ความคิดของผู้อาวุโสซูทำให้คนอื่นๆหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
แต่ไม่นานก็มีคนเข้าใจขึ้นมา
ผู้อาวุโสซูอยากจะประกาศในโลกรู้ ว่าคนที่มาท้าทายกับเขา สุดท้ายแล้วก็ต้องตกอยู่ภายใต้แทบเท้าของเขาอยู่ดี
แต่น่าเสียดาย ผู้อาวุโสซูคิดผิดไปแล้วจริงๆ
ฉินเฉิงคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวและเป็นแค่คนธรรมดา อย่าว่าแต่ตระกูลซูเลย ต่อให้ยกสมบัติทั้งโลกให้กับเขามันก็ยังไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
“นี่เป็นโอกาสเดียวที่นายจะมีชีวิตรอดต่อไป” ผู้อาวุโสซูพูดออกมา
ฉินเฉิงที่เงียบมาโดยตลอด สุดท้ายเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้อาวุโสซู
เขาพูดออกมาด้วยความยากลำบากว่า “การก้มหน้ารับใช้คนอย่างนาย…ฉันไม่มีวันยอมรับเป็นอีกขาด…คนอย่างฉันฉินเฉิงไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงเงินทองอยู่แล้ว แล้วฉันจะยอมสูญเสียความเป็นตัวเองของฉันไปได้อย่างไร….?”
ผู้อาวุโสซูผงะ จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ฉินเฉิง ถึงนายจะต้องตาย ก็ไม่ยอมรับเงื่อนไขของตระกูลซูและทำงานให้ฉันใช่ไหม?!”
“ทำงานให้ตระกูลซู? ตระกูลซูของนายมันคู่ควรกับฉันอย่างงั้นเหรอ….” ฉินเฉิงยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีแดง
หยานหยุนที่อยู่ข้างๆก็ตกใจขึ้นมาทันที เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ทำไมถึงเลือกเส้นทางเดินต่างกัน?
ถ้าหากเขาสามารถรักษาความเป็นตัวของตัวเองของเขาได้ตั้งแต่แรก บางทีเขาอาจจะไม่ต้องฆ่าคนไปจำนวนมากขนาดนี้ก็ได้
“ท่านพ่อ ฉินเฉิงคนนี้ไม่ไว้หน้าพวกเราเลย พ่อไม่ต้องไปพูดกับมันแล้ว” ซูฉีไห่รีบพูดออกมา
ผู้อาวุโสซูไม่ได้สนใจเขา เขาจ้องไปที่ฉินเฉิง ยิ้มและพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ดี ดี ปีกกล้าขาแข็งจริงๆ! ในเมื่อเอาอย่างนี้ นายก็จะต้องตายอยู่ที่นี่!”
พูดจบผู้อาวุโสซูก็เดินจากไป
ผู้จัดการเองก็มองไปที่ฉินเฉิงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ในสายตาของเขาบอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร
หลังจากที่ผู้อาวุโสซูเดินจากไป ซูฉีไห่ก็เดินเข้ามาหัวเราะใส่ฉินเฉิง
เขาหยิบแส้จากมือของชางโจว หรี่ตาและพูดว่า “นายยังจำคำพูดของฉันได้ไหม?”
“จำได้สิ ฉันเป็นพ่อนายนิ…” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา
ซูฉีไห่ก็ไม่ได้โกรธอะไรแต่กลับพูดออกมาว่า “การที่จะอยู่ในโลกใบนี้ได้จะต้องยอมทำตามกฎของธรรมชาติ มีคนมากมายพยายามให้โอกาสนาย แต่นายกลับไปคว้าโอกาสนั้นเอาไว้”
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นายดูถูกตระกูลซูของพวกเรา สิ่งที่นายคิดอยู่ในใจ มันคืออะไรกันแน่?” ซูฉีไห่ถามออกมาพร้อมฟาดแส้ในมือของเขา
ฉินเฉิงมองไปที่เขาและพูดออกมาว่า “คนอย่างนาย ชาตินี้ก็ไม่มีวันเข้าใจ ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้นายฟัง”
“อืม คงจะเป็นอย่างนั้น” ซูฉีไห่พยักหน้าออกมา “ต้องบอกเลยว่า นายมันเป็นมดตัวแรกที่ทำให้ฉันสนใจได้ถึงขนาดนี้”
พูดจบซูฉีไห่ก็ฟาดแส้ในมือของเขาไปที่ตัวของฉินเฉิง
ความเจ็บปวดที่ฉินเฉิงได้รับมันไม่ได้มากกว่าความเจ็บปวดในใจของเขา ฉินเฉิงกัดฟันแน่น แต่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
หลังจากนั้นซูฉีไห่ก็โยนแส้ไปข้างๆ เขาตบไปที่หน้าของฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “ฉันอยากเห็นท่าทางนายตอนขอร้องให้ฉันไว้ชีวิตจริงๆ แค่นายขอร้องฉัน วันนี้ฉันก็จะปล่อยนายออกไปแล้ว”
ฉินเฉิงเงยหน้าขึ้น มองไปที่ซูฉีไห่อย่างเยือกเย็น
ในตอนนั้นจู่ๆฉินเฉิงก็อ้าปากออกมาและกันไปที่นิ้วมือของซูฉีไห่!
ร่างกายของฉินเฉิงนั้นแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นพัน แต่พลังของมันก็ไม่ได้ด้อยเลย!
การกัดของเขาทำให้นิ้วของซูฉีไห่ขาดทันที!
เสียงร้องของความเจ็บปวดดังขึ้นมาจากคุกทันที
ชางโจวกับคนอื่นๆรีบวิ่งเข้ามาทันที ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า “คุณชายแปด คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ซูฉีไห่กัดฟันและพูดออกมาว่า “ฉินเฉิง นายนี่มันหัวแข็งจริงๆ ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าคนอย่างนายจะตายยังไง!”
ชางโจวหยิบแส้ขึ้นมา และโยนไปให้ปาฉิงที่อยู่ข้างๆ พูดออกไปอย่างชั่วร้ายว่า “เฆี่ยนเขาให้ตาย!”
“ครับ!” ปาฉิงรับแส้มา จากนั้นก็เริ่มงานของเขาทันที
ในความมืด ดวงตาของซูหยู่จ้องไปที่ฉินเฉิงไม่ยอมกระพริบ
ในดวงตาของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างสุดขีด
“ฉันไม่ได้ฆ่านายด้วยมือของฉันเอง น่าเสียดายจริงๆ” คอของซูหยู่หมุน และเสียงแหบแห้งและแปลกประหลาดก็ดังขึ้นมา
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมาว่า “นายควรจะขอบคุณฉันมากกว่า ที่ไว้ชีวิตสุนัขอย่างนาย”
ซูหยู่พ่นลมหายใจออกมา จากนั้นเขาก็เดินออกไป
ในตอนนั้นที่ห้องทำงานในสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูก็มีเอกสารเกี่ยวกับฉินเฉิงวางอยู่มากมาย
“ยังจัดการไม่เสร็จเหรอ?” ชางโจวถามออกมาอย่างรีบร้อน “ขอแค่จัดการกับหลักฐานพวกดีเรียบร้อย เราก็จะฆ่าเขาได้ทันที”
“ช้าที่สุดก็วันพรุ่งนี้” พนักงานคนหนึ่งพูดออกมา
ชางโจวพยักหน้า ในวันนั้นพวกเขาได้เปิดการประชุมกันถึงเรื่องวันตัดสินของฉินเฉิง
และวันนั้นก็คือวันพรุ่งนี้
และในวันนี้ ข่าวทั้งหมดของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูก็ถูกนำเสนอลงบนเว็บบอร์ดศิลปะการต่อสู้ และก็ประกาศว่าจะมีการถ่ายทอดสด
ทันใดนั้นเว็บบอร์ดศิลปะการต่อสู้ก็ระเบิดออกมาทันที
“เรื่องมันไวขนาดนี้เลยเหรอ?”
“หึหึ สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นแค่การกักขัง”
“ฉินเฉิงคนนี้เป็นคนที่ชั่วร้ายยิ่งนัก จะไม่ฆ่าเขาได้อย่างไร”
“…..”
ตำหนักเทพโอสถ
ผู้อาวุโสใหญ่รีบวิ่งเข้ามาในห้องของเจ้าสำนัก
“ท่านเจ้าสำนัก พรุ่งนี้เป็นวันตัดสินโทษของฉินเฉิงแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่พูดออกมาด้วยความตื่นตระหนก
เจ้าสำนักหาวและพูดออกมาว่า “ใครบอกมา ข่าวออกมาตอนไหน?”
“เพิ่ง…เพิ่งจะประกาศออกมาเมื่อสักครู่ครับ!” ผู้อาวุโสใหญ่ยื่นโทรศัพท์ให้เจ้าสำนัก
แต่เจ้าสำนักก็ไม่ได้รับมันเอาไว้ เธอโบกมือแล้วพูดออกมาว่า “ฉันรู้แล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่ผงะ เขารีบพูดออกมาว่า “ท่านเจ้าสำนัก คุณไม่รู้จริงๆหรือว่าผลการตัดสินมันจะออกมาเป็นยังไง ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการตัดสินโทษ แต่มันก็คือการประหารฉินเฉิงนั่นเอง คุณ….”
“ฉันรู้แล้ว” เจ้าสำนักตัดคำพูดผู้อาวุโสใหญ่ เธอขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ไปเตรียมรถให้ฉันสองคัน ฉันจะไปสำนักงานความมั่นคงจิงตู”
“ครับ ได้ครับ!” ผู้อาวุโสใหญ่รีบวิ่งออกไปทันที
เขายังเดินไปไม่ทันถึงหน้าประตู ในตอนนั้นเจ้าสำนักก็สั่งออกมาว่า “ดูเหมือว่ารถจะช้าไป…เอาอย่างนี้แล้วกัน ไปเตรียมเครื่องบินให้ฉันสองลำ”
ผู้อาวุโสใหญ่ตอบกลับไปทันทีว่า “ครับ! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
……
สำนักงานความมั่นคงจิงตู
ที่ห้องของผู้บัญชาการสูงสุด
ชายรูปร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ
ท่าทางของเขาแข็งแกร่งมาก ราวกับว่าเขาสามารถควบคุมโลกใบนี้ด้วยมือของเขาได้
“ผู้บัญชาการเย่อ เจ้าสำนักของ ตำหนักเทพโอสถ เจียงโม่เหลียนมาขอพบท่าน” ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเข้ามาพูดอย่างเคาระ
เย่อชิงยุนถอนหายใจ และพูดออกไปว่า “น่าจะเป็นเพราะเรื่องของฉินเฉิง”
“งั้นต้องการพบเธอไหมครับ?” ลูกน้องของเขาถามออกมา
เย่อชิงยุนยิ้มออกไปอย่างขมขื่นและพูดออกมาว่า “พบสิ เธอเป็นถึงเจ้าสำนักของตำหนักเทพโอสถ จะไม่ให้เข้าพบได้อย่างไร ให้เธอไปรอฉันที่ห้องโถง”
“ครับ!” ลูกน้องของเขารับคำสั่งและเดินออกไปทันที
เจียงโม่เหลียนรออยู่ที่ห้องโถง และกำลังดื่มชาที่ดีที่สุดในเหยียนเซี่ย
สีหน้าของเธอไม่ได้กังวลแต่อย่างใด ทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนแต่สง่างาม
หลังจากผ่านไปสิบนาที เย่อชิงยุนก็เดินออกมา
หลังจากที่เห็นเย่อชิงยุน เจียงโม่เหลียนก็วางแก้วชาในมือลง ลุกขึ้นโค้งคำนับและพูดว่า “สวัสดีผู้บัญญาการเย่อ”
เย่อชิงยุนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “โม่เหลียน ที่นี่มีแค่พวกเราสองคน ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นก็ได้”