“ฟางจิ้งเหยาคนนี้ เค้ามีชื่อเสียงมากในเมืองเอกของมณฑล” ซูวานก็พูดขึ้นมา เธอพลางจับแขนของฉินเฉิงเบา ๆ
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ยังไงก็เป็นคนของสำนักงานความมั่นคง”
แต่ครั้งนี้เค้าก็เป็นคนเชิญมาด้วยตัวเองแล้วก็ไม่รู้เลยว่านี่มันเพื่ออะไรกัน
หลังจากเข้าไปในห้องโถง ฉินจุนก็เจอเข้ากับใบหน้าแปลกๆที่ไม่คุ้ยเคยมากมาย
มีคนที่มาจากเมืองปีนังไม่มากนัก นอกจากคนในเมืองพวกนี้แล้ว เค้าก็แทบจะไม่เคยเจอใครมาก่อนเลย
“คุณหนูซู” ซูวานเธอเป็นเหมือนกับไข่ในหินของชายชราซู แม้จะอยู่ในเมืองเอกของมณฑลแล้วก็เป็นชนชั้นนำอีกด้วย แบบนี้เองก็เลยมีหลายคนรู้จักแล้วรีบเข้ามาทักทายเธอ
ซูวานยังคงดูสง่างาม เธอกล่าวสวัสดีและทักทายแต่ละคน
“คุณหนูซู” ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะอายุสิบแปดหรือสิบเก้าปีก็เข้ามาทักทาย
ซูวานพยักหน้าแล้วพูดว่า: “คุณไม่ไปโรงเรียนเหรอ? คุณมาที่นี่ทำไม”
เค้าเกาหัวเล็กน้อยอย่างเขินอาย: “พ่อของฉันยืนกรานว่าจะต้องเอาฉันมาที่นี่ให้ได้ เขาต้องการหาโอกาสส่งฉันไปเรียนที่สำนักงานความมั่นคงเสมอ อย่างงั้นก็เลย…”
ซูวานพยักหน้า มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนี้มากนัก
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มก็มองไปที่ฉินจุนและพูดอย่างสุภาพว่า: “นี่น่าจะเป็นแฟนของคุณหนูซูสินะ ฉินเฉิงใช่ไหม?”
คำว่า “แฟน” คำๆนี้มันก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“นายรู้จักฉัน?” ฉินเฉิงถาม
ชายหนุ่มก็ยิ้มและพูดว่า “ชื่อของคุณดังมากในเมืองเอกของมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องตระกูลตี๋ก่อนหน้านี้”
“ตระกูลตี๋?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “นี่มันหมายความว่ายังไง?”
ชายหนุ่มก็อธิบายว่า: “คุณฉิน อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉินแค่ต้องการทำความรู้จักกับคุณก็เท่านั้น”
เค้ารีบแนะนำตัวเองขึ้นมาในทันที: “ผมชื่อหลิวหยาง”
ฉินเฉิงจับมือกับเค้าแล้วทักทาย
เค้านั่งลงที่โต๊ะเดียวกันกับฉินเฉิง จากนั้นก็เทน้ำแก้วหนึ่งในกับฉินเฉิงด้วยตัวของเค้าเอง
“คุณฉิน ฉันต้องเตือนคุณบางอย่าง” ในตอนนี้เอง หลิวหยางก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าและโบกมือให้เค้า
หลิวหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “วันนี้ฟางจิ้งเหยามากับบี้เสี่ยวเหยา บี้เสี่ยวเหยาคนนี้ เค้าดังมากในหมู่คนรุ่นใหม่ในเมืองเอกของมณฑลด เค้ามีพวกอยู่มากมาย คนหนุ่มสาวจำนวนมากเคารพเค้าและเค้าก็เป็นที่รู้จักในฐานะพี่ใหญ่”
“แล้วไง?” ฉินเฉิงก็ถามขึ้นมา
หลิวหยางพูดอย่างเคร่งขรึม “เค้ากับตี๋เชาเป็นเพื่อนร่วมสาบานกัน ฉันเกรงว่า…”
“ตี๋เชา?” ฉินเฉิงก็นึกออกในทันใด
“แน่นอน นายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ฉันกับหัวหน้าฟางเองก็อยู่ที่นี่ เค้าไม่กล้าทำให้นายเสียหน้าหรอก” หลิวหยางก็ยิ้มขึ้นมา
ฉินเฉิงไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น เค้าเองก็เคยเห็นตระกูลซูในเมืองจิงตูมาก่อน
หลิวหยางเองก็อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย เค้าก็เดินออกไป
“หลิวหยางคนนี้ เค้าเป็นคนดีนะ” หลังจากที่เค้าจากไป ซูวานก็เล่าให้ฉินจุนฟังว่า
“ในมณฑลพ่อของเค้ารวยมาก แต่น่าเสียดายที่เค้าไม่ได้มีภูมิหลังอะไรที่ดีมากนักและเค้าเป็นนักธุรกิจที่ใสสะอาด สถานะของเค้าก็เลยไม่ได้สูงอะไรมาก” ซูวานก็เล่าต่อว่า “หลายปีมานี้ พ่อของเค้าก็คาดหวังเสมอเลยว่าจะสามารถผลักดันให้เค้าก้าวเข้ามาสู่เมืองเอกในมณฑลได้”
“นี่เป็นเหตุผลที่เค้าอยากไปเรียนที่สำนักงานความมั่นคง” ฉินเฉิงเคาะโต๊ะแล้วหัวเราะขึ้นมา
ซูวานก็พยักหน้า
ในใจฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
จากนั้นไม่น่นก็มีหญิงสาวในชุดรัดรูปที่เดินเข้ามา
เธอกอดแขนของซูวานและพูดอย่างอ่อนโยน: “พี่วานเอ๋อ!”
ซูวานก็ประหลาดใจแล้วพูดออกมาว่า: “เธอเองก็มาที่นี่ด้วยเหรอ?”
“หึหึ ฉันคิดถึงเธอนะ” หญิงสาวคนนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างร่าเริง
“ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก” ซู่วานยืนขึ้นแล้วพูดว่า “นี่คือลูกสาวของหัวหน้าฟาง ฟางจิ้งเหยา ฟางเสี่ยวเต๋อ”
ฟางเสี่ยวเต๋อกะพริบตา เธอมองไปที่ฉินจุนแล้วพูดว่า “นายคือฉินจุนเหรอ ดูไม่มีอะไรพิเศษเลยนะ! จะว่าไป ซุปที่นายให้กับพี่วานเอ๋อนั่นมันก็เยี่ยมยอดมากเลยนะ!”
“ไปได้แล้ว อย่าพูดไร้สาระ!” ซูวานก็พูดขึ้นมา
ฟางเสี่ยวเต๋อ แลบลิ้นของเธออย่างสนุกสนานโดยไม่พูดอะไร
“คุณหนูซู เชิญทางนี้หน่อยครับ” ในตอนนี้เอง คนสองคนแต่งตัวเหมือนเลขาก็เดินเข้ามาและพูดขึ้น
ซูวานพยักหน้า เธอลุกขึ้นและพูดกับฉินเฉิง: “รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมา”
“ได้” ฉินเฉิงตอบกลับ
หลังจากที่ซูวานจากไป ฉินเฉิงก็อยู่ที่นี่อย่างเบื่อหน่าย
ในตอนที่เค้ารู้สึกเบื่อหน่ายนี้เอง เค้าก็เหลือบมองผู้คนในงาน
ทันทีที่มองออกไป มันก็ไม่ต้องบอกเลยว่ามีคนที่มีฝีมือสูงมากแค่ไหน มันพอๆกันเลย อย่างน้อยๆก็พอๆกับชายที่มีรอยแผลเป็นบนหน้า อย่างน้อยก็มีมากกว่าสิบคนที่มีฝีมือ
คนจำนวนมากขนาดนี้ มันก็ต้องยิ่งระวังตัวมากขึ้น
“เฮ้!” ในตอนนี้เอง ฟางเสี่ยวเต๋อก็เตะขาของฉินเฉิงที่ใต้โต๊ะ
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “มีอะไรเหรอ?”
ฟางเสี่ยวเต๋อ “ฉันได้ยินมาว่านายแต่งงานแล้ว จริงเหรอ?”
ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ: “เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ฮะ เรื่องของนายหนะ ฉันแค่ตรวจสอบก็รู้แล้ว” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดอย่างเย่อหยิ่งมาก “นายรู้ไหมว่าพี่วานเอ๋อเธอเป็นใครมาจากไหน? เธอมาจากเมืองจิงตง นายมันก็แค่พ่อม่าย ยังกล้ามาคบกับพี่วานเอ๋ออีกเหรอ?”
ฉินจุนจ้องมองไปที่ฟางเสี่ยเตี๋ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
ฟางเสี่ยวเต๋อตบโต๊ะแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “แน่นอนว่ามันเกี่ยวกับฉันสิ! พี่วานเอ๋อคือเทพธิดาในดวงใจของฉัน ฉันไม่อยากให้เธอไปคบกับผู้ชายที่มีมลทิลอย่างนาย!”
ฉินเฉิงผายมือของเค้าออก มันเห็นได้ชัดเลยว่าฟางเสี่ยวเต๋อ เธอเป็นผู้หญิงนิสัยเสียและไม่มีเหตุผล เธอเอาแต่ทำตามใจตัวเอง ดังนั้นฉินจุนก็เลยไม่สนใจอะไรเธอ
เมื่อเห็นว่าฉินเฉิงไม่พูดอะไร ฟางเสี่ยวเต๋อก็พูดอย่างไม่อดทนว่า: “ชั่งมันเถอะ ฉันรู้ว่าพี่วานเอ๋อชอบนาย อย่างงั้นฉันจะยอมให้คบกับเธออย่างไม่เต็มใจ”
“เธอยอมอย่างไม่เต็มใจเหรอ?” ฉินจุนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ฟางเสี่ยวเต๋อก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ฉันมีเงื่อนไข นายต้องฆ่าเมียเก่าของนายซะ!”
“เธออายุแค่นี้เอง เธอพูดเรื่องฆ่าคนออกมาอย่างเต็มปากได้ยังไงกัน?” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
ฟางเสี่ยวเต๋อก็พูดอย่างโกรธเคือง: “ฉันไม่ได้พูดเล่นกับนาย! ถ้าเธอไม่ทำมัน อย่างงั้นมันก็หมายความว่านายยังมีใจให้กับเมียเก่าของนายอยู่! อย่างงั้นฉันจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้!”
“โอเค เอาเถอะเด็กน้อย” ฉินเฉิงโบกมือขึ้นมา
ฟางเสี่ยวเต๋อชี้ไปที่หน้าของฉินเฉิงและพูดว่า “ได้ นายเข้าใจว่าฉันกำลังพูดเล่นอย่างนั้สินะ ถ้านายไม่ทำ ฉันจะทำมันเอง!”
ฉินเฉิงเองก็มองว่าเธอยังเด็ก เค้าก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันมาก
จากนั้นไม่นาน ซูวานก็กลับมา
ฟางเสี่ยวเต๋อที่เดิมก็ยังแสดงท่าทีดุร้ายและชั่วร้าย ทันทีหลังจากเห็นซูวานกลับมาแล้ว เธอก็เปลี่ยนไปในทันที ท่าทางของเธอมันดูราวกับลูกแมวในอ้อมแขนของซูวาน
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เด็กคนนี้ตีหน้าเก่งจริงๆ ช่างเป็นพรสวรรค์จริงๆ!
“พี่ว่านเอ๋อ ฉันต้องไปหาพ่อก่อน หลังงานเลิกแล้วเราค่อยคุยกันนะ” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดขึ้นมาหลังจากที่เธอมองดูโทรศัพท์
“อืม ไปเถอะ” ซูวานก็ยิ้มขึ้นมา
หลังจากที่ฟางเสี่ยวเต๋อไปแล้ว ฉินเฉิงก็อดยิ้มไม่ได้แล้วพูดว่า “เพื่อนของเธอน่าสนใจมากเลยนะ”
ซูวานมองฉินเฉิงและพูดว่า: “อย่ามองเธอว่าน่ารักเลย เธอมีรอยแผลที่มืดมนในใจของเธอ เธอเป็นที่รู้จักกันในชื่อยัยแม่มดตัวน้อย คนรุ่นใหม่ตั้งฉายาให้เธอว่า ยัยแม่มดเลือดผสม”
“ที่แท้เธอก็รู้นี่เอง” ฉินเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น
ซูวานขมวดคิ้ว: “เธอมาพูดอะไรกับนายอย่างงั้นเหรอ?”
ในตอนที่ฉินเฉิงกำลังจะพูดนี้เอง มันก็มีเสียงที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นมา เมื่อมองไปรอบๆ ก็มองเห็นชายวัยกลางคนเดินเข้ามา
เค้ายืนตัวตรง สีหน้าของเค้าดูไม่โกรธเคืองและไม่เสแสร้ง แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้า มันก็ยังทำให้คนไม่กล้ามองไปที่หน้าของเค้าเลย
“นี่คือฟางจิ้งเหยา?” ฉินเฉิงมองไปที่ชายวัยกลางคนๆนั้น