“ยุนเอ๋อ อย่าพูดจาไร้สาระ!” เจ้าสำนักฟานก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา
เค้ามองไปที่ฉินเฉิงและอธิบายว่า: “ต้องของโทษด้วย ฉันสั่งสอนเธอมาไม่ดีเอง คุณอย่าไปถือสาเธอเลยนะ”
ฉินเฉิงเหลือบมองชายหนุ่มแล้วพูดว่า “คนๆนี้คือใครกัน?”
“โอ้ นี่คือลูกศิษย์ของเพื่อนเก่าของฉัน ชื่อมู้หรงจิ่น ครั้งนี้ฉันเป็นคนที่ชวนเค้ามางานที่ศาลากลาง” เจ้าสำนักฟานก็ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“ศาลากลาง?” ทันใดนั้นเองสีหน้าของฉินเฉิงก็ไม่พอใจขึ้นมา
มันบอกได้เลยว่าหากว่าตัวเองแพ้การกับประลองกับเด็กหนุ่มคนนี้?
เจ้าสำนักฟานก็จะทำเหมือนกับฉันเป็นผู้สมัคร?
“ฉันได้ยินมานานแล้วว่าในเมืองปีนังมีคนที่มีฝีมือปรากฎตัวขึ้นมา นั่นก็น่าจะเป็นนายสินะ?” ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นมา เค้าเป็นคนเริ่มที่จะจับมือของฉินเฉิงก่อน
ฉินเฉิงมองดูเค้าอย่างละเอียด ความแข็งแกร่งของชายคนนี้มันไม่ธรรมดาเลย ตามขั้นการแบ่งกลุ่มของนักศิลปะการต่อสู้ มันก็สามารถบอกได้เลยว่าเค้ามีกำลังภายใน
ระดับนี่ มันจะอยู่เหนือกว่าตัวเองไหม? นี่มันน่าขำสิ้นดี
เมื่อเห็นว่าฉินเฉิงไม่ยอมจับมือ ลูกสาวของเจ้าสำนักฟานก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธเคืองว่า: “นายไม่รู้จักมารยาทเหรอ?”
ฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร
“นี่! ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ นายไม่ได้ยินฉันเหรอ!” ฟานยุนก็เดินเข้ามาแล้วดึงแขนของฉินเฉิง “นายไม่ใช้ว่าเป็นกังฟูหรอกเหรอ ไอ่ที่หน้ามีแผลเป็นยังแพ้เลย จะโอหังอะไรอย่างนี้ พี่จินเค้าฆ่าไอ่โจรข้ามชาติสองคนนั่นมาแล้ว! ไอ่สองคนนั้นมันมีกำลังภายในระดับปรมาจารย์เลยนะ!!”
“โจรข้ามชาติสองคน?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง “นายฆ่าทั้งสองคนนั่นอย่างงั้นเมหรอ?”
มู้หรงจิ่นพูดพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย : “เรื่องแบบนี้มันก็ไม่มีใครยอมรับหรอก ฮ่าฮ่า”
แม้ว่าเค้าจะตอบกลับ แต่จริงๆแล้วเค้าพูดออกมาอย่างคลุมเครือ ไม่ยอมรับแล้วก็ไม่ปฎิเสธนี่มันน่าอายแทนจริงๆ
“โอ้ย พี่จิน ไม่ต้องปิดบังแล้ว ฉันเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว รูปร่างเหมือนพี่เป๊ะเลย! ยิ่งไปกว่านั้น พี่เองก็พึ่งจะมาที่เมืองปีนังเมื่อไม่กี่วันก่อน มันจะเป็นใครไปได้อีก” ฟานยุนพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
มู่หรงจิ่นยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า “ฉันเป็นคนไม่ชอบสร้างปัญหา ยุนเอ๋อเธออย่าพูดไปเรื่อยแบบนั้นสิ”
ฉินเฉิงไม่สนใจเค้าเลย ดังนั้นเค้าก็เลยหันหน้าแล้วเดินออกไป
“จะเริ่มเมื่อไหร่กัน?” ฉินเฉิงมองไปที่เจ้าสำนักฟานแล้วถามขึ้นมา
เจ้าสำนักฟานก็พูดขึ้นมาว่า “คืนนี้ เพื่อนเก่าของฉันเค้าจะมาในไม่ช้านี้”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
เมื่อถึงตอนสองทุ่ม เพื่อนเก่าของหัวหน้าสำนักฟานก็มาถึงโรงยิมศิลปะการต่อสู้
“เหล่าฟาน นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอแก” หัวหน้าสำนักคนนั้นก็เดินไปเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว ครั้งก่อนที่เจอกับเจ้าสำนักตงมันก็ผ่านมาแล้วกว่าสิบปี” เจ้าสำนักฟานก็กล่าวทักทายขึ้นมา
เจ้าสำนักตงก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เก้าปีแปดเดือน นั่นมันเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ประลองฝีมือกัน”
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น สีหน้าของเจ้าสำนักฟานก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเจ้าสำนักฟานละอายกับการต่อสู้ครั้งล่าสุด
“อืม ครั้งนั้นฉันพลาดเอง” เจ้าสำนักฟานก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
เจ้าสำนักตงก็หัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ใช่เหรอ? ฉันได้ยินมาว่าไม่นานมานี้นายก็พึ่งจะพลาดท่าเสียทีให้กับเด็กหนุ่ม โอ้ว หรือว่านายจะบอกว่าแก่แล้ว อย่างงั้นจะไปทำอะไรได้”
“แก!” สีหน้าของเจ้าสำนักฟานซีดไปด้วยความโกรธ เค้าพูดอะไรไม่ออก
“ฮ่าฮ่า เอาหละ พวกเราเองก็อายุมากแล้ว มาดูเกมส์ของเด็กๆกันเถอะ” เจ้าสำนักตงก็โบกมือขึ้นมาแล้วยิ้ม
ในตอนที่พูดคุยกันอยู่นี้เอง ทั้งสองคนก็มาถึงสถานที่ฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว
ฉินเฉิง มู่หรงจิ่นกับฟานยุนก็ยืนรออยู่ที่นี่
“เฮ้ พ่อของฉันให้เงินนายเท่าไหร่” ฟานยุนมองไปที่ฉินเฉิงแล้วถามขึ้นมา
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เธอแล้วพูดว่า “โรมยิมศิลปะการต่อสู้จะให้ค่านายหน้าฉันยี่สิบเปอร์เซ็น”
“เยอะขนาดนั้น!?” สีหน้าของฟานยุนก็เปลี่ยนไป “ทำไมนายถึงใจร้ายนัก?”
จากนั้นเธอก็ลากแขนของมู่หรงจิ่นและพูดอย่างร่าเริงว่า: “พี่จิ่น อย่าปล่อยให้เค้าลงมือนะ ถ้าเขาชนะ ตระกูลของเราจะต้องสูญเสียไปเยอะเลย!”
มู่หรงจิ่นก็ไม่พอใจเล็กน้อย ครั้งนี้เค้าเงินค่าตัวเพียง แค่หนึ่งแสนหยวนก็เท่านั้น ไอ่เด็กนี่มันได้มากกว่าเค้าอีก!
แต่การแข่งมันก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้วและมู่หรงจิ่นเองก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก เค้าลูบหัวของฟานยุนแล้วยิ้ม: “พี่จินลงมือเอง เรื่องนี้มันไม่ง่ายแน่นอน อย่างงั้นก็ให้น้องชายคนนี้ช่วยก็แล้วกัน”
ฟานยุนจ้องไปที่ฉินเฉิงอย่างดุเดือด แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ
ฉินเฉิงเองก็ไม่ได้สนใจเด็กน้อยแบบนี้เลย
ในตอนนี้เอง เจ้าสำนักตงกับเจ้าสำนักฟานก็มาถึง และศิษย์ของโรงยิมศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดก็เข้าประจำที่
“สองคนนี้เค้าเป็นลูกศิษย์ที่ฝีมือดีที่สุดของฉัน” เจ้าสำนักฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจ้าสำนักตงมองไปที่ฉินเฉิงกับมู่หรงจิ่น เค้าพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆว่า: “ลูกศิษย์ของหัวหน้าสำนักฟางนี่ยังคงเหมือนเดิมเลยนะ ผอมกระหร่อง”
เมื่อต้องเผชิญกับการเยาะเย้ยของเจ้าสำนักตง เจ้าสำนักฟางก็พูดอย่างไม่เต็มใจขึ้นมาว่า “นั่นมันก็ดีกว่าคนบางคน นี่ก็นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีใครได้เห็นมัน”
“หึหึ ลูกศิษย์ของฉันเค้าไปเปลี่ยนชุด อีกเดี๋ยวก็น่าจะมาแล้ว” เจ้าสำนักตงก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาพร้อมกับรูปร่างที่กำยำก็เดินเข้ามา
ผิวสีเข้มของเค้ามันก็ทำให้กล้ามเนื้อของเค้ามันดูราวกับก้อนเหล็ก
“นี่คือลูกศิษย์ของฉัน ว่านไห่” เจ้าสำนักตงก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ทันทีที่เห็นว่านไห่ มู่หรงจิ่นอุทานขึ้นมาว่า: “นายเองเหรอ?”
ว่านไห่มองไปที่มู่หรงจิ่นแล้วเยาะเย้ยขึ้นมาว่า: “นายใช่ไอ่ที่ตุ้งติ้งนั่นปะ อะไรกันนี่ ทำไมนายถึงได้มาเป็นคู่ต่อสู้ของฉันในวันนี้ได้?”
เจ้าสำนักตงก็ตกก็ตะลึง เค้าก็หัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง: “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าสำนักฟาง ดูเหมือนว่าลูกศิษย์ของนายจะรู้จักกับลูกศิษย์ของฉันนะ!”
เจ้าสำนักฟานก็แอบพูดเสียงสั่นขึ้นมาในใจ ฟังจากน้ำเสียงของว่านไห่แล้ว ดูเหมือนว่ามู่หรงจิ่นจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเค้า?
“หึหึ งั้นฉันขึ้นไปรอบนเวทีก็แล้วกัน” ว่านไห่เหล่ตาของเขาด้วยท่าทีที่อยากจะกินเนื้อคน
หลังจากที่ทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้แล้ว ว่านไห่ก็เดินไปอีกด้านตรงข้าม
การแสดงออกของเจ้าสำนักฟานก็ดูไม่ได้เลย เค้าขมวดคิ้วและมองไปที่มู่หรงจิ่น จากนั้นก็พูดว่า “เธอรู้จักเค้าเหรอ?”
มู่หรงจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “คนๆนี้เค้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของเจ้าสำนักตง อาจารย์ของเค้าเป็นปรมาจารย์ด้านการฝึกกระดูกเหล็ก ว่ากันว่ากระดูกของเค้าแข็งราวกับเหล็ก”
“งั้น…เธอมั่นใจไหม?” เจ้าสำนักฟานก็ใถามขึ้นมาอย่างกังวลใจ
มู่หรงจิ่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของว่านไห่ แต่เค้าก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “มั่นใจหกสิบเปอร์เซ็น”
“อย่างงั้นก็ดี” เจ้าสำนักฟานก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าวันนี้ฉันแพ้ ฉันจะเปิดศูนย์ศิลปะการต่อสู้นี่ไม่ได้อีก”
มู่หรงจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า: “ไม่มีปัญหา ฉันจะ…ทำไม…ทำไม จู่ๆ ฉันก็ปวดท้อง…ไม่ ฉันต้องไปห้องน้ำ”
หลังจากที่พูดประโยคนี้ขึ้นมา มู่หรงจิ่นก็หันหน้าแล้ววิ่งไป เจ้าสำนักฟานเองก็ห้ามเค้าไม่ทันเลย
“นี่…ฉันควรทำยังไงดี?” เจ้าสำนักฟานก็ดูเหมือนจะเสียศูนย์ ในตอนนี้เค้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี?
“ฮ่าฮ่าฮ่า เหล่าฟาน ลูกศิษย์ของนายนี่มีความสามารถไหม?” เมื่อเห็นแบบนี้ เจ้าสำนักตงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เจ้าสำนักฟานกัดฟันและพูดว่า: “ลูกศิษย์ของฉันไปห้องน้ำ หลังจากมาจากห้องน้ำ เค้ามาจัดการลูกศิษย์ของนายแน่!!”
คุณตงก็ฮัมเพลงขึ้นมา: “ไปเข้าห้องน้ำ เราไม่มีเวลารอเขามากนัก ทำไมที่โรงยิมศิลปะการต่อสู้ฟานถึงมีเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้ได้?”
“แกกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร!” คนที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็โกรธจัดและหนึ่งในนั้นกระโดดขึ้นไปบนสังเวียน
“ฉันเอง!” เขาพูดขึ้นมาแล้วจ้องไปที่ว่านไห่
ทันทีที่เค้าพูดจบ เค้าก็เหวี่ยงหมัดแล้ววิ่งกระโจนเข้าใส่ว่านไห่ หมัดของเค้ามันก็ซัดเข้าไปที่ท้องน้อยของว่านไห่
อย่างไรก็ตาม ว่านไห่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย เค้าไม่แม้แต่หลบเลยด้วยซ้ำ
“มีความสามารถแค่นี้เองเหรอ?” ว่านไห่เยาะเย้ยขึ้นมา เค้ายกมือขึ้นมาแล้วตบเข้าไปที่เด็กฝึก
ด้วยการตบนี้เอง เด็กฝึกงานของสำนักฟานก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกรถบรรทุกชน เลือดออกจากมุมปากของเค้า จากนั้นเค้าก็ล้มลงกับพื้น
“จบแล้ว” สีหน้าของเจ้าสำนักฟานก็ดูไม่ได้เลย นี่คือศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดที่มีอยู่ในมือของเค้า แค้โดนตบเข้าก็สลบไปแล้ว นี่มันจะไปสู้อะไรได้?
“ทำไมมู่หรงจิ่นยังไม่ออกมาอีก” เจ้าสำนักฟานก็ดูเป็นกังวลขึ้นมา
ฉินเฉิงก็ฮัมเพลงขึ้นมาเบา ๆ “คุณคิดว่าเค้ากล้าที่จะออกมาอย่างงั้นเหรอ?”
“นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร! พี่จิ่นของฉันเค้าไม่กลัวหรอก!” ฟ่านยุนพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
ผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้วและมู่หรงจิ่นก็ยังไม่มีท่าที่ว่าจะปรากฏตัว
เจ้าสำนักตงก็รอไม่ไหวแล้ว เขาเย้ยหยันขึ้นมาว่า: “ปากแข็ง! ฉันคิดว่าแกไม่ควรที่จะเปิดสำนักศิลปะการต่อสู้นี่อีกต่อไปนะ!”
เจ้าสำนักฟานก็พูดอะไรไม่ออก สีหน้าของเค้ามันดูไม่ได้เลย
“เจ้าสำนักฟาน ถ้านายสัญญาว่าจะให้ส่วนแบ่งกำไรหกสิบเปอร์เซ็นต์ของสำนักศิลปะการต่อสู้กับฉัน ฉันสามารถช่วยคุณจัดการได้” ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาเบา ๆ
“หกสิบเปอร์เซ็นต์ ทำไมแกไม่ไปตายซะ? ยิ่งไปกว่านั้น แกมีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรือไง?” ก่อนที่หัวหน้าสำนักฟานจะพูดอะไรออกมา ฟานยุนก็อดไม่ได้ที่จะด่าขึ้นมา
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เธออย่างเย็นชาและพูดว่า “ด้วยคำพูดของเธอ ราคามันก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเธอยังพูดอีกแม้แต่คำเดียว มันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ”
ฟานยุน: “แก…”
“แปดสิบเปอร์เซ็นต์” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่เย็นชา