ฉินเฉิงลุกขึ้นยืนทันที แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังพอมีพลังอยู่
ฉินเฉิงต้องการออกไปดู แต่จู้เหยาใช้วิธีลับในการล็อคห้องไว้
ฉินเฉิงจึงทำได้เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่าง
ในตอนกลางคืนคฤหาสน์ตระกูลจู้ มืดมากจนแทบไม่เห็นอะไร
แต่เธอ ก็เห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่ในสวน
“นั่นเธอนี่?!” การแสดงออกของฉินเฉิงเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาเห็นผ้าสีดำที่คุ้นเคย
เธอคือผู้หญิงที่ขโมยหยกดำในการประมูลของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูไม่ใช่เหรอ? ! มาที่คฤหาสน์ตระกูลจู้ได้ไงกัน?
ทั้งสองยังสวมผ้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้า
สายตาของจู้เหยาสงสัย เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “เธอเป็นใคร? บุกเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลจู้ของฉันทำไม?”
อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ฉันไม่มีเจตนาร้าย มาเพื่อให้บางสิ่งบางอย่าง”
“ไม่มีเจตนาร้าย?” จูเหยาพึมพำ “แต่บุกเข้าไปในบ้านตอนดึกๆ เธอคิดว่ามันไม่เป็นอันตรายเหรอ?”
ทันทีที่จู้เหยาพูดจบ ก็เตรียมลงมือ!
มือของเธอทำให้เกิดแสงเปล่งประกายเจิดจรัส
ฝ่ามือดูมีเสน่ห์ แต่มีอานุภาพร้ายแรง!
อีกฝ่ายไม่พูดอะไร และยกฝ่ามือหยกขึ้นมา
ระเบิด “ปัง” ดังขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลจู้!
บรรยากาศน่ากลัว!
ไม่เกิดอะไรขึ้นจากพลังภายใต้ฝ่ามือของพวกเธอ !
“พลังของเธอลึกลับมาก” ผู้หญิงลึกลับพูดเบาๆ
จู้เหยาจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “จอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ครึ่งขั้น? เหยียนเซี่ยมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ด้วยเหรอนี่?”
ซูวานไม่ได้พูดอะไร ฝ่ามือของเธอกางออก และทันใดนั้นจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ก็มาอยู่ที่มือของเธอ
จิตแห่งกระดูกกุมภีล์นี้เปล่งประกายด้วยแสงท่ากลางคืนที่มืดมิด งดงามจนแม้แต่เครื่องประดับที่สวยที่สุดในโลกก็ไม่สามารถเทียบได้
“จิตแห่งกระดูกกุมภีล์!” จู้เหยาอุทานก่อนที่ซูวานจะพูดออกมา!
ซูวานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของจู้เหยา
“ทำไม..ตระกูลจู้?” ซู่วานกระซิบ “ถึงรู้จักจิตแห่งกระดูกกุมภีล์”
จู้เหยาเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านี้ เธอมองไปที่ซูวาน และพูดว่า: “เธอเป็นใครกัน จิตแห่งกระดูกกุมภีล์เป็นของล้ำค่า ”
“แต่เธอ จะมอบมันให้ฉินเฉิงจริง ๆ เหรอ?”
การแสดงออกของซูวานเย็นชา “ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟัง เอาจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ไปให้ฉินเฉิงด้วย”
หลังจากพูดจบ ซูวานเอื่อมจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ไปให้จู้เหยา
จู้เหยาสัมผัสได้ถึงความขลังของจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ ซูวานดูเหมือนจะไม่สบายใจ เธอพูดอย่างเย็นชา: “หวังว่าเธอจะไม่นำจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ไปเก็บไว้เอง”
จู้เหยาหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องกังวล มันไม่ใช่ของๆฉัน ”
ซูวานไม่ได้พูด เธอกระโดดและหายตัวไปทันที
ในห้อง ฉินเฉิงรู้สึกร้อนใจ
เขาต้องการออกไป แต่พบว่าที่นี่แปลกมาก และเขาไม่รู้ว่าวิธีลับที่จู้เหยาสร้างขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน “พี่ฉิน ดูเหมือนว่ามีคนต้องการช่วยพี่เต็มไปหมด” จู้เหยายิ้ม
เธอนำจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ให้ฉินเฉิง
“นี่อะไร?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
“จิตแห่งกระดูกกุมภีล์” จู้เหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธอคืออะไร แม้แต่ของแบบนี้ก็ยังหาเจอได้”
ฉินเฉิงตกใจมาก เขาถามอย่างกังวลว่า “จิตแห่งกระดูกกุมภีล์นี้ คนๆนั้นเป็นคนให้เธอเหรอ”
“ใช่” จู้เหยาพยักหน้า “ฉันรู้สึกได้ว่าเธอมีอาการบาดเจ็บ อาจเป็นเพราะจิตแห่งกระดูกกุมภีล์อันนี้”
ฉินเฉิงรับจิตแห่งกระดูกกุมภีล์มา
คนๆนี้ไม่ได้ปรากฏตัวครั้งแรกและทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็จะเป็นเวลาที่เหมาะเสมอ
ไม่เพียงเท่านั้น ลมหายใจที่ออกจากร่างกายของเธอ เหมือนกับลมหายใจที่ฆ่าลิงแคระ
“ใครช่วยฉันกันแน่?” ฉินเฉิงพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
เขามีเพื่อนไม่มาก ยิ่งเพื่ีอนผู้หญิงก็ยิ่งน้อย
“แม่ของฉันถูกขังอยู่ในสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู และซูวานก็ตายไปแล้ว นอกจากสองคนนี้แล้ว ฉันก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใครจริงๆ” ฉินเฉิงลูบหัว เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“พี่ฉิน พรุ่งนี้จะไปเลยไหม?” จู้เหยาถาม
ฉินเฉิงส่ายหัวและกล่าวว่า “อาจจะไม่ ถ้ามีจิตแห่งกระดูกกุมภีล์นี้แล้ว ฉันต้องรีบกลั่นยาให้เร็วที่สุด”
แต่ยาอะไรนั้น ฉินเฉิงก็ยังไม่รู้เลย
ในช่วงกลางดึก เขาส่งข้อความถึงเจียงโม่เหลียน ถามว่าเธอส่งจิตแห่งกระดูกกุมภีล์นี้มาหรือเปล่า
แต่เจ้าสำนักปฏิเสธ และยิ่งเป็นช่วงเวลานี้ เธอไม่มีทางมาจากตำหนักเทพโอสถได้
ฉินเฉิงแตะคางและครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังจนฉินเฉิงตื่นขึ้น
เมื่อมองออกไป ก็เห็นเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ที่ลานบ้านตระกูลจู้
“เจ้าสำนัก?” เมื่อเห็นคนที่ลงมา ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
คฤหาสน์ตระกูลจู้วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ นอกจากจะมีเจ้าสำนักของตำหนักเทพโอสถมาแล้ว ยังมีคนงานมาซ่อมซมสนามหญ้า
ฉินเฉิงลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าสำนัก คุณมาที่นี่ทำไมกัน? ” ฉินเฉิงเดินไปและประสานมือของเขาด้วยความเคารพ
เจียงโม่เหลียนเหลือบมองฉินเฉิง และกล่าวว่า “ฉันจะมากลั่นยาให้”
ฉินเฉิงไม่รู้จะพูดอะไร เพราะการเดินทางจากตำหนักเทพโอสถมาระยะทางที่ไกล และมาที่นี่ก็เพื่อตัวเขาเอง
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก” พูดขอบคุณบ่อยไป จนฉินเฉิงเองก็มึนงงเล็กน้อยเช่นกัน
“จิตแห่งกระดูกกุมภีล์อยู่ที่ไหน” เจ้าสำนักถาม
ฉินเฉิกพลิกฝ่ามือและส่งจิตแห่งกระดูกกุมภีล์ให้เจ้าสำนัก
“รบกวนคุณจู้จัดห้องให้ที ” จากนั้นเจียงโม่เหลียนก็พูดกับจู้เหยา
จู้เหยาตอบกับไปว่า “เจ้าสำนักเจียง ตามฉันมาเลยค่ะ ”
พื้นที่คฤหาสน์ตระกูลจูนั้นกว้างใหญ่ การหาห้องจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ฉินเฉิงนั่งรอที่ห้องรับแขกของคฤหาสน์ตระกูลจู หลังจากนั้นไม่นานจู้เหยาก็เดินมา และพูดว่า “เจ้าสำนักต้องใช้เวลาสามวัน”
“อืม” ฉินเฉิงตอบรับ “ต้องรบกวนคุณจู้หลายวันเลย”
จู้เหยาหัวเราะเบา ๆ “พี่ฉินไม่ต้องเกรงใจ”
นั่นทำให้ฉินเฉิงต้องอยู่บ้านของตระกูลจู้อีกสามวัน แต่มันก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเขา เพราะเขาจะสามารถฟื้นความแข็งแกร่งกลับมาแล้ว
…
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเช้าวันที่สี่ เจ้าสำนักวางยาไว้ที่โต๊ะโดยไม่ได้ร่ำลา
เมื่อฉินเฉิงและคนอื่นๆตื่นขึ้นมา เจ้าสำนักก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลจู้ไปแล้ว
เขาหยิบเม็ดยาจากบนโต๊ะ มันมีกลิ่นแปลกๆ
“อ้ำ” ฉินเฉิงหยิบยาขึ้นมา และเอาเข้าปากทันที