ซูหยูแปลใจเล็กน้อย ที่จู่ๆฉินเฉิงก็ปรากฎตัวขึ้น
“อะไร นี่คือคนใช้เธอเหรอ? หรือว่าบอดี้การ์ด?” ซูหยู่เดา
ฉินเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา: “ฉันเป็นแฟนของเธอ”
“แฟนเหรอ?” ซูหยู่ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก เขามองไปที่ฉินเฉิงและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า ตระกูลซูที่สง่างามจะเอาผู้ชายแบบนี้เหรอ?”
“อวดดี!” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าโกรธขึ้นทันที และก้าวตัวไปข้างหน้า
ฉินเฉิงหยุดเขา ส่ายหัวแล้วพูดว่า “นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
ซูหยูหายใจเข้าออกอย่างเย็นชา เขาเหลือบมองหินที่ติดบนกำแพง พยักหน้าและกล่าวว่า “นายมีทักษะไม่เลว ที่ปีนังแห่งนี้ ยังมีคนเก่งกาจแบบนี้อยู่น่าแปลกใจจริงๆ”
ฉินเฉิงก้าวเข้าไปข้างหน้า เขามองที่ซูหยู่อย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ถ้าคุณกล้าที่จะดูหมิ่นซูวาน คุณคงจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
“ฉัน? ออกจากที่นี่ไม่ได้เหรอ?” ซูหยู่ดูเหมือนจะได้ยินจะเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก “เจ้าหนุ่มน้อยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อะไรที่ทำให้นายผยองได้ขนาดนี้?”
ขณะเดียวกัน ชายชราสองคนในชุดจีนโบราณก็ก้าวไปข้างหน้า
ซูวานเดินไปหาฉินเฉิงอย่างรวดเร็ว เธอส่ายหัวและส่งสัญญาณว่าฉินเฉิงอย่าประมาท
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป
ชายชราสองคนในชุดจีนโบราณพุ่งกำปัั้นเข้าไปเพื่อจะ”ซัด”ฉินเฉิง
สิ่งแรกที่ฉินเฉิงทำคือปกป้องซูวาน เขายกแขนสองข้างขึ้น ตอนนี้ต้องสู้กันหนึ่งต่อสอง!
“อัก!”
กำปั้นทั้งสี่พุ่งเข้าใส่จนเกิดเสียง
ฉินเฉิงถอยออกไปสองก้าวทีละก้าว ตัวของเขาชา
ชายชราสองคนในชุดจีนโบราณถอยหลังไปสี่หรือห้าก้าวเพื่อทรงตัว
ซูหยู่เบิกตากว้างยิ่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เลว ไม่เลว” ซูหยู่ปรบมือ “ไม่แปลกใจว่าทำไมซูวานถึงเลือกนาย อืม ทักษะนี่เพียงพอสำหรับที่นี่แล้ว”
สีหน้าของฉินเฉิงก็ไม่สู้ดีนัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เพียงแค่หมัดเดียว ก็ทำให้ตัวเขาชาได้
“แน่นอน ในสายตาของฉัน นายไม่มีค่าอะไรเลย ” น้ำเสียงของซูหยู่เย็นชา “สำหรับนาย ฉันจัดการได้ไม่ยากหรอก”
ฉินเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จริงเหรอ? ฉันเพิ่งเริ่มเข้าสู่เส้นทางทางนี้ได้เพียงสองเดือนเท่านั้น แต่เขาสองคน น่าจะสักสิบปีได้มั้ง? ”
“แล้วไง?” ซูหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันบอกแล้วไง นายไม่มีค่าในสายตาฉันเลย”
ฉินเฉิงกำหมัดแน่น
ซูหยู่เหลือบมองและพูดเบา ๆ “ถ้านายแน่ นายก็มาหาฉันที่จิงตู”
ฉินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “สองปี มากสุดสองปี”
“ห๊ะ?” ซูหยู่ทำเหมือนยังไม่เข้าใจ
ฉินเฉิงพูดอย่างเย็นชา “อีก 2 ปีหลังจากนี้ ฉันจะไปหาคุณที่จิงตู”
“เยี่ยม” ซูหยู่มองที่ฉินเฉิงด้วยความสนใจ “ไม่เจออะไรแบบนี้มาหลายปีแล้ว! ดี งั้นอีกสองปี ฉันจะรอนายที่จิงตู ฉันจะบดขยี้ความมั่นหน้าของนายด้วยตัวฉันเอง ”
หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือ ชายชราสองคนในชุดจีนโบราณก็เดินเข้ามา
ก่อนจากไป เขามองกลับมาที่ซูวาน “ฉันฝากบอกคุณปู่ซูด้วย ไม่ว่าอย่างไง ตระกูลซูต้องเป็นของฉัน ”
หลังจากพูดจบเขาก็ผลักประตูที่พัง แล้วเดินออกไป
เมื่อมองไปที่รถที่ขับออกไปช้าๆ สีหน้าของฉินเฉิงยังคงนิ่งเฉย
“พวกเขาเป็นคนขอตระกูลซู” ซูวานกล่าว
ฉินเฉิงจึงพูดต่อ “นี่คือตระกูลใหญ่ในจิงตูใช่ไหม?”
ขนาดบอดีการ์ดสองคนยังแข็งแกร่งเช่นนี้ ถ้าอยู่ที่นั่น จะมีคนมีฝีมือมากมายขนาดไหน?
นอกจากนี้ ทุกสิ่งที่เขามีตอนนี้ฉินเฉิงก็ไม่สามารถเทียบได้
เมื่อคิดดังนั้น ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดของเขาไว้
“จิงตู…” ฉินเฉิงมองไปด้านหน้าด้วยความมุ่งมั่น
“ใช่สิ จี้หยกนี้คืออะไรเหรอ?” ซูวานเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
ฉินเฉิงยิ้มและกล่าวว่า “เครื่องราง มันจะปกป้องช่วยให้คุณปลอดภัย”
ถ้ามีเครื่องรางนี้ แม้แต่ฉินเฉิงก็ไม่สามารถทำร้ายซูวานได้
บนโลกนี้ จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น
คืนนั้น ฉินเฉิงนอนพลิกไปพลิกมา นอนไม่หลับ
ในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นจากเตียง เปิดตู้ออก ก็เจอเห็ดหลินจือชั้นเยี่ยม
“ตอนแรกก็ว่าจะรอ แต่ตอนนี้รอไม่ไหวแล้ว” ฉินเฉิงคิดกับตัวเองพร้อมถือเห็ดหลินจือนี้
ความตั้งใจเดิมของฉินเฉิงคือลมปราณเพื่อปรุงแต่งยาสำหรับเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา นั่นถึงจะเป็นวิธีที่เหมาะกับเห็นหลินจือพันปีนี้
แต่ตอนนี้ ฉินเฉิงไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้นแล้ว เขาต้องการใช้เวลาที่สั้นที่สุดเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของเขา
ท่ามกลางแสงจันทร์ ฉินเฉิงใช้วิธีการดั้งเดิม ในการทำยานี้
ใช้เวลาทั้งคืน ยานี้ก็สำเร็จ
กลิ่นหอมของยาอบอวนไปทั่วภูเขาหลงไห่ หมอกบางๆก่อตัวขึ้น
ฉินเฉิงเหยียดมือออกและคว้ายาบำรุงธาตุนี้ไว้ในมือ
“ถ้ากินยานี้ลงไป ฉันจะต้องไปสู่พลังลมปราณระดับ9 ” ฉินเฉิงคิดกับตัวเอง
แต่ในเวลานี้ท้องฟ้าสดใส ฉินเฉิงต้องการเก็บยาไว้ก่อน
หลังจากทำอาหารเช้าให้ซูวาน ฉินเฉิงก็นั่งบนโซฟาและดูทีวี
หลังจากนั้นไม่นาน ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ตื่นและเดินออกมา
“เตรียมตัวให้พร้อม อีกไม่กี่วันเราจะไปเมืองเจียงกัน” ฉินเฉิงกล่าวพร้อมกับจิบน้ำ
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ครับ”
ในขณะนี้มีเสียงเคาะประตู
เมื่อมองไป ก็เห็นชายชุดดำสองคนยืนอยู่ที่ประตู
“ใช่คุณฉินหรือเปล่า” ชายสองคนถาม
ฉินเฉิงจึงถามไปว่า “พวกนายเป็นใคร?”
ทั้งสองกล่าวว่า “เราเป็นตัวแทนของคุณฟางจิ้งเหยา หัวหน้าสำนักงานความมั่นคงประจำเมือง คืนนี้อยากเชิญคุณและคุณซูไปงานเลี้ยง”
“สำนักงานความมั่นคง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน “มีอะไรกับฉันหรือเปล่า?”
“เราก็ไม่แน่ใจ มีหน้าที่แค่มาบอกเท่านั้น” ทั้งสองโค้งคำนับ เขาหยิบจดหมายเชิญสองฉบับออกมาแล้วยื่นให้ฉินเฉิง จากนั้นก็ออกไป
ฉินเฉิงเข้ามาในบ้านและเอาจดหมายเชิญให้ซูวานแล้วพูดว่า “ฟางจิ้งเหยาเชิญเราไปงานเลี้ยงอะไร คุณรู้จักเขาไหม”
ซูวานรู้สึกประหลาดใจ: “รู้ไหม ฟางจิ้งเหยาเคยเป็นลูกศิษย์ของปู่ของฉัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่สำนักงานความมั่นคงประจำเมือง เขามาทำไมกัน?”
“ศิษย์ของคุณปู่ซู?” ฉินเฉิงก็โล่งใจ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดร้ายแน่ๆ
ในตอนเย็นฉินเฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปงานเลี้ยงกับซูวาน
สิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงประหลาดใจก็คือ ไม่เพียงแต่ผู้คนจากปีนังเท่านั้น แต่ยังมีบุคคลสำคัญจากเมืองหลวงมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย