รถขับเข้าไปยังเมืองเอกของมณฑลและก็มาถึงเมืองเอกของมณฑลในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉินเฉิงได้เข้ามาที่เมืองเอกของมณฑล แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เค้าสามารถที่จะมองดูเมืองนี้ได้อย่างใกล้ชิด
“แล้วยังไงกัน นั่นมันดีกว่าไอ่เด็กนั่นของพวกนายอย่างงั้นเหรอ?” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดขึ้นมาอย่างพอใจ
หากว่าเมืองจิงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทั้งหมดของปีนัง อย่างงั้นเมืองเจียงก็เป็นศูนย์กลางอย่างเป็นทางการของมณฑล
ฉินเฉิงเงียบ ยิ่งคนมากเท่าไหร่ พลังปราณโดยรอบมันก็ยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น
แต่ข้อดีก็คือที่นี่มันมีคนที่มีฝีมืออยู่มาก วัสดุที่เอามาใช้ทำยาก็มีมากมายแล้วยังมีทรัพยากรอีกมาก ทั้งหมดนี้สามารถทำให้ฉินเฉิงสามารถปลูกฝังพลังและเพิ่มระดับขั้นได้เร็วขึ้น
“ไปหาคุณปู่ของฉันก่อนหละกัน” ซูวานก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงเองก็เห็นด้วยและเมื่อเธอพูดถึงนายท่านซู ฉินเฉิงเองก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
แม้จะมียาเม็ดนั้น อายุขัยของชายชราซูก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปีเท่านั้น
ในตอนที่มาถึงที่สถานที่อยู่ของนายท่านซู สิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงตกใจก็คือฟางจิ้งเหยาเองก็อยู่ที่นี่ด้วย
“พ่อ ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่หละ?” ฟางเสี่ยวเต๋อก็กระโดดไปกระโดดมาเข้าไปหาพ่อของเธอ
ฟางจิ้งเหยาแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า “ปู่ซูของเธอเค้าอยู่ที่นี่นะ ไม่รู้จักมารยาทเลยหรือยังไงกัน?!!”
ฟางเสี่ยวเต๋อแลบลิ้นและรีบตะโกนทักทายคุณปู่ซู
นายท่านซูโบกมืออย่างอ่อนโยนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “หึหึ ฉันไม่ได้เจอเธอมาสองสามปีแล้วนะเสี่ยวเต๋อ โตเป็นสาวแล้วนี่”
“เฮ้ คุณปู่ซู เสี่ยวเต๋อคิดถึงปู่ทุกวันเลยนะ!” จากนั้นฟางเสี่ยวเต๋อก็วิ่งไปหาคุณปู่ซู่ด้วยท่าทีที่ขี้เล่น
“แคร็กแคร็ก” ฟางจิ้งเหยาไอขึ้นมา “เสี่ยวเต๋อ เธอไปเดินเล่นก่อน พวกเรามีเรื่องต้องคุยกับคุณปู่ซูของเธอ”
แม้ว่าฟางเสี่ยวเต๋อจะเอาแต่ใจ แต่เธอก็รู้วิธีที่จะจัดการมันในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้
เธอตอบตกลงแล้ววิ่งไป
ทั้งสี่คนนั่งลงที่โต๊ะกลม
หลังจากไม่เจอกันนาน มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าซูวานเธอคิดถึงปู่ซูมาก ดังนั้นเธอจึงเอนตัวเข้าไปใกล้ปู่ซู สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่ดีใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” นายท่านซูก็ยิ้มขึ้นมาอย่างทำอะไรไม่ถูก
ซูวานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วพูดว่า: “ปู่ออกไปนานแค่ไหนแล้ว ไม่กลับมาเยี่ยมหนูบ้างเลยนะ ในสายตาของปู่ ปู่ยังมีหลายสาวอยู่ไหมเนี่ย!”
ชายชราซูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น เค้ากับฟางจิ้งเหยามองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่ามันมีความเห็นอกเห็นใจเล็กน้อยสำหรับความรู้สึกแบบเดียวกัน
“ฉินเฉิง ไม่ได้เจอกันแปปเดียวเอง เธอแข็งแกร่งขึ้นบ้างไหม?” นายท่านซูมองไปที่ ฉินเฉิงแล้วพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ฉินเฉิงไม่กล้าโกหก ดังนั้นเค้าจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ก็ดีขึ้นบ้างแล้วครับ”
“ไม่เลวเลย” นายท่านซูพยักหน้าเล็กน้อย “แต่ปี้เสี่ยวเหยาคนนี้ เค้าไม่ใช่คนธรรมดานะ เธอแน่ใจนะว่าเธอจะเอาชนะเค้าได้?”
“เต็มสิบครับ” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาเบาๆ
ความมั่นใจในตนเองที่แรงกล้านี้เอง มันทำให้นายท่านซูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเค้าอยู่ซักพัก
และฟางจิ้งเหยาเองก็ส่ายหัวบ่อยครั้ง นายท่านซูคุยโม้เรื่องฉินเฉิงกับเค้ามาแล้วหลายครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย ด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่งแบบนี้ เค้าไม่น่าจะไปไหนได้ไกล
แต่ฟางจิ้งเหยาไม่รู้ว่า แต่ไหนแต่ไรมาฉินเฉิงไม่เคยคุยโม้โอ่อวด
“ฉินเฉิง ถ้าอย่างนั้นเธอต้องปราณีปี้เสี่ยวเหยาบ้างนะ เค้าเป็นคนที่มีฝีมือมากของฉัน” ฟางจิ้งเหยามองมันเป็นเรื่องตลก
ฉินเฉิงยิ้มและไม่พูดอะไรออกมา
“นายท่านซู ถ้าอย่างนั้นคุณก็พูดคุยกันไปเถอะ ที่สำนักงานความมั่นคงมีธุระที่จะต้องจัดการ อย่างงั้นผมขอตัวก่อน” ฟางจิ้งเหยาลุกขึ้นยืนแล้วพูด
นายท่านซูพยักหน้าเล็กน้อยแล้วโบกมือเบา ๆ
ที่โต๊ะกลมในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้น ซูวานอดไม่ได้ที่จะพูดกับคุณปู่ซูว่า “ซูหยู่เค้ามาหาหนูด้วย”
เมื่อพูดถึงซูหยู่ นายท่านซูที่ก่อนหน้านี้ก็มีท่าทีที่สงบและอ่อนโยนมาโดยตลอด เค้าก็แสดงท่าทีตื่นตระหนกขึ้นมา
เค้าเป็นกังวลมากแล้วพูดว่า: “ไอ่***นี่มันไม่ได้มาทำอะไรหนูใช่ไหม?”
ซูวานส่ายหัวแล้วพูดว่า “โชคดีที่ฉินเฉิงกลับมาเร็ว…”
นายท่านซูตบโต๊ะอย่างดุเดือดแล้วตะโกนว่า “ไอ้***! ไอ้***นี่!”
หลังจากพูดจบ นายท่านซูก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
ฉินเฉิงตบหลังเค้าอย่างรวดเร็วแล้วออร่าแห่งพลังวิญญาณก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเค้า
อาการไอของนายท่านซูก็หยุดลงในทันที เค้าพยักหน้าเล็กน้อยให้กับฉินเฉิงเพื่อแสดงการขอบคุณ
“วานเอ๋อ จำไว้ อย่าคิดที่จะไปเผชิญหน้ากับซูหยู่คนนี้อีก” นายท่านซูพูดด้วยความกังวล “ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเค้า เธอเป็นนัง*** แม้แต่ปู่เอง ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย”
ในตอนที่เค้าพูดออกมานี้เอง นายท่านซูก็ดูเศร้าเล็กน้อย
ซูวานตอบตกลง: “คุณปู่ ปู่แค่ดูแลตัวเองก็พอ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก”
พูดแล้ว นายท่านซูจะไม่กังวลได้ยังไงกัน?
ภายนอกตระกูลซูเป็นตระกูลใหญ่ แต่ในความเป็นจริง ตระกูลซูก็มีเหลือกันอยู่เพียงแค่สองคนก็เท่านั้น ก็คือซูวานและนายท่านซู
ถ้านายท่านซูจากไป มันยังจะมีใครเห็นหัวซูวานอีก?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นายท่านซูก็มองไปที่ฉินเฉิงโดยไม่รู้ตัว
“คุณปู่ เค้าบอกว่าปู่มีของชิ้นหนึ่งอยู่ เค้าต้องการมัน มันคืออะไรเหรอค่ะ”ซูวานถามขึ้นมา
นายท่านซูทำหน้าบึ้งแล้วโบกมือ: “หนูไม่ต้องถามหรอก บางเรื่องการรู้มากมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีหรอกนะ”
ซูวานเป็นคนที่มีเหตุผล หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณปู่พูด เธอก็ไม่ได้ถามต่อ
“ว่านเอ๋อ ฉินเฉิง มันไม่ง่ายเลยนะที่เราจะได้มาเจอกัน เข้าไปข้างในแล้วหาไวน์ดีๆซักขวดมาจิบกันไหม” นายท่านซูก็พูดหลอกล่อซูวานขึ้นมา
ซูวานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “สุขภาพของปู่เป็นแบบนี้ ยังจะมาดื่มไวน์อะไรกันอีก!”
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรหรอก หมออัจฉริยะฉินเองก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” นายท่านซูโบกมือขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าให้ซูวานเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นซูวานถึงเดินไป
คนหนึ่งคนแก่และอีกคนอายุยังน้อย พวกเค้านั่งอยู่ตรงข้ามกัน
นายท่านซูค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “ตั้งแต่เธอได้พบกับซูหยู่ ในความคิดของเธอ เธอคิดยังไง?”
ฉินเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม: “เค้าแข็งแกร่งมากกว่าที่ผมคิดครับ”
“กลัว?” นายท่านซูก็พูดติดตลกขึ้นมา
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่กลัว ผมให้สัญญากับซูวานแล้วว่าผมจะพาเธอไปยังจุดสูงสุดในเมืองจิงตู ผมกับซูวานก็พนักกันไว้แล้ว”
“พนัน?” นายท่านซูก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อีก 2 ปีผมจะไปที่เมืองจิงตู เมื่อถึงตอนนั้น ผมจะทำให้เค้าคุกเข่าต่อหน้าซูวานและขอโทษเธอทีละคำ”
นายท่านซูพูดอย่างกระตือรือร้น: “เธอ… เธอเกินไปแล้ว ฉินเฉิง เธอไม่รู้หรอกนะว่าในเมืองจิงตูมันซับซ้อนมากแค่ไหนกันและเธอเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตระกูลซูในเมืองจิงตูมันเป็นยังไงกัน! เธอพนันกันโดยที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ต่อไปมันจะทำลายตัวเธอเองนะ มันอาจจะฆ่าเธอได้เลยนะ! หรือว่าเธอจะต่อสู้กับตระกูลซูทั้งหมดนั่นด้วยตัวเองเพียงคนเดียวอย่างงั้นเหรอ!”
“ฉินเฉิงเอร้ย ฉินเฉิง ฉันมองเธอผิดไปแล้วจริงๆ!” นายท่านซูรู้สึกเจ็บใจ
แม้ว่าเค้าจะหวังเพียงว่าฉินเฉิงจะสามารถปกป้องซูวานได้และพวกเค้าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขโดยปราศจากความอัปยศอดสู
แม้ว่าเขาจะจินตนาการเอาไว้ว่าฉินเฉิงจะกลายเป็นเหมือนเย่อชิงยุนได้ แต่มันก็น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็สิบปีหรืออาจจะนานถึงยี่สิบปี หรืออาจจะต้องใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตของเค้า แต่นี่แค่สองปี?
“นายท่านซู ผมรู้ว่าคุณเป็นกังวล” ฉินเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “แต่สิ่งที่ผมพูดไปมันจะต้องเป็นจริง ผมจะทำให้ตระกูลซูมาขอร้องให้ซูวานกลับไป”
นายท่านซูรู้ว่าเค้าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมฉินเฉิงได้ ดังนั้นเค้าจึงโบกมืออย่างถอดใจ
“เอาหละ เอาหละ อย่างงั้นก็ถือซะว่าฉันมองคนผิดไป” นายท่านซูก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากนั้น เค้าถามอย่างเป็นกันเองว่า “ครั้งก่อนตอนที่แยกกัน เธอเองก็มีพลังปราณระดับปรมาจารย์แล้ว ผ่านไปหนึ่งเดือน ความแข็งแกร่งของเธอมาถึงไหนแล้ว ขั้นที่ห้าของพลังปราณระดับปรมาจารย์?”
ฉินเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าคุณจะแบ่งระดับขั้นตามศิลปะการต่อสู้ของคุณ ผมก็น่าจะ… มาถึงระดับขั้นของเจ้าแห่งพลังปราณแล้วในตอนนี้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านปู่ซูก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเค้าก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “เธอ…เธอบอกว่าไงนะ! เธอไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?”