ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม – ตอนที่ 72 กลับไปเชิญมาใหม่!

การปรากฏตัวของฟางจิ้งเหยา ทำให้ทั้งงานมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที หลายคนต่างก็เข้ามาทักทายเค้า

ซูวานก็ถามว่า: “นายอยากจะเข้าไปทักทายเค้าหน่อยไหม”

“ไม่หรอก” ฉินเฉิงปฏิเสธโดยไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

เค้าแตกต่างไปจากคนอื่นๆที่ต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ฉินเฉิงเองก็แข็งแกร่ง เค้าเลยไม่เกรงกลัวอะไรกับเรื่องพวกนี้

ดังนั้นไม่ว่าเป็นใคร ในความคิดของฉินเฉิงพวกเค้าก็ไม่ต่างกัน ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน

จากนั้นไม่นาน ฟางจิ้งเหยาก็จ้องมองไปที่ฉินเฉิง

“เด็กคนนี้ ไม่รู้เลยหรือไงว่าต้องเข้ามากล่าวทักทายคุณฟาง?” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจมาก

คนที่พูดก็คือปี้เสี่ยวเหยา

“ไป ไปเอาตัวมันมาให้ฉัน!” ปี้เสี่ยวเหยาก็โบกมือขึ้นมา

“ครับ!” บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างเค้าสองสามคนก็คำนับ

“หยุด” ทันใดนั้นเอง ฟางจิ้งเหยาก็สั่งให้สั่งให้ทั้งสองคนหยุด

เค้าขมวดคิ้วขึ้นมาและมองไปที่ปี้เสี่ยวเหยา จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบเค้า แต่เค้าเป็นหลานเขยของนายท่านซู เข้าใจไหม?”

ปี้เสี่ยวเหยากำหมัดแน่นแล้วไม่พูดอะไร

“ไปเชิญเค้ามา” ฟางจิงเหยาก็โบกมือขึ้นมา

ปี้เสี่ยวเหยาก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เดินเข้าไปทางฉินเฉิง

“หึหึ ต้องมีปัญหาแล้วหละ”

“ปี้เสี่ยวเหยากับตี๋เชาก็สนิทกันมาก ตี๋เชาตามไปแล้ว เดาว่าฉินเฉิงได้จบไม่สวยอย่างแน่นอน”

“ไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าอุบัติเหตุของตระกูลตี๋มันเกิดขึ้นมาจากไปอย่างงั้นเหรอ?”

“นายเชื่ออย่างงั้นเหรอ ไฟแบบไหนที่เผาคนให้กลายเป็นศพแห้งๆได้?”

จากนั้นไม่นาน ปี้เสี่ยวเหยาก็เดินไปที่ตรงหน้าฉินเฉิง

เค้าสูงอย่างน้อย 1.5 เมตร รูปร่างที่แข็งแรงของเค้า มันดูตรงกันข้ามกับความผอมของฉินเฉิง

ปี้เสี่ยวเหยาเหล่ตามองฉินเฉิง เค้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะที่มุมปาก

เมื่อพิจารณาจากลมปราณแล้ว ฉินเฉิงคนนี้ไม่ใช่คนที่มีกำลังภายในอะไรมาก อย่างงั้นนักโทษหลบหนีในต่างแดนสองคนนั่น พวกเค้าจะมาโดนฆ่าได้ยังไงกัน?

“คุณฟางมาแล้ว แกไม่รู้ตัวเหรอว่าต้องเข้าไปทักทายเค้า” ปี้เสี่ยวเหยาพูดออกมาอย่างเย็นชา

ฉินเฉิงเหลือบมองเค้าแล้วยิ้ม: “ทำไมฉันต้องเข้าไปทักทายด้วย?”

ปี้เสี่ยวเหยาก็ด่าขึ้นมาว่า: “คนจากบ้านนอก ไม่เข้าใจเรื่องมารยาท? จะต้องให้ฉันสอนแกไหม?”

“บ้านนอก?” ฉินเฉิงยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ซูวานก็มองดูอย่างไม่พอใจ

“ปี้เสี่ยวเหยา มณฑลนี่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของพี่เลยใช่ไหม?” ซูวานถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ปี้เสี่ยวเหยาก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วและพูดว่า “คุณหนูซู เราเคยเจอกันแล้ว”

“คนที่ไม่เข้าใจเรื่องมารยาทน่าจะเป็นนายมากกว่านะ คุณฟางให้นายมาเชิญฉินเฉิง นี่มันเป็นท่าทีของนายในตอนที่จะไปเชิญคนอื่นมาอย่างงั้นเหรอ” ซูวานก็พูดเสียงดังขึ้นมา

“คุณหนูซู ฉัน…” ในตอนที่ปี้เสี่ยวเหยากำลังจะอธิบายนี้เอง ซู่วานก็ปัดมือขึ้นมา “เชิญใหม่อีกครั้งสิ”

ปี้เสี่ยวเหยารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เค้าก็ไม่กล้าที่จะทำให้ซูวานขุ่นเคืองเลย ดังนั้นเค้าก็เลยทำได้เพียงแค่กัดฟันแล้วเดินเข้าไปหาฉินเฉิงอีกครั้ง

“คุณฟาง เชิญคุณครับ” ปี้เสี่ยวเหยาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา

“ท่าทีของนายดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่เลยนะ ลองอีกครั้งซิ” ซูวานพูดอย่างไร้ความปราณี

ปี้เสี่ยวเหยากัดฟัน เค้าพยายามต่อต้านความโกรธของตัวเองแล้วพูดว่า “…ครับ”

หลังจากนั้นไม่นาน เค้าก็เดินเข้าไปหาฉินจุนอีกครั้งและก้มหน้าลงอย่างไม่เต็มใจ “คะ…คุณฉิน คุณฟางให้ผมมาเชิญคุณ…”

ฉินเฉิงยิ้ม เค้าลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ได้”

เค้าก้มหน้าลงแล้วพูดกับซูวานว่า: “รอแปปนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมา”

จากนั้น ฉินเฉิงก็เดินตามปี้เสี่ยวเหยาไปที่โต๊ะของฟางจิ้งเหยา

ผู้คนรอบข้างก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้: “ไอ่ลูกหมานี่มันใช้ตระกูลซูเป็นที่หลบภัย ในตอนนี้คนในมณฑลจำนวนไม่น้อยเลยก็ไม่กล้าที่จะดูหมื่นฉินเฉิงเลย”

“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปหรอกนะ ในมณพลปินโจวนี่มันก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นั่นมันก็ไม่แน่เสมอไป”

จากนั้นไม่นานฉินเฉิงก็เดินเข้ามาที่ตรงหน้าของฟางจิ้งเหยา

“คุณฟาง ผมเคยเจอคุณแล้ว” ฉินเฉิงกล่าวอย่างสุภาพ

ฟางจิ้งเหยาพยักหน้าและโบกมือ: “นั่งลงก่อนสิ”

ในโต๊ะมีคนสามคน

ฟางจิ้งเหยา ฉินเฉิง และ ปี้เสี่ยวเหยา

“คุณฟางตามหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉินเฉิงถามอย่างถ่อมตน

ฟางจิ้งเหยายิ้มและพูดว่า “ฉินเฉิง ช่วงนี้เธอค่อนข้างจะมีชื่อเสียงนะ ฉันเองก็พอจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง”

“คุณฟางก็ชมมากเกินไปแล้ว” ฉินเฉิงตอบอย่างเฉยเมย

ฟางจิ้งเหยาลูบคางของตัวเองแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผู้ร้ายที่หลบหนีในต่างแดนของสำนักชื่อหลงต้องมาตายไปสามคน เธอรู้อะไรกับเรื่องนี้บ้างไหม?”

ฉินเฉิงแสร้งทำเป็นเฉยเมยแล้วพูดว่า “สำนักชื่อหลงอะไรกัน? ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย”

“ฮ่าฮ่า นี่มันเป็นเรื่องดี นายคิดว่าจะเบี่ยงเบนแบบนี้ไปได้ตลอดเหรอ?” ฟางจิงเหยาส่ายหัวขึ้นมา

เค้าหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง เปิดคลิปและยิ้มขึ้นมา: “คนๆนี้ใช่เธอหรือเปล่า?”

เนื้อหาในคลิปมันตรงกับฉากในวันนี้พอดี

ฉินเฉิงยิ้มแล้วก็ไม่พูดอะไรออกมา

“ฉันให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว ตอนนั้นเธอเองก็บังเอิญอยู่ในศาลาหว่างเย้ ในวันนั้นอู่หาวก็มาตายในห้องอาหาีส่วนตัวของนาย” ฟางจิ้งเหยายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณฟาง เเค้าไม่มีแม้แต่กำลังภายในเลยด้วยซ้ำ เค้าจะไปฆ่าอู่หาวได้ยังไงกัน” ปี้เสี่ยวเหยาก็ถอนหายใจออกมา “ด้วยทักษะของอู่หาว แม้แต่ผมเองก็ยังไม่มั่นใจที่จะสู้กับเค้าเลย”

ฟางจิ้งเหยาไม่คิดแบบนั้น เค้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ปี้เสี่ยวเหยาพูดเลย

เค้ามองไปที่ฉินเฉิงและพูดว่า “ฉินเฉิง ฉันอยากขอให้คุณมาเป็นคนสอนในสำนักงานความมั่นคง ฉันไม่รู้ว่าคุณจะสนใจไหม”

“คนสอน? ผมเหมาะสมอย่างงั้นเหรอ!” ปี้เสี่ยวเหยา ก็เข้าเรื่องในทันที “ฆาตกร ทำไมเราจะต้องรับคนอย่างเค้าเข้ามาในสำนักงานความมั่นคงของเราด้วย!”

ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เค้าแล้วพูดว่า “แม้ว่าฉันจะไม่สนใจที่จะอาจารย์ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เหมาะสม”

“ความเหมาะสม?” ปี้เสี่ยวเหยากำหมัด “เอาล่ะ ถ้าแกสามารถเอาชนะฉันได้ อย่างงั้นฉันก็จะยอมรับว่าแกเหมาะสม!”

“เอาชนะนาย?” ฉินเฉิงมองไปที่เค้าอย่างเย็นชา “ด้วยตัวตนของนาย ถ้าฉันทำนายบาดเจ็บ ฉันจะไม่ต้องติดคุกเหรอ?”

ปี้เสี่ยวเหยาก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “ทำฉันได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นเหรอ เด็กน้อย แกนี่หลงตัวเองจริงๆเลยนะ! ถ้าแกมีความสามารถจริงๆ อย่าเอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังผู้หญิงสิวะ! หลังจากนี้อีกอาทิตย์นึง ที่เมืองเอกของมณฑล ฉันจะไปขึ้นสังเวียนกับแก ฉันจะเตรียมใบมรณะบัตรเอาไว้ให้แกเลย!”

“ได้” ฉินเฉิงตอบตกลงโดยไม่ลังเล “แต่เราจะมาเดิมพันกันซักหน่อยไหม?”

ปี้เสี่ยวเหยาพูดอย่างเย็นชา: “ถ้าแกสามารถเอาชนะฉันได้ ฉันจะยอมให้แกเข้าไปในสำนักงานความมั่นคง”

“ฉันไม่สนใจเรื่องที่เข้าไปในสำนักงานความมั่นคงอะไรนั่นหรอกนะ” ฉินเฉิงจิบไวน์แล้วส่ายหน้า: “ถ้าฉันชนะ นายจะต้องขอโทษฉันต่อหน้าทุกคนแล้วต่อจากนี้ไปก็จะต้องเรียกฉันว่าพี่ใหญ่”

“ได้สิ!” ปี้เสี่ยวเหยาตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรเลย “แล้วถ้าแพ้ล่ะ?”

“แพ้?” ฉินเฉิงวางแก้วลงแล้วยิ้มเบา ๆ : “ฉันไม่มีวันแพ้”

“คางคกขึ้นวอ” ปี้เสี่ยวเหยา เยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจเค้าเองก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ

ตราบใดที่ ฉินเฉิงอยู่ในสังเวียนกับเค้า เค้าเองก็จะได้มีโอกาสล้างแค้นให้กับตี๋เชา เมื่อถึงตอนนั้น นายท่านซูก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย!

ปี้เสี่ยวเหยาดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะนั่งที่โต๊ะเดียวกับฉินเฉิง ดังนั้นหลังจากที่เค้าพูดทิ้งท้ายแล้วเค้าก็ลุกออกไป

ฟางจิ้งเหยายิ้มจาง ๆ: “ฉันรู้ว่าคนหนุ่มสาวมีความสามารถในการแข่งขัน แต่เธอต้องระวังปี้เสี่ยวเหยาหน่อยนะ เค้าเป็นหนึ่งในสามอัจฉริยะของสำนักงานความมั่นคงของเรา ในตอนที่เค้าอายุได้ 25 เค้าก็มาถึงขั้นพลังปราณระดับปรมาจารย์ขั้นเก้า?”

“พลังปราณระดับปรมาจารย์ขั้นเก้า?” ฉินเฉิงรู้สึกสูญเสียเล็กน้อย เค้าไม่รุ้อะไรเลยเกี่ยวกับระดับขั้นของศิลปะการต่อสู้

“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไปถึงขั้นไหนแล้ว?” ฟางจิงเหยาก็ถามขึ้นมา

ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เหนือกว่าพลังปราณระดับปรมาจารย์ขั้นเก้า มันคือขั้นอะไร?”

ฟางจิ้งเหยาผงะแล้วหัวเราะเสียงดังขึ้นมา: “เหนือกว่าปรมาจารย์พลังปราณขั้นเก้าก็คือเจ้าแห่งพลังปราณ เธอคงไม่ได้จะบอกนะว่าเธออยู่ที่ระดับขั้นนี้แล้ว?”

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม

หลังจากที่เผชิญหน้ากับการดูถูก ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นสู้ เพื่อคว้าในสิ่งที่ไม่เคยได้ครอบครองมาก่อน นิยายเล่มนี้เป็นนิยายที่สนุกสนาน ไม่รุนแรงจนเกินไป สนุกครบทุกอารมณ์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset