“เสี่ยวเต๋อ มาหาฉัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ฟางเสี่ยวเต๋อพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ฉินเฉิง นายเป็นอะไรไป พวกเค้า … ”
“มานี่!” ฉินเฉิงตะโกนขึ้นมาขัดจังหวะฟางเสี่ยวเต๋อ
เมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังของฉินเฉิง ฟางเสี่ยวเต๋อก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้วเดินเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ
“ยืนข้างฉัน อย่าขยับ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นเค้าก็เงยหน้าขึ้นมามองสามคนนี้แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย รายงานตัวออกมาซะ”
“รายงานตัว? ฉินเฉิง แกฆ่าผู้บริสุทธิ์ ความผิดของแกเป็นสิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้ เรา…”
“ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” ฉินเฉิงเยาะเย้ย “ถ้าแกต้องการจะฆ่าฉัน ก็พูดออกมา อย่าทำเรื่องไร้สาระให้มันวุ่นวาย”
ทั้งสามมองหน้ากัน พวกเค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “เอาล่ะ ฉินเฉิง วันนี้จะเป็นวันตายของแก!”
ฟางเสี่ยวเต๋อยืนนิ่งด้วยท่าทางมึนงง สามคนนี้มาที่นี่เพื่อฆ่าฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้แล้ว สีหน้าของฟางเสี่ยวเต๋อก็เปลี่ยนไปในทันที เธอพูดอย่างร้อนใจขึ้นมาว่า: “ฉินเฉิง รีบหนีไป พวกเค้าสามคนเป็นจอมยุทธ์! พวกเค้าทรงพลังมาก!”
ฉินเฉิงจับแขนของฟางเสี่ยวเต๋อด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นเค้าก็มองไปที่ทั้งสามอย่างเย็นชา: “แม้แต่เด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสายังโกงเธอได้ เพื่อฆ่าฉัน พวกแกต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!” ทั้งสามคนตะโกนขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ร่างกายของพวกเค้าก็ระเบิดพลังออกมา!
หนึ่งในนั้นชักดาบออกมาจากเอวของตัวเองแล้วฟันเข้าไปที่ฉินเฉิงพร้อมกับเสียง”หวด”
ดาบนี่มันมีพลังที่แข็งแกร่ง พลังโพยพุ่งออกมาจากดาบในทันที
แต่ร่างของฉินเฉิงนั้นมันยืดหยุ่นอย่างมาก ในขณะที่ดึงแขนของฟางเสี่ยวเต๋อ เค้าก็หลบไปที่ด้านข้าง
ดาบกว่าสามสิบสองเล่ม ทั้งหมดล้มเหลวไม่เป็นท่า
นี่มันก็ทำให้เค้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชายที่มีทักษะดาบที่ยอดเยี่ยมและมีรูปร่างที่ปราดเปรียวอย่างยิ่ง ดาบแต่ละเล่มของเค้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอายที่ดาบพวกนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า
“การไหลของน้ำ ดาบหนึ่งร้อยแปด!” ในตอนนี้เอง เค้าก็คว้าดาบไว้ในมือแล้วตะโกนออกมาแล้วหันมือกลับมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของฉินเฉิงก็ถูกห้อมล้อมด้วยพลังของดาบนี้
พลังของดาบนี้มีความหนาแน่นสูงเกือบจะก่อตัวขึ้นเป็นม่านน้ำที่ไม่สามารถหลบหลีกอะไรได้เลย!
“พัฟ!”
พลังของดาบพุ่งตรงเข้าไปที่ฟางเสี่ยวเต๋อ ฉินเฉิงรีบคว้าแขนของเธอแล้วดึงเธอกลับเข้ามา แต่ดาบเล่มนี้ก็ตัดเส้นผมของฟางเสี่ยวเต๋อออก
ฟางเสี่ยวเต๋อหน้าซีดเพราะตกใจ เธอกลัวมาก
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ในตอนนี้เอง ดาบอีกอันที่เรืองแสงก็ปรากฏขึ้น
“พัฟ!”
คราวนี้ ฉินเฉิงไม่ได้หลบมัน
เค้ายกฝ่ามือขึ้นมาแล้วดันมันไปข้างหน้า
ในตอนที่ฝ่ามือนี้ปะทะกับดาบ มันก็เกิดประกายขึ้นมาในทันที
แล้วดาบในมือของเค้ามันก็ม้วนขึ้นมาแล้วพลังทั้งหมดก็หยุดลงอย่างกระทันหันในทันที
“เป็นไปได้ยังไงกัน!” สีหน้าของปรมาจารย์ดาบเปลี่ยนไปในทันที ต้องรู้ว่าดาบในมือเค้ามันสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก มันก็สามารถตัดได้อย่างง่ายดาย!ดาบนี้มันก็หักแล้วถูกฉินเฉิงจับไว้ในมือ
ในตอนนี้เอง คนอื่นก็เริ่มลงมือ
มันมีการระเบิดของพลังงานจากหมัดของเค้า มันชกเข้าไปที่หน้าของฉินเฉิงอย่างดุเดือด
“ตุบ” ฉินเฉิงไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่ใบหน้าของเค้าเอียงเล็กน้อยแล้วหายไป
“ตูม!”
คนที่สามก็กระตุ้นพลังแสงขึ้นมา จากนั้นก็ใช้มันพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าท้องส่วนล่างของฉินเฉิง!
ทั้งสามคนลงมือพร้อมกัน พวกเค้าต้องการจัดการฉินเฉิงให้เร็วที่สุด!
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือฉินเฉิงกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
“ความสามารถมีแค่นี้ ยังกล้าที่จะออกมาเป็นนักฆ่าเหรอ” สีหน้าของฉินเฉิงเย็นชา จากนั้นเค้าก็ก้าวออกไปแล้วพื้นทั้งหมดก็ทรุดตัวลงหลายสิบเซ็น!
พลังของสีทองดำก็ระเบิดออกมารอบๆตัวของฉินเฉิง!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็สะบัดคนทั้งสามออกไปโดยตรง ดาบที่อยู่ในมือของปรมาจารย์พวกนี้ก็กลายเป็นเพียงแค่เศษเหล็กในทันที!
“มันเป็นไปได้ยังไง!” ทั้งสามคนล้มลงกับพื้น ใบหน้าของพวกเค้าเต็มไปด้วยความสยดสยอง
ไม่ได้บอกว่าฉินเฉิงมันพิการไปแล้วเหรอ? มันมีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ได้ยังไงกัน?
“ไว้…ไว้ชีวิตผมด้วย…” เมื่อเห็นฉินเฉิงที่ก้าวเข้ามา ทั้งสามคนก็ตื่นตระหนกในทันใด
“พวกเราโดนทุกคนหลอก มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย!”
ฉินเฉิงเยาะเย้ย: “เอาตัวเองมาถึงหน้าประตูแล้วยังจะให้ฉันไว้ชีวิตอีกเหรอ?”
หลังจากพูดจบ ฉินเฉิงก็โบกมือของเค้าขึ้นมาแล้วแสงสีทองส่องผ่านเข้ามา จากนั้นทั้งสามก็กลายเป็นเพียงแค่แอ่งคลาบเลือดในทันที
ฟางเสี่ยวเต๋อยืนอยู่ที่นั่นอย่างว่างเปล่า สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสยดสยอง
วิธีการของฉินเฉิงนั้นอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ฟางเสี่ยวเต๋อก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ดี
“อย่าไปมองมัน กลับห้องเถอะ” ฉินเฉิงลากแขนของฟางเสี่ยวเต๋อมาแล้วพูด
ฟางเสี่ยวเต๋อตกลงตะลึง
หลังจากได้สติแล้ว ฟางเสี่ยวเต๋อก็รู้สึกผิดเล็กน้อย: “คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะโดนพวกเค้าหลอก … ”
ฉินเฉิงลูบหัวของเธอแล้วถอนหายใจออกมา: “ไม่เป็นอะไร แต่ก็เสียดายเงินสามล้านนั้น”
สามล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฉินเฉิง แต่ในตอนนี้มันทำให้รู้สึกเสียใจ
“เรื่องที่เธอกลับมานี่ พ่อเธอรู้เรื่องไหม?” ฉินเฉิงถาม
ฟางเสี่ยวเต๋อส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่รู้หรอก ฉันเพิ่งกลับมา”
“อืม พรุ่งนี้รีบกลับมหาลัยไปซะ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมา
“ฉันไม่” ฟางเสี่ยวเต๋อส่ายหัวในทันที “ถ้าฉันไปแล้วเฉียวเซิงมา นายจะทำยังไง?”
“งั้นการที่เธออยู่ต่อมันมีประโยชน์อย่างงั้นเหรอ” ฉินเฉิงยิ้ม
ฝางเสี่ยวเต๋อไม่รู้จะตอบยังไงดี
“เอาหละ ไม่ต้องห่วงฉัน กลับไปมหาลัยซะ” ฉินเฉิงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ไป ฉันจะพาเธอไปกินข้าว”
ฉินเฉิงกับฟางเสี่ยวเต๋อขับรถเบนซ์ของซูวานไปที่ร้านอาหารแถวนั้น
ในตอนที่กินข้าว ฟางเสี่ยวเต๋อก็ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สเต็กในจานข้าวเธอไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ
“ที่พวกเค้าพูดกัน มันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ?” ฟางเสี่ยวเต๋ออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาแล้วถาม
“เธอคิดว่าไง?” ฉินเฉิงไม่ได้ตอบคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมา
“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดว่า “นายจะไปทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน…”
“นั่นก็ไม่แน่” ฉินเฉิงโบกมือขึ้นมา “เอาล่ะ กินข้าวเร็วเข้า เดี๋ยวฉันต้องกลับไป ยังมีเรื่องที่ต้องทำ”
ในระหว่างมืออาหาร ฟางเสี่ยวเต๋อแทบจะไม่ขยับตะเกียบของตัวเองเลย แต่ฉินเฉิงก็บังคับให้เธอกิน
ข่าวที่เฉียวเซิงกำลังจะมาที่เมืองปีนังก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว พวกคนรวยหลายคนในเมืองปีนังก็เตรียมงานเลี้ยงไว้ล่วงหน้าเพราะนอกจากเค้าจะเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของจงหยวนแล้ว เฉียวเฉิงยังเป็นคุณชายทายาทเฉียวกรุ๊ปด้วย
ทุกคนกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ฉินเฉิงกลับไม่ได้จริงจังอะไรกับมันเลย
เค้าเคยเห็นทักษะของเฉียวเซิงมาก่อน มันไม่น่าพูดถึงเลย มันไม่ได้มีอะไรดีมากไปกว่าซูหยู่
ในชั่วพริบตา มันก็ผ่านไปอีกสามวัน
ในสามวันนี้ ฉินเฉิงที่อยู่ใต้ต้นเชียนเทียน เค้าก็กำลังฝึกฝน
มรดกในหัวของเค้าหลอมรวมเข้ากับสมองของเค้า แสงสีทองก็ตกลงไปในพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ ทะเลสีทองนี้ก็ส่องแสงและเคลื่อนไหวมากขึ้น