะ”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ฉันรู้ หยานหยุน การที่ฉันมาหานายครั้งนี้
“หลังจากนั้นหละ?” หยานหยุนขมวดคิ้ว “คุณจะไม่ไปจากที่นี่?”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ไม่ไป”
“ไม่ช้าก็เร็วสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูจะหาที่นี่เจอ” หยานหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “และตระกูลซู ครั้งนี้พวกเค้าตั้งใจที่จะฆ่าคุณ”
“ฉันรู้” ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่ว่าพวกเค้าจะส่งใครมา ฉันจะฆ่ามัน เมื่อฉันหมดแรง นั่นคือเวลาที่นายจะต้องลงมือ”
“อะไรนะ!?” สีหน้าของหยานหยุนก็เปลี่ยนไปในทันที “หมายความว่าไง?”
“ตามฉันไปที่บ้านตระกูลซู” ฉินเฉิงพูดอย่างเย็นชา “จำไว้ว่าไปที่บ้านตระกูลซู ไม่ใช่สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตู”
หยานหยุนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดว่า: “คุณบ้าไปแล้วเหรอ ตระกูลซู พวกเค้าจะไม่มีวันปล่อยคุณไป พวกเค้าจะต้องฆ่าคุณอย่างแน่นอน!”
ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดเบาๆขึ้นมาว่า: “ฉันทำได้แค่ภาวนาให้คนจากสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูหาเจอในเร็วๆนี้”
การไปสมาคมสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตู ฉินเฉิงไม่กลัวเลย การที่จะฆ่าฉินเฉิงนั้น พวกเค้าจำเป็นจะต้องทำหลายขั้นตอน
แต่ตระกูลซูนั้นแตกต่างออกไป เมื่อฉินเฉิงถูกจับโดยตระกูลซู ตระกูลซูจะต้องฆ่าเค้าโดยเร็วที่สุด
“ฉันไม่มีทางเลือกอื่น” ฉินเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ นี่มันเป็นโอกาสเดียวที่นายจะได้เข้าไปในตระกูลซู”
สีหน้าของหยานหยุนก็ดูไม่ได้เลย เค้ากัดฟันแล้วพูดว่า: “มันจะได้ไม่คุ้มเสียงหรือเปล่า? ตรงไปไหม ถ้าไม่ระวัง คุณอาจจะไปตายที่บ้านตระกูลซูได้เลยนะ”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “หรือว่านายมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้? ตระกูลซูก็พูดออกมาแล้ว ใครก็ตามที่สามารถส่งข่าวเกี่ยวกับฉันได้ ตระกูลซูก็จะปฎิบัติกับพวกเค้าในฐานะแขก นายเองก็รู้เรื่องของตระกูลซูเป็นอย่างดี มันน่าจะสะดวกกว่ามาก เมื่อถึงเวลาฉันจะให้นายท่านซูแอบติดต่อนายไป”
หยานหยุนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉินเฉิงก็ขัดจังหวะหยานหยุดด้วยการโบกมือขึ้นมา
“ทำตามที่ฉันบอกก็พอ” ฉินเฉิงพูดอย่างจริงจัง
หลังจากนั้น ฉินเฉิงก็พร้อมที่จะจากไป
ในตอนนี้เอง จู่ๆเค้าก็นึกอะไรบางอย่างได้
“เอานี่ไปด้วย” ฉินเฉิงหยิบหยกเลือดออกมาจากแขนของตัวเอง
“นี่คืออะไร?” หยานหยุนขมวดคิ้วขึ้นมา
ฉินเฉิงก็พูดว่า: “ฉันบ่มเพาะของสิ่งนี้ขึ้นมาเอง มันจะช่วยชีวิตนายเมื่อจำเป็น”
หลังจากพูดคำพูดพวกนี้ออกมาแล้ว ฉินเฉิงก็หายตัวไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย
หยานหยุนมองไปทางฉินเฉิง เค้าไม่รู้จะพูดอะไรอยู่นาน
“แบบนี้ มันคุ้มไหม…” มันเห็นได้ชัดเลยว่าหยานหยุนไม่เข้าใจ
ในตอนแรกเค้าไม่สามารถแก้แค้นได้ ในที่สุดก็เลือกที่จะยอมแพ้ เพราะรู้ดีว่าเค้าตัวเองกำลังทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของฉินเฉิงมันแตกต่างจากเมื่อก่อน? ทำไมการเลือกของทั้งสอง มันถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้?
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเฉิงใส่หมวกกับเสื้อคลุมแล้วปรากฎตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ บนภูเขาซานชา
หยานหยุนก็อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นฉินเฉิงก็เลยจงใจเลือกที่นี่
ญาณหยั่งรู้ของเค้ากำลังสำรวจไปรอบๆ มันดูราวกับว่าเค้ากำลังรอใครซักคนปรากฎตัวขึ้นมา
“มาแล้วสินะ”
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็รู้สึกได้ถึงรัศมีแห่งการกดขี่ที่ใกล้เข้ามา
หนึ่ง สอง… ร่างมากกว่าหนึ่งโหลอย่างแน่นหนา พวกเค้าก็ตรงเข้ามาใกล้ฉินเฉิงมากขึ้นเรื่อยๆ!
“หยุด”
จากนั้นไม่นาน น้ำเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นมาที่ด้านหลังของเค้า
ฉินเฉิงหันหลังให้เค้า จากนั้นก็พูดเบาๆขึ้นมาว่า: “มีเรื่องอะไร?”
“ถอดหมวกกับเสื้อคลุมออกซะ” ยู้หมัวพูดอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงลังเลอยู่ซักพัก จากนั้นก็วิ่งหนีไป!
“ตูม!”
ในตอนนี้เอง มันก็ร่างอื่นที่ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า ฝ่ามือของเค้าพุ่งตรงมาจากท้องฟ้า มันตรงเข้ามาขวางฉินเฉิงไว้!
การล้อมนี้ มันทำให้ฉินเฉิงไม่สามารถหลบหนีไปได้เลย!
“ครึ่งขั้นของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่สองคน?” ฉินเฉิงหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นมาในใจ