ฟานยุนยังจะพูดต่อ แต่เจ้าสำนักฟานก็รีบปิดปากของเธาไว้
ตอนนี้มู่หรงจิ่นก็ไม่รู้ว่าหนีไปไหน ถ้ารอเค้ากลับมามันก็คงจะไม่ได้การ
อย่างงั้นเจ้าสำนักฟานก็เลยทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับฉินเฉิงเท่านั้น
“คุณคิดว่าคุณจะสามารถเอาชนะว่านไห่ได้จริงๆเหรอ?” เจ้าสำนักฟานพูดด้วยแววตาที่กระตือรือร้น
ฉินเฉิงเหลือบมองเขาและกล่าวว่า “ภายในสามกระบวนท่า”
สามกระบวนท่านี่ก็เป็นการตั้งความหวังกับว่านไห่เอาไว้สูงมากแล้ว
สีหน้าของเจ้าสำนักฟานก็เปลี่ยนไป มันดูราวกับว่าเค้ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของกำไร มันก็คือทั้งหมดของสำนักฟาน มันจะต้องตกกลายไปเป็นของฉินเฉิง!
แต่ถ้าหากพ่ายแพ้ ต่อไปตระกูลฟานก็จะต้องวุ่นวาย!
“เจ้าสำนักฟาน คุณไม่ได้มีเวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้มากนะ” ฉินเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
เจ้าสำนักฟานกัดฟันแล้วพูดว่า “ตกลง! ฉันสัญญา! แต่ฉันบอกเอาไว้ก่อนเลยนะ ถ้าหากพ่ายแพ้ ฉันจะไม่ให้เงินคุณสักหยวนเลย”
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไรและกระโดดลงจากอัฒจันทร์ทันทีและตรงไปที่สังเวียน
“พ่อค่ะ พ่อเชื่อเค้าเหรอ!” ฟานยุนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าของเธอดูไม่พอใจ
เจ้าสำนักฟานก็ถอนหายใจเล็กน้อย: “มันมีแค่เค้าเท่านั้นที่จะกอบกู้สถานการณ์ตอนนี้ได้”
เค้าเองก็ได้เห็นความสามารถของฉินเฉิงแล้ว ดังนั้นในใจเค้าก็เปรียบเทียบความแข็งแกร่งนี่เอาไว้แล้ว
หากเป็นเพียงแค่ระดับขึ้นอย่างในตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงวันนั้น ฉินเฉิงอาจจะไม่สามารถเอาชนะว่านไห่ได้เลย
ในตอนนั้น ฉินเฉิงก็อยู่ในระดับขั้นที่สามของการบ่มเพาะพลังปราณก็เท่านั้น แต่ตอนนี้มันได้เพิ่มขึ้นถึงระดับที่เจ็ดแล้ว! ความแข็งแกร่งของเค้ามันสามารถบอกได้เลยว่ามันแตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง!
“จะส่งไอ่เด็กนี่ไปตายอย่างงั้นเหรอ?”
“หมัดของว่านไห่มีขนาดพอๆกับหัวของเด็กนั่นเลย ถ้าโดนต่อยเข้าไป ไม่พิการก็ตาย?”
“หึหึ ยอมตายแลกเงิน ไอ่เด็กนี่มันต้องการเงินจนยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก! กลัวมันจะไม่มีชีวิตรอดหละสิ!”
เมื่อคนที่เฝ้าดูอยู่มองเห็นฉินเฉิง พวกเค้าก็อดหัวเราะไม่ได้
พวกเค้าเป็นศิษย์ของโรงยิมศิลปะการต่อสู้ พวกเค้าไม่มีตัวตนอะไรในสังคมเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเค้าก็เลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง
“มู่หรงจิ่นอยู่ที่ไหนกันนะ?” เมื่อเห็นฉินเฉิงก้าวขึ้นไปบนสังเวียน ว่านไห่ก็ถามขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
ฉินเฉิงกล่าวว่า “มันไม่กล้าหรอก”
“หึหึ มันไม่กล้า แต่แกกล้าขึ้นมาตายอย่างงั้นเหรอ?” ว่านไห่กำหมัดของเค้าที่มีขนาดใหญ่เท่าหม้อ แววตาสีเข้มของเค้ามันดูราวกับอีแร้งที่ต้องการล่าสัตว์
“เรื่องไร้สาระอย่าพูดมาก” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา “ลงมือกันเลยเถอะ”
ว่านไห่หัวเราะและพูดว่า “หลายปีที่ผ่านมานี้ แกเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน! ในเมื่อแกอยากตาย ฉันก็จะสนองให้!”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็เบ่งกล้ามแล้วฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายของเค้าออก
กล้ามเนื้อที่แข็งแรงของเค้า มันดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเมื่อมองดูคู่ไปกับผิวสีเข้มของเค้า
เส้นเลือดก็นูนออกมาตามกล้ามเนื้อมันดูราวกับมังกร
“กล้ามเนื้อที่สมบูรณ์แบบ!” มันก็มีคนร้องอุทานขึ้นมา
เจ้าสำนักฟานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดเบาๆขึ้นมาว่า “นี่คือการฝึกแบบเหิงเหรอ ว่ากันว่าร่างกายมันจะเหมือนกับแผ่นเหล็กที่ไม่มีใครทำอะไรได้เลย”
“น่ากลัวมากเลย!” ฟานยุนอ้าปากพูดขึ้นมา เธอร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจ แขนใหญ่กำยำที่แข็งแรงนี้มันมีขนาดเกือบเท่าเอวของเธอ! ถ้าหากว่าโดนต่อยเข้าไปหละก็ นี่มันจะตายไหม?
“ไอ่เวร ตอนนี้แกยังเสียใจทันอยู่นะ” ว่านไห่ลูบหมัดของเค้าแล้วพูดเยาะเย้ย
นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้าสู่ระดับขั้นที่เจ็ดของการบ่มเพราะพลังปราณ ร่างกายของฉินเฉิงมันก็เปลี่ยนไป
แม้ว่ามันจะไม่แตกต่างอะไรมาก แต่ความหนาแน่นของกล้ามเนื้อและกระดูกนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลย!
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มีฝีมือที่ฝึกแบบเหิงมา แววตาของเฉิงก็มองไปที่ว่านไห่อย่างเฉยเมย
“แกกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้แบบเหิง งั้นฉันก็จะใช้กล้ามของฉันเอาชนะแกก็แล้วกัน!” น้ำเสียงของฉินเฉิงดูเรียบง่าย แต่ก็หยิ่งยโส!
จากนั้นว่านไห่ก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา: “แกกำลังดูถูกฉัน ดูถูกศิลปะการต่อสู้แบบเหิง! ไอ้เวร ในเมื่อแกโอหังมากขนาดนี้ อย่าโทษฉันถ้าฉันเล่นแรงก็แล้วกัน!”
ทันทีที่เสียงหายไปนี้เอง เขาก็กำหมัดแล้ววิ่งตรงเข้าไป!
หมัดอันมหึมานี้ มันก็ทำให้เกิดลมขึ้นมา แม้แต่เสียงแตกมันก็ดังขึ้นรอบๆหมัด!
“มันเป็นพลังที่น่ากลัวมากจริงๆ!” เจ้าสำนักฟานก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นมา “ฉันมองไม่ออกเลยว่าฉินเฉิงจะสู้กับเค้ายังไง”
ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง เค้าก็นั่งวิเคราะห์อย่างใจจดใจจ่อ
ร่างกายของฉินเฉิงค่อนข้างบอบบาง อย่างงั้นฉินเฉิงก็น่าจะมีความยืดหยุ่นที่มากกว่า ถ้าเค้าหลบหมัดนี้แล้วโจมตีเข้าไปที่เอว เค้าก็ยังมีโอกาสชนะ!
อย่างไรก็ตาม ศิลปะการต่อสู้แบบเหิงของฉินเฉิง มันแตกต่างไปจากที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
เขายังยกกำปั้นขึ้นและชกเข้าใส่ว่านไห่โดยตรง!
แขนที่แข็งแรงกำยำของว่านไห่ มือที่เรียวยาวของอฉินเฉิง มันกระทบเข้าหากันอย่างรุนแรงจนคนดูไม่สามารถที่จะทนดูได้เลย!
“ไอ่เด็กนี่มันแข็งแกร่งจริง? หรือว่ามันบ้าไปแล้วเหรอ?!” สีหน้าของเจ้าสำนักฟานก็เปลี่ยนไป ทันใดนั้นเค้าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ฉินเฉิงเป็นลูกเขยของตระกูลซู ถ้าเค้ามาตายวันนี้ที่นี่ ตัวเองจะอธิบายให้ตระกูลซูฟังได้ยังไงกัน?
ในตอนนี้เอง หมัดทั้งของทั้งสองก็ได้ประทะกัน
ในตอนที่กระแทกกันนี้เอง มันก็มีเสียงดังขึ้นมาแล้วทั้งสังเวียนมันก็เหมือนจะสั่น!
“บูม!”
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆและจ้องไปที่สังเวียน
“ไอ่เด็กนั่นมันตายแล้วใช่ไหม?” แทบจะทุกคนต่างก็คิดแบบนี้
แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกเค้า มันก็ทำให้พวกเค้าตะลึงจนแทบอ้าปากค้าง
“อา!!!” เสียงของว่านไห่คร่ำครวญดังขึ้นมา มันก็ดึงให้พวกเค้ากลับมามีสติอีกครั้ง
แขนของฉินเฉิงที่เป็นเหมือนกับไม่จิ้มฟัน ที่จริงแล้วมันเจาะหมัดของว่านไห่เข้าไปโดยตรง! รอยบุ๋มพร้อมเลือดที่น่าสะพรึงกลัวถูกทิ้งไว้ในหมัดของว่านไห่!
กระดูกของข้อมือทั้งหมดมันก็แตกสลายไปในทันที แขนของเค้าชาจากความเจ็บปวด!
“นี่…” เจ้าสำนักฟานกลืนน้ำลาย คนที่บอกว่าร่างกายแข็งแกร่งที่สุดก็ถูกหมัดของฉินเฉิงซัดเข้าไป? นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน
“พระเจ้า นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว…” ลูกศิษย์คนอื่นๆต่างก็ตะลึงงันราวกับไม่อยากจะเชื่อในฉากนี้
ฉินเฉิงก็มองไปที่ว่านไห่อย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นี่คือการฝึกแบบเหิง มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย”
ว่านไห่เจ็บปวดเกินกว่าจะพูดออกมาได้ เค้าคุกเข่าลงไปที่พื้น เหงื่อก็ไหลหยดลงมาบนพื้นราวกับเม็ดฝน
“ฮ่าฮ่า เจ้าสำนักตง ดูเหมือนลูกศิษย์ของฉันจะแข็งแกร่งกว่านะ!” เจ้าสำนักฟานก็จึงตะโกนบอกกับเจ้าสำนักตง
เจ้าสำนักตงหน้าซีด เค้าใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ว่านไห่มาสู้ในการแข่งครั้งนี้และก็ยังใช้เส้นสายอีกมากมาย
คิดไม่ถึงเลยว่าแผนการทั้งหมดที่เค้าเตรียมมามันจะถูกทำลายลงด้วยหมัดเพียงแค่หมัดเดียว
“กลับไปฝึกมาให้ดีเถอะ” ฉินเฉิงมองดูว่านไห่ หลังจากที่เค้าพูดจบ เค้าก็เดินออกจากสังเวียน
“คุณฉิน ฉันต้องขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้ฉันดูถูกคุณเอาไว้ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร…” เจ้าสำนักฟานก็พูดขึ้นมาแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินเฉิงมองดูอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก งั้นคุณก็จ่ายเงินสำหรับความผิดพลาดของคุณก็แล้วกัน ตั้งแต่วันนี้แปดสิบเปอร์เซ็นของรายได้โรงยิมศิลปะการต่อสู้จะตกเป็นของฉัน ทุกเดือนจะต้องเอาไปส่งที่ชุมชนหลงไห่”
เจ้าสำนักฟานก็เปิดปากของเค้าขึ้นมา เค้าต้องการต่อรอง แต่เค้าก็มองเห็นแววตาทที่เย็นชาของฉินเฉิง นี่มันก็ทำให้เค้าไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลยซักคำ
“ฮ่าฮ่า ฉันกลับมาแล้ว ว่านไห่กลับไปแล้วหรือยัง? ฉันพร้อมจัดการมันแล้ว!” ในตอนนี้เอง มู่หรงจิ่นก็เดินออกมาอย่างสง่างาม