น้ำเสียงของฉินเฉิงเยือกเย็น คุณปู่ซูจึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “หรือรู้เหรอว่าเป็นฝีมือของใคร?”
“ครับ” ฉินเฉิงตอบกลับไป “อีกสักครู่ผมจะจัดการให้กับคุณ และก็จัดการให้กับตัวผมเองด้วย”
พูดจบฉินเฉิงก็วางสายโทรศัพท์ลง
พิงเบาะบนรถ สีหน้าของฉินเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ
“ขับเร็วอีกหน่อย” ฉินเฉิงพูดออกมา
“ได้ครับ…” จินฮู่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ก้มหน้าและขับต่อไป
“คุณฉิน ตรงนี้ห่างจากเมืองหลวง อยู่ไกลพอสมควร คุณไม่นอนสักพักหรอ?” จินฮู่ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
ฉินเฉิงโบกมือ ตอนนี้เขาโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว จะมาอารมณ์ไปนอนไหม
เมื่อจินฮู่เห็นท่าทางของฉินเฉิง เขาก็ไม่พูดอะไรอีกค่อไป เหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วทันที
….
เมืองหลวง บ้านตระกูลตี๋
ในค่ำคืนที่แสนจะดึกดื่น ในตอนนั้นไฟที่ห้องโถงยังคงเปิดอยู่ มีคนนั่งอยู่ด้านในไม่รู้ว่ากำลังนั่งรออะไรอยู่
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอน ทำไม พรุ่งนี้ไม่คิดจะตื่นมากันแล้วหรือไง?” ภรรยาของตี๋รุ้ยเจี๋ย จงเฉียนถามออกมาอย่างหมดความอดทน
ตี๋รุ้ยเจี๋ยหยิบถ้วยชาบนโต๊ะแล้วขว้างใส่หน้าจงเฉียนอย่างดุเดือด “วันวันเอาแต่เที่ยวเล่น สนุกสนาน ไม่รู้อะไรเลยสักอยู่ ยังจะกล้าพูดแบบนี้ออกมาอีกนะ! ถ้าพูดออกมาอีกหละก็ฉันจะตบปากเธอ!”
ใบหน้าของจงเฉียนเต็มไปด้วยความมึนงง เธอพูดออกมาว่า “ตี๋รุ้ยเจี๋ย! คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า! ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังจะเป็นอะไรอยู่อีก! คืนนี้ฉันไม่อยู่กับนานแล้ว!”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินขึ้นบันไดไป
ตี๋รุ้ยเจี๋ยโกรธจนหน้าแดงก่ำ เขาไม่มีอะไรจะพูด
“เรื่องเป็นอย่างไงบ้างแล้ว?” ตี๋รุ้ยเจี๋ยหันมาถามตี๋เชา
ตี๋เชาตอบไปทันทีว่า “ไม่สามารถติดต่อมือสังหารได้ แต่ผมติดต่อคนอื่นๆไปเขาบอกว่าตอนนี้คนของตระกูลหยางอยู่แถวนั้น และดูเหมือนว่าหยางอี้จะตายแล้ว”
ตี๋รุ้ยเจี๋ยพูดออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ฉันต้องการรู้สถานการณ์ทั้งหมด! รีบไปหามาซะ!”
“ได้ครับ….” ตี๋เชารีบหยิบโทรศัพท์และโทรออกไป
หลังจากนั้นตี๋เชาก็หันมาพูดกับตี๋รุ้ยเจี๋ยด้วยท่าทางแตกตื่น “พ่อ หยางอี้ตายแล้วจริงๆ! ได้ยินมาว่าคนของตระกูลหยางกำลังก่อปัญหา!”
ตี๋รุ้ยเจี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาลูบไปที่หน้าอกของเขา จากนั้นก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “หลังจากนี้ถ้าเจอคุณปู่ซู อย่าเท่าไปพูดอะไรไม่เข้าท่า! ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา ปฏิเสธออกไปให้หมด เข้าใจไหม?”
“เข้าใจครับ พ่อว่างใจเถอะ!” ตี๋เชารีบตอบกลับมา
และในตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ก็มีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านของตระกูลตี๋
ตี๋รุ้ยเจี๋ยและตี๋เชารีบออกไปต้อนรับ ทั้งสองแกล้งทำเป็นกังวล “คุณปู่ซู คุณต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีๆนะ อย่าเป็นกังวลมากเกินไป”
คุณปู่ซูมองมาที่ทั้งสองคนอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้นและเดินเข้าไปที่ห้องโถง
สองพ่อลูกมองหน้ากัน จากนั้นก็เดินตามเข้าไป
“คุณปู่ซู เจ้าฉินเฉิงนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ คุณเองซูวานไปฝากไว้กับเขา แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! ” ตี๋เชาพูดออกมาไม่หยุด “แต่ว่าคุณปู่วางใจได้ ผมได้บอกให้ทุกคนที่ผมรู้จักออกไปตามหาคุณหนูซูแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะหาเจอ”
คุณปู่ซูพูดออกอย่างเยือกเย็น “ไม่จำเป็น ตอนนี้ฉินเฉิงช่วยซูวานออกมาได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณปู่ซูสีหน้าของตี๋เชาก็น่าเกลียดทันที
ฉินเฉิงช่วยซูวานออกมาแล้ว? เขาหาซูวานเจอได้อย่างไร?
“โชคดีที่พอของฉันจัดการได้ทันท่วงที” ตี๋เชารู้สึกกลัวเล็กน้อยถ้าหากพ่อของเขาไม่หาคนไปจัดการกับหยางอี้ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะถูกจับได้ไปแล้ว!
“ช่วยออกมาได้ก็ดีแล้ว” ตี๋รุ้ยเจี๋ยรีบพูดออกมาทันที เขารินน้ำชาให้คุณปู่ซูด้วยตัวเอง ยิ้มและพูดออกมาว่า “ในเมื่อช่วยซูวานออกมาได้แล้ว งั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลใจ”
คุณปู่ซูยกแก้วน้ำชาขึ้นและมองมาที่ตี๋รุ้ยเจี๋ยอย่างเย็นชา “ฉันอายุมากแล้ว อีกไม่นานก็คงต้องตาย ฉันเองก็ไม่ได้อะไรมากนานแล้ว แต่ซูวานเป็นหลายสาวเพียงคนเดียวของฉัน ใครก็ตามที่กล้ามาแตะต้องเธอ ต่อให้ฉันอายุมากแค่ไหน ไม่มันก็ฉันจะต้องมีคนตายไปข้างหนึ่ง”
คำพูดที่ธรรมดาแต่ทำให้ตี๋รุ้ยเจี๋ยเหงื่อไหลไปทั่วทั้งตัว
สีหน้าของตี๋รุ้ยเจี๋ยดูไม่ดี ดูท่าครั้งนี้คุณปู่ซูคงไม่ได้ใจดีเหมือนอย่างก่อนๆ
นานแล้วที่เขาออกมาโดยไม่ต้องมียอดฝีมือไว้ข้างกาย แต่วันที่เขามาที่บ้านตระกูลตี๋วันนี้ เขาเอายอดฝีมือมาด้วยสองคน!
“ตี๋เชา เรื่องนี่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายใช่ไหม?” จู่ๆคุณปู่ซูก็เอ่ยปากถามออกมา
ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่ตี๋เชาอย่างเย็นชา ทำให้ตี๋เชาตกอยู่ในสภาพที่พูดอะไรไม่ออก เหงื่อไหลออกมาเต็มตัว
“คุณ…คุณปู่ซู คุณปู่กำลังพูดอะไร…” ตี๋เชารีบโบกมือ “คุณปู่ก็รู้ ผมเองก็ชอบซูวานมาตั้งนานแล้ว และผมจะไปทำร้ายเธอทำไม…”
คุณปู่ซูหรี่ตาและพูดออกมาว่า “ใช่เหรอ? ฉันไม่ชอบให้ใครโกหกฉันนะ”
สีหน้าของตี๋เชาน่าเกลียดอย่างสุดขีด เหงื่อบนหน้าผากไหลออกมาไม่ยอมหยุด
ส่วนตี๋รุ้ยเจี๋ยที่อยู่ข้างๆเองก็หนักใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากเกิดพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียวเกรงว่าวันนี้คงจะเป็นวันสิ้นสุดของตระกูลตี๋!
“คุณปู่ซู ทำไมคุณปู่ถึงสงสัยผมหละครับ!” สุดท้ายตี๋เชาก็รวบรวมความกล้าและพูดออกมา “คุณปู่ซู คุณปู่ช่างทำร้ายจิตใจของผมเสียเหลือเกิน คนอย่างผมจะไปทำเรื่องแย่ๆแบบนี้ได้ยังไง? ผมรู้ว่าคุณปู่รักซูวานแค่ไหน แต่ผมเองก็รักซูวานไม่น้อยไปกว่าคุณเลย! ต่อให้ผมต้องบาดเจ็บจนเจียนตายมันก็ยังดีเสียกว่าจะไปทำให้ซูวานต้องเจ็บปวด!”
การแสดงออกของเขาแทบจะไร้ที่ติ
คุณปู่ซูวางแก้วน้ำลง พูดออกมาว่า “นายไม่เห็นต้องร้อนรนขนาดนั้นเลย ฉันแค่ถามออกไปเฉยๆ แต่ฉันจะบอกพวกนายเอาไว้ เรื่องนี้ยังไงก็ต้องสืบให้ถึงต้นตอของมันให้ได้”
“คุณปู่ซู ต่อให้คุณไม่ทำ ตระกูลตี๋ของผมก็กะจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว!” ตี๋รุ้ยเจี๋ยยิ้มและพูดออกมา
คุณปู่ซูพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนและพูดออกมาว่า “เอาหละ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันเองก็คงต้องขอตัวก่อน ถ้าหากพวกนายมีข่าวสารอะไร จำไว้ให้บอกฉันอย่างเร็วที่สุด”
ตี๋รุ้ยเจี๋ยถอนหายใจรีบพยักหน้าและตอบออกไปว่า “ได้ครับ คุณปู่ซูวางใจ ในเรื่องนี้ฉันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตามหาฆาตกร!”
คุณปู่ซูตอบรับและเดินจากไป
“หู้วววว ตาแก่คนนี้ทำเอาตกใจแทบแย่” ตี๋เชาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาที่มุมปาก
และในตอนนั้นก็มีรถอีกคันขับมาจอดที่หน้าประตูของเขา
เสียงดังเบรกดังมาก และฝุ่นผงก็บดบังการมองเห็น
หลังจากที่ฝุ่นจางหายไป ก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถ
“ฉินเฉิง? นายมาที่นี่ทำไม?” หลังจากที่เห็นชัดแล้วว่าเป็นใคร คุณปู่ซูก็ถามออกไปด้วยความตกใจทันที
ฉินเฉิงไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาเดินเข้าไปในห้องโถงของบ้านตระกูลซู
ตี๋เชากำลังนั่งอยู่บนโซฟายกขาขึ้นมาไขว้กัน เขายกนิ้วชี้ไปที่หน้าของฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “แกมาที่นี่ทำไม? ฉันกำลังอยากจะคิดบัญชีกับนายพอดี นายมันก็แค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แต่กล้ามาทำให้ซูวานต้องเจ็บปวดแบบนี้ นายรอดูเลยว่าฉันจะ….”
“ปัง!” ตี๋เชายังไม่ทันพูดจบ ฉินเฉิงก็เตะไปที่ท้องของเขาทันที