จินฮู่แทบหายใจไม่ออก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ตอนนี้เขาก็เริ่มเบลอ
สายตาของเขาวิงวอน ฉินเฉิงถอนหายใจ ก่อนเขาจะถูกโยนลงไปกับพื้น
จินฮู่ไออยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นจากพิ้น
“คุณฉิน ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” จินฮู่กล่าวด้วยความรู้สึกผิด
ฉินเฉิงมองเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “อย่าคิดว่าถ้าหาเงินได้แล้วนายจะหนีไปได้ ถ้าฉันอยากฆ่านาย แค่ยกมือก็เท่านั้น ”
“ครับ ครับ…” จินฮู่พยักหน้า แววตาที่เย็นชาของฉินเฉิง ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ถ้าเขาไม่ขอความเมตตาในวันนี้ เขาคงต้องตายอยู่ที่นี่วันนี้แน่ๆ
“ไปให้พ้น” ฉินเฉิงพูดพร้อมโบกมือ
จินฮู่ขอโทษอีกครั้งและเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“คุณฉิน จินฮู่ไม่ใช่คนดีอะไรเลย” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “ที่ฉันพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะฉันเป็นคู่แค้นกับเขานะ”
“ฉันรู้” ฉินเฉิงเห็นด้วย “เขาก็มีประโยชน์อยู่ ส่วนฉันมีแผนของฉันเอง”
เมื่อชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเห็นดังจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
คืนนั้นฉินเฉิงได้รับเชิญไปที่โรงพยาบาลเพื่อพบตี๋เชา
ตี๋เชากำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ดูมีความสุข มีพยาบาลขนาบข้างคอยป้อนองุ่นอยู่
หลังจากที่เห็นฉินเฉิง ใบหน้าของตี๋เชากลับดูเย็นชา
เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่เบือนหน้าหนี
ฉินเฉิงก็ไม่สนใจที่จะสนใจคนแบบนี้อยู่แล้ว เขาเอามือวางลงบนตักของเขา ปล่อยให้พลังงานจิตวิญญาณไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา หลังจากนั้นไม่นาน กระดูกที่หักก็เริ่มซ่อมแซม
“เอาล่ะ” ฉินเฉิงปล่อยมือ หลังจากผ่านไปเพียงสิบนาที
ตี่เฉารีบขยับขาแล้วพูดอย่างตื่นเต้น: “โอเค เยี่ยมมากๆ!”
“ขอบคุณนะ เยี่ยมไปเลย ฮ่าฮ่า” ตี๋รุ้ยเจี๋ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ฉินเฉิงมองไปที่ตี๋รุ้ยเจี๋ยพร้อมเตือนออกมาว่า “คุณตี๋ หวังว่าคุณจะรักษาสัญญา ไม่งั้น มันคงจะไม่ง่ายเหมือนเรื่องขาหักนี้”
“อืมๆ แน่นอน ฉันรู้ ฮ่าฮ่า” ตี้รุ่ยเจี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย
ฉินเฉิงไม่ได้อยู่นานนัก
“คุณตี๋ เด็กคนนี้เป็นนักเวทย์จริงๆ” หลังจากที่ฉินเฉิงออกไป ชายหนุ่มชุดขาวก็ยิ้มเล็กน้อย
ตี๋รุ้ยเจี๋ยรู้เรื่องนี้ดี แต่ยังแสร้งถามขึ้น “มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
ชายหนุ่มชุดขาวสูดลมหายใจและกล่าวว่า “มั่นใจเก้าสิบเปอร์เซนต์”
“เยี่ยม!” สายตาของตี๋รุ้ยเจี๋ยดูเย็นชา “พรุ่งนี้ฉันกับคุณปู่ซูจะไม่อยู่ที่นี่ พอเขาออกไป นายก็ลงมือได้ทันที”
“จำไว้ว่าต้องไม่ทำร้ายซูวาน!” ตี๋รุ้ยเจี๋ยพูดเตือนอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง” ชายหนุ่มชุดขาวพูดเบา ๆ ” ฉันไม่ทำให้ตระกูลตี๋เสียหน้าแนานอน”
“ถึงตอนนั้นให้เขาคุกเข่าขอโทษ อัดวีดีโอให้ฉันด้วย!” ตี่เฉาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ได้ แต่อาจต้องเพิ่มเงินหน่อยนะ” ชายหนุ่มชุดขาวยิ้ม
…
คฤหาสน์ที่ภูเขาหลงไห่เต็มไปด้วยพลังของจิตวิญญาณ
“นายฝึกที่นี่ก็แล้วกัน” ฉินเฉิงพูดกับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า “มันดีต่อร่ายกายของนาย ฉันจะเอายาให้นายเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”
“ขอบคุณ คุณฉิน!” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดด้วยความตื่นเต้น
เนื่องจากเขาไปทำการรักษาขาตี๋เชา ฉินเฉิงจึงสูญเสียพลังงานทางจิตวิญญาณไปจำนวนหนึ่ง และร่างกายของเขารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
ดังนั้นเขาจึงไม่รีบเร่งที่จะกลั่นเห็ดหลินจือในคืนนั้น แต่เลือกที่จะพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นฉินเฉิง ตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแดดส่องเข้ามาในหน้าต่าง
เขานอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อดูข่าว
“ข่าวรายงานว่า ตระกูลซุจะไปจากปีนัง” หัวข้อข่าวดึงดูดความสนใจของฉินเฉิง
นี่ทำให้เขาประหลาดใจมาก คุณปู่ซูจะไปจากปีนัง มันเป็นเรื่องใหญ่? แม้แต่ข่าวยังนำไปรายงาน?
ฉินเฉิงคลิกที่ข่าว ก็เห็นความเห็นมากมาย
“ตระกูลยิ่งใหญ่อย่างตระกูลซูกำลังจะไปจากที่นี่!”
“เมื่อตระกูลซูจากไป ทุกอย่างในปีนังก็อาจจะเปลี่ยนไป”
“ใช่ ในปีนัง ตระกูลซูเป็นหนึ่งมาโดยตลอด ถ้าเขาไปทุกอย่างก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนมือ”
“มีใครจำฉินเฉิงตอนงานเลี้ยงของตระกูลซูได้ไหม? ถ้าตระกูลซูไม่อยู่ คนที่สนับสนุนเขาก็ไม่มีแล้วหน่ะสิ?
“ฮ่าฮ่า ฉันได้ยินมาว่าเป็นเพราะฉินเฉิงไปสร้างเรื่องกับคนของตระกูลตี๋ ”
…
ฉินเฉิงดูวามคิดเห็นต่างๆเหล่านั้น
เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไรกัน?
ที่บ้านตระกูลหลิน หลินชิงเฉิงกำลังมีความสุขมากๆ
“สามี ตระกูลซูกำลังจะไปจากที่นี่ สุดยอดไปเลย!” หลินชิงเฉิงยื่นโทรศัพท์ให้หยางอี้ดูด้วยท่าทางตื่นเต้น
หยางอี้ตกตะลึงและดีใจมาก: “จริงเหรอ?”
ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ตระกูลหยางและตระกูลหลินต่างไม่ออกมาเคลื่อนไหวใด ๆ เลย
แม้ว่าตระกูลซูจะไม่ได้ลงมืออะไร แต่เหมือนชะงักมาติดหลัง
“สุดยอดไปเลย” หยางอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าตระกูลซูไปแล้ว คนที่เคยร่วมงานกลับเราก็จะกลับมา!”
หลินชิงเฉิง ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย ในฐานะที่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอคิดเพียงว่าจะจัดการฉินเฉิงอย่างไร
ส่วนฉินเฉิงแทบจะไม่รู้ตัว เขาเกือบลืมไปว่าหลินชิงเฉิงเป็นคนแบบนี้
ในตอนเช้าผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ประตูบ้านตระกูลซู ผู้คนในเมืองต่างส่งคนไปคารวะคุณปู่ซูด้วยความเคารพ
คุณปู่ซูมองทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปในรถ
“คุณปู่ซู ปีนังยินดีต้อนรับคุณกลับมาเสมอ!” ชายร่างใหญ่ในเมืองกล่าวพร้อมจับมือคุณปู่ซู
คุณปู่ซูเหมือนพยายามสร้างความมั่นใจให้เขา เขาพูดกับชายคนนั้นว่า “ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าไปครั้งนี้ก็ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่”
ทุกคำพูดของคุณปู่ซูสื่อความหมายมากมาย เขารู้ว่าประโยคเหล่านี้จะต้องถูกนำไปรายงานข่าวอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น ชีวิตของฉินเฉิงอาจไม่ง่ายนัก
ฉินเฉิงและซูวานมองไปที่คุณปู่ซู
สายตาของซูวานดูกังวลมาก
“รอให้ผ่านไปสักพัก เราจะไปเยี่ยมคุณปู่ด้วยกัน” ฉินเฉิงปลอบโยน
“อืม!” ซูวานพยักหน้า
หลังจากส่งทุกคนแล้ว ซูวานก็ปิดประตูบ้าน และเตรียมที่จะออกจากบ้านตระกูลซูและไปที่ภูเขาหลงไห่กับฉินเฉิง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มชุดขาวก็เดินเข้ามา
เขาเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ทำไมนายยังไม่ไปอีก?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวว่า “คุณตี๋ให้ฉันไปด้วย แต่ฉันปฏิเสธไป เพราะ…ฉันคือนักรบอู่ชือ มีคำถามสองสามข้อที่จะถามคุณฉิน”
“นักรบอู่ชือ ?” ฉินเฉิงหรี่ตาและรู้สึกขำในใจ
ชายหนุ่มชุดขาวปลอมตัวมาอย่างดี มองแทบไม่ออก
แต่เขาไม่รู้ว่า ฉินเฉิงผู้มีวิชา สามารถมองเห็นกลอุบายของเขา
“ได้” ฉินเฉิงพยักหน้าและตกลง “งั้นก็ขึ้นรถมาด้วยกัน”
“ขอบคุณ” แววตาชั่วร้ายแวบเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่มชุดขาว เขายิ้มมุมปาก