เมื่อได้ยินคำพูดของคุณจาง ฉินเฉิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย
ยาในตำนาน ชื่อนี้ไม่ควรจะออกมาจากปากของคนธรรมดา
“นี่อาจารย์จาง คุณจะไปคุยกับเขาทำไมอีก” ชูซีหยุนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอไม่พอใจที่ทั้งสองคนยังคุยกันอยู่
คุณจางหันไปหาชูซีหยุนและอธิบายออกมาว่า “คุณหนูชู ฉันคิดว่าคุณสามารถเชื่อใจชายหนุ่มคนนี้ได้”
“เชื่อใจเขา?” ชูซีหยุนหันไปมองทางฉินเฉิง “อายุก็ยังน้อย หน้าตาก็ยังเด็ก ไม่เหมือนกับคนที่มีประสบการณือะไรเลย”
“บางอย่างก็ไม่ได้เป็นแบบที่ตามองเห็น ก็จริงอยู่ที่เขายังเป็นหนุ่ม แต่ก็ตามที่เขาพูดออกมานั่นแหละ ถ้ากินมันเข้าไปตรงๆ ประสิทธิภาพของมันก็จะหายไปมาก แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อาจารย์จางถอนหายใจและพูดออกมา
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทำไมไม่ลองให้ชายหนุ่มคนนี้ลองสักตั้ง”
ถึงแม้ว่าชูซีหยุนจะไม่ค่อยเชื่อใจ แต่เนื่องด้วยอาการป่วยที่รุนแรงของคุณปู่ เธอเองก็ไม่มีทางเลือก
“ได้ ฉันจะให้นายลองดู แต่ฉันขอเตือนนายเอาไว ถ้าหากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปแน่” ชูซีหยุนพูดออกมาอย่างแน่วแน่
ฉินเฉิงสะบัดข้อมือและส่ายหน้า “จะให้ฉันช่วยมันก็ได้ แต่ฉันมีข้อแม้หนึ่งอย่าง”
“นายวางใจ ถ้าหากนายสามารถรักษาปู่ของฉันได้ มันจะมีประโยชน์กับตัวนายมากๆ” ชูซีหยุนโบกมือกลับมาอย่างไร้ความอดทน
ฉินเฉิงส่ายหน้าอีกครั้ง เขาชี้ไปที่เห็ดหลินจือที่อยู่ในมือของชูซีหยุนและพูดออกมาว่า “ฉันต้องการแค่เห็ดหลินจือที่อยู่ในมือของเธอ อย่างอื่นฉันไม่ต้องการ”
“ได้” ชูซีหยุนตอบตกลงไปอย่างไม่คิดอะไร เห็ดหลินจือนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเธอเลย ที่เธอประมูลมาก็เพื่อที่จะรักษาอาการของปู่เธอเท่านั้น
ฉินเฉิงพยักหน้าและยิบขวดแก้วเล็กๆออกมาจากกระเป๋าของเขา และของที่อยู่ในขวดนั้นก็คือยาชุบชีวิตที่เขาเพิ่งจะผลิตออกมาได้ในไม่กี่วัน
เขายกมือขึ้นและเปิดปากของชายชราเตรียมที่จะป้อนยาเข้าไป
“นายจะทำอะไร!” ในตอนนั้นชูซีหยุนที่มองการกระทำของฉินเฉิงอยู่ตลอดก็พูดออกมาด้วยความโกรธ
และบอดี้การ์ดที่อยู่รอบตัวเธอก็วิ่งเข้ามาทันที
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเข้ามาปกป้องฉินเฉิงเอาไว้ เขามองไปที่คนเหล่านั้นด้วยสายตาที่เยือกเย็น มีเจตนาที่จะลงมือ
ฉินเฉิงหันมามองที่เธอและพูดว่า “ถ้าอยากจะให้ปู่ของเธอมีชีวิตรอดต่อไป ก็หุบปากไปซะ”
พูดจบฉินเฉิงก็ยัดยาเม็ดนั้นเขาไปในปากของชายชรา จากนั้นก็ค่อยๆกดลงตรงหน้าอกของเขา ลำคอของชายชราเริ่มเคลื่อนไหว ยาเม็ดนั้นลงไปในกระเพาะของเขาแล้ว
“รอเดี๋ยว ประมาณ 30 วิ” หลังจากที่พูดจบ ฉินเฉิงก็เดินไปหาที่นั่ง
ทุกคนที่อยู่รอบๆมองมาตรงนี้ คนที่เข้าร่วมงานประมูลแต่ละคนมีฐานะกันทั้งนั้น
ถ้าชายหนุ่มคนนี้รู้ทักษะทางการแพทย์จริงๆ เขาอาจจะรู้จักเพื่อนดีเพิ่ม
คุณจางและชูซีหยุนจ้องไปที่คุณปู่ชูด้วยความคาดหวังและความกังวลในสายตาของพวกเขา
เมื่อเวลาผ่านไปทุกวินาที สีหน้าของชูซีหยุนก็น่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ
“นาย….”
ในตอนที่เธอพูดออกมา ชายชราคนนั้นก็ลืมตาขึ้นและกระแอมออกมาสองครั้ง
และหลังจากที่เขากระแอมออกมาก็มีเลือดสีดำติดมาด้วย ร่างกายของเขาดูอ่อนแอมาก
ฉินเฉิงมองไปแวบแรกก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ร่างกายของชายชราคนนี้อ่อนแอกว่าคุณปู่ซูมาก
ดูเหมือนว่าการรำไทเก๊กของคุณปู่ซูจะมีประโยชน์น่าดู
“คุณปู่ ฟื้นแล้ว!” ชูซีหยุนส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ เธอเข้าไปกอดชายชราคนนั้นทันที
และคุณจางเองก็กล่าวออกมาอย่างตกใจ “ปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์!”
คนที่อยู่รอบๆตกตะลึง ตอนนี้เมืองจิงมีหมอที่เก่งขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ?
“คุณหนูชู ตามที่ตกลงกันไว้ เห็ดหลินจือเป็นของฉัน” ฉินเฉิงชี้มาที่เห็ดหลินจือที่อยู่ในมือของชูซีหยุน
การแสดงออกของชูซีหยุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ได้ ไม่มีปัญหา!”
จากนั้นเธอก็พูดออกมาอีกว่า “เพื่อเป็นการตอบแทน ฉันขอเลี้ยงข้าวนายคืนนี้ได้ไหม?”
เอ๋? ซุปเปอร์สตาร์เป็นคนชวนคนธรรมดาทานข้าว แบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อย!
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้นแล้วต้องอิจฉา และชาหนิงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เลี้ยงข้าวมันไม่จำเป็น ที่ฉันต้องการคือเห็นหลินจือที่อยู่ในมือของเธอ” ฉินเฉิงตอบกลับไป
ชูซีหยุนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกปฏิเสธ
“ได้” แต่ชูซีหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เธอเอนตัวและพูดว่า “ขอบคุณมาก”
“คุณหนูชูอย่าเพิ่งรีบดีใจไป” น้ำเสียงของฉินเฉิงเปลี่ยนไป
เขาชี้ไปที่คุณปู่ชู “มากที่สุดชายชราคนนี้สามารถอยู่ต่อไปได้แค่สองเดือน”
สีหน้าของชูซีหยุนเปลี่ยนไปทันที ขมวดคิ้วและถามออกมาว่า “นายหมายความว่าอย่างไง?”
ฉินเฉิงตอบกลับไปว่า “ไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณยังอยากให้คุณปู่ของคุณมีชีวิตอยู่ต่อไป งั้นคุณก็มาซื้อยากับฉันที่เมืองจิง”
“ได้” ชูซีหยุนตอบไปอย่างไม่ลังเล เธอไม่คิดอะไรทั้งนั้น ขอแค่คุณปู่ของเธอสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เงินมันไม่สำคัญ
“ราคาเท่าไหร่? ฉันขอซื้อสิบเม็ดก่อน!” ชูซีหยุนเปิดเงินในกระเป๋าของเธอดู
ฉินเฉิงชูนิ้วขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เม็ดละ 20 ล้าน”
ทุกคนที่ได้ยินต่างถอนหายใจ
เม็ดละ 20 ล้าน มันแพงเกินไปหรือเปล่า!
การแสดงออกของชูซีหยุนหยุดนิ่งไปทันที มุมปากของเธอขยับ และพูดออกมาว่า “เม็ดละ 20 ล้าน นายจะหน้าเลือดเกินไปหรือเปล่า?”
“หน้าเลือด?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “คุณจะไม่ซื้อก็ได้ แต่ฉันไม่มีทางลดราคาแน่”
พูดจบฉินเฉิงก็ทำท่าทีไม่สนใจชูซีหยุน เขาพาชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเดินจากไป
“เจ้าบ้านั่นมันเห็นเราไม่มีทางเลือก!” ชูซีหยุนกัดฟันและพูดออกมา เธอมองมาที่เงาหลังของฉินเฉิงราวกับว่าจกลืนกินเขาเข้าไป
หลังจากที่เดินออกมาจากงานประมูล ท่าทางของฉินเฉิงก็ดูมีความสุขอย่างมาก
วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเขา ไม่เพียงแต่จะได้เห็ดหลินจือมาเท่านั้น แต่ยังได้ทำการเจรจาครั้งใหญ่อีกด้วย!
“แบบนี้ก็ได้เงินไวดี…” กงฮุ้ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เธอทำงานแทบตายทีหนึ่งเต็มที่ก็ได้ไม่เกิน 10 ล้าน ดีไม่ดีไม่ถึงด้วย
“น้องฉิน สุดยอดจริงๆ ฉันนับถือ!” ชาหนิงชื่นชมฉินเฉิงมาตลอดทาง “ซุปเปอร์สตาร์ชวนนายไปทานข้าว นายยังปฏิเสธเธอได้ลงคอ!”
ซุปเปอร์สตาร์?
ฉินเฉิงไม่ได้รู้สึกอะไร ในสายตาของเขาดาราก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้นฉินเฉิงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอเลย แม้ว่าเธอจะสวยมาก แต่เธอก็ไม่มีอะไรเทียบกับซูวานได้
ตอนนี้ในใจของฉินเฉิงมีแค่ซูว่านคนเดียวเท่านั้น
หลังจากได้รับเห็ดหลินจือมาแล้ว ฉินเฉิงก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะกลับไปทำยาเม็ดวิญญาณของเขา ดังนั้นเขาจึงบอกให้พวกของชาหนิงพาเขาไปส่งที่ปีนัง
หลังจากที่มาถึงปีนัง ที่แรกที่ฉินเฉิงไปก็คือบ้านของตระกูลซู
เขาไม่ได้เจอซูวานมาหลายวัน หัวใจของเขาคิดถึงซูวานมาก และซูวานเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเขา
แต่เมื่อไปถึงบ้านของตระกูลซูเขาก็เห็นตี๋รุ้ยเจี๋ยนั่งอยู่ที่นั่น ข้างๆของเขายังมีชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาวนั่งอยู่ด้วย
มองดูแล้วเหมือนกับว่าตี๋รุ้ยเจี๋ยกำลังคุยอะไรสักอย่างกับคุณปู่ซู และคุณปู่ซูก็พยักหน้าอยู่บ่อยครั้ง เปรียบเสมือนพอใจ
“ฉินเฉิง!” เมื่อเห็นว่าฉินเฉิงเดินเข้ามา ซูวานก็ลุกขึ้นด้วยความดีใจ
ฉากที่เกิดขึ้นเข้าไปในสายตาของตี๋รุ้ยเจี๋ย ทำให้ความเย็นชาในดวงตาของเขาเพิ่มมากขึ้น
“คุณฉิน คุณกลับมาแล้ว ให้ฉันรอนานเลย” ตี๋รุ้ยเจี๋ยเก็บความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ฉินเฉิงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เขาพยักหน้า จากนั้นก็หันไปหาซูวานด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเขามีความสุขเป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนยิ้มให้กัน พวกเขาเข้าใจกันโดนไม่ต้องพูดอะไร
“ฮ่าฮ่า ฉินเฉิง นายมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับนายอยู่พอดีเลย” ในตอนนั้นคุณปู่ซูก็เอ่ยปากออกมา