หลังจากออกจากบ้านตระกูลซู ซูวานมีอารมณ์แปรปรวนและอยากจะร้องไห้ออกมา
แต่ว่าเธอก็ยังสามารถอดกลั้นเอาไว้ได้
และตอนนี้ที่เมืองหลวงก็กำลังร้อนระอุ
วิดีโอเหล่านั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และท่าทางที่น่าอับอายของตระกูลเฝิงก็ถูกคนทั่วโลกจับตามอง
นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับตระกูลเฝิงอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนแรกต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกลับเข้าสู่โลกอีกครั้ง แต่กลับถูกจู่โจมอย่างหนักและทำให้มันกลายเป็นเรื่องตลกไป
“ดูแล้วตระกูลเฝิงคงไม่มีอะไรไปมากกว่านี้!”
“ได้ยินมาว่านายน้อยคนที่สองของตระกูลเฝิงถูกทุบตีอย่างรุนแรง?”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาถูกทำให้เป็นพวกไร้ประโยชน์ไปแล้ว!!”
ตระกูลเฝิง บนเตียงที่นุ่มนิ่ม เฝิงหลินโกรธจนเส้นเลือดปูดออกมา
“บัดซบ บัดซบที่สุด!” เฝิงหลินขว้างโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเขาลงพื้นทันที
“ไอเจ้าฉินเฉิง ฉันจะฆ่าแก!” เฝิงหลินโกรธอย่างมาก แต่ตอนนี้พลังภายในของเขาไม่มีอีกแล้ว เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์ จะเอาอะไรไปสั่งสอนฉินเฉิง?
“พี่รอง รอท่านพ่อออกมาจากการฝึกวิชาก่อน เขาจะต้องมีวิธีรักษาพี่อย่างแน่นอน” เฝิงเฉินที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
ความโกรธของเฝิงหลินคลายลงทันที
เขานอนอยู่บนเตียงเหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น
ความโศกเศร้ายิ่งใหญ่กว่าความตายของหัวใจ ในตอนนี้เฝิงหลินคิดอยากจะฆ่าตัวตายเป็นอย่างมาก
ก่อนที่พ่อเขาจะออกไป เขาได้ยกทุกอย่างของตระกูลเฝิงไว้ในกำมือของเขา แต่วันนี้เขาทำได้แต่อยู่ในห้อง และเขาจะมีหน้าไปเจอพ่อของเขาได้อย่างไร?
“หลังจากที่ท่านพอกลับมาแล้ว นั่นแหละจะเป็นวันที่พี่จะไปแก้แค้นเจ้าฉินเฉิง!” เฝิงเฉินพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซวนหมิง
คนกลุ่มหนึ่งก็ได้รับข่าวสารเช่นกัน
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมและดีใจ
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ไปยั่วยุฉินเฉิง ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะหมดหวังไปแล้วก็ได้
……
ที่คฤหาสน์ของตระกูลซู ฉินเฉิงมองตรงไปทางทิศเหนือ และหัวใจของเขาก็กังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้จะบอกว่าจี้หยกชิ้นนั้นสามารถป้องกันอันตรายให้กับซูวานได้ แต่ที่เมืองจิงตูมีแต่พวกดุร้ายทั้งนั้น ใครจะไปรู้ว่าจะมีกี่คนที่จะมุ่งมาทำร้าย?
“ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับซูวาน ฉันจะฝังตัวเองไปพร้อมกับตระกูลซู!” ฉินเฉิงกำหมัดแน่นละทุบไปบนโต๊ะอย่างเย็นชา
จนกระทั่งยามดึก ซูวานถึงจะกลับมา
เมื่อเห็นเพียงแวบแรกฉินเฉิงและคุณปู่ซูก็แทบจะเข้าไปหาซูวานทันที
เมื่อเห็นสีหน้าของซูวานไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หัวใจของคุณปู่ซูก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
“เด็กน้อยเอ้ย หลานคิดว่าตระกูลซูเขาจะมองว่าเราเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?” คุณปู่ซูลูบที่ไปศีรษะของซูวานและรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกรีดด้วยใบมีด
ซูวานพยายามหัวเราะออกมา “คุณปู่ ฉันไม่เป็นอะไร พวกเราแค่ปฏิเสธฉันเท่านั้น”
ฉินเฉิงเงียบ ดวงตาของเขาหรี่ลง และร่องรอยของพลังแห่งจิตวิญญาณแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของซูวานโดยตรง
ภาพที่เกิดขึ้นต่างๆปรากฎออกมาในหัวของเขา
“ตระกูลซู….” เมื่อเห็นฉากหนึ่ง ฉินเฉิงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธในใจ
“นายเป็นอะไร?” ซูวานเห็นว่าสีหน้าของฉินเฉิงไม่ค่อยดีจึงถามออกไป
ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้า ยิ้มและส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เธอไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยตระกูลซู กับแค่เฝิงกงคนเดียว ฉันยังไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”
ซูวานแสร้งทำเป็นไม่สนใจ พูดติดตลกว่า “ชิ ก่อนถึงเวลาก็อย่างพึ่งไปทำอะไรพวกเขาก่อนหละ!”
ยิ่งซูวานเป็นแบบนี้ฉินเฉิงก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะเดียวกัน ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อตระกูลซูก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ดูแล้วเราคงต้องรีบไปฝึกให้มากกว่านี้” ฉินเฉิงแอบคิดในใจ
เรื่องที่ตระกูลเฝิงกับฉินเฉิงขัดแย้งกันมันโด่งดังมาก ขนาดตระกูลหูที่อยู่เมืองหยางยังรับรู้
พวกเขากับตระกูลเฝิงไม่ค่อยกินเส้นกัน เมื่อได้ยินว่าตระกูลเฝิงถูกลดทอนกำลัง พวกเขาก็ดีใจ
“เจ้าแห่งลมปราณหู ได้ยินมาว่านายน้อยคนที่สองแห่งตระกูลเฝิงถูกจัดการไปแล้ว ดูท่าตระกูลเฝิงคงหมดอนาคต” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมา
ชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าแห่งลมปราณหูส่ายหน้าเล็กน้อยและยิ้มออกมา “อย่าลืมไปเสียหละ เฝิงกงยังมีลูกชายคนโตอยู่”
ลูกชายคนโตของเขาอ่อนโน้มมาโดยตลอดจึงไม่ค่อยมีใครสนใจ
แต่ทุกวันนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนสงสัยว่าลูกชายคนโตของเขาถือว่าเป็นไพ่ตายของเขาหรือเปล่า?
“ฉินเฉิงคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ” เจ้าแห่งลมปราณหูพูดออกมา “ถ้าหากมีโอกาสฉันจะต้องเชิญเขามาที่บ้านตระกูลหูของเราสักครั้ง”
…..
สามวันต่อมาก็มีข่าวที่ยิ่งใหญ่ออกมาอีกครั้ง
เฝิงกงแห่งตระกูลเฝิงออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว! และแถมยังจัดงานเลี้ยงเชื้อเชิญผู้เป็นยอดฝีมือจากทั่วเมืองหลวง!
ทันทีที่มีข่าวนี้ออกมา โลกแห่งศิลปะการต่อสู้ในเมืองหลวงก็ระเบิดทันที
“เฝิงกงเข้าไปฝึกวิชาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว วันนี้เขากลับมา ไม่รู้ว่าพลังของเขาจะน่ากลัวขนาดไหน!”
“เฝิงกงคนนี้เป็นคนเย่อหยิ่ง ฉันคิดว่าเขาจะต้องมาทวงหน้าตาของตระกูลเฝิงของเขาคืนอย่างแน่นอน”
“เจ้าหนุ่มที่ชื่อฉินเฉิงคนนั้น เกรงว่าน่าจะลำบากแล้ว!”
“ใช่ น่าสงสาร ผู้มีพรสวรรค์มากมายต้องจบชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ดูท่าฉินเฉิงเองก็คงไม่ต่างกัน”
ที่คฤหาสน์ของตระกูลซู
มีรถหรูหนึ่งคันจอดอยู่ที่หน้าประตู จากนั้นเฝิงเฉินก็เดินลงมาจากรถ
“สวัสดีครับคุณปู่ซู” เฝิงเฉินเอนตัวลงและกล่าวทักทาย
คุณปู่ซูยิ้มและถามออกมาว่า “มีเรื่องอะไรเหรอ?
เฝิงเฉินหยิบบัตรเชิญและยื่นออกไปให้คุณปู่ซูด้วยความเคารพ “ตามคำสั่งของพ่อ ท่านให้มาเชิญคุณไปงานเลี้ยงครับ”
หลังจากที่คุณปู่ซูรับบัตรเชิญนั้นมา พยักหน้าและพูดออกไปว่า “อ่า ฉันรู้แล้ว ฉันจะต้องไปให้ได้”
เฝิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย และในตอนนั้นเหมือนกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างออกมาได้จึงรีบพูดออกไปว่า “ใช่ครับ ท่านพ่อกำชับมาว่า จะต้องให้ฉินเฉิงไปด้วยให้ได้นะครับ”
พูดจบเฝิงเฉินก็จ้องมองไปที่ฉินเฉิง
เดิมทีเขาต้องการดูท่าทางหวาดกลัวของฉินเฉิง แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ฉินเฉิงไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย และดูทีสีต่อไปอย่างนั้น
“รอก่อนเถอะ พ่อของฉันจะต้องฆ่านายด้วยมือของเขาเองแน่!” เฝิงเฉินแอบสบถอยู่ในใจ
“คุณปู่ซู งั้นผมขอตัวลาก่อนนะครับ” หลังจากนั้นเฝิงเฉินก็ขึ้นรถและออกจากบ้านตระกูลซู
คุณปู่ซูถือบัตรเชิญนั้นมา แววตาของเขาอดไม่ได้ที่จะมาความสงสัยปรากฎออกมา
เขาเดินไปที่ด้านหน้าของฉินเฉิง “ดูแล้วเฝิงกงคงอยากใช้ตัวของเขาในการกู้หน้าของตระกูลเฝิงกลับมา”
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ผมกลัวว่าเขาจะไม่เชิญผมเสียอีก”
เนื่องจากตระกูลเฝิงมีโสมที่อายุราวพันปีอยู่อันหนึ่ง นั่นเป็นยาชูกำลังที่ยอดเยี่ยม ฉินเฉิงอยากจะได้มันมานานแล้ว
เมื่อเห็นว่าฉินเฉิงมองกำลังมองโลกในแง่ดี คุณปู่ซูก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
งานจะจัดขึ้นหลังจากนี้อีกสามวัน นอกจากคนที่ถูกเชื้อเชิญเข้ามาในงานเลี้ยง คนอื่นๆที่มีพลังอยู่ในขั้นของปรมาจารย์ก็สามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญ
งานใหญ่ครั้งนี้ดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วน นอกจากเมืองหลวงแล้วปรมาจารย์ จากเมืองอื่นๆก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน
ในตอนนี้ทุกโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน
ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นสองวัน จู่ๆจี้เซียงก็โทรมาหาฉินเฉิง
เขาพูดอย่างระมัดระวังทางโทรศัพท์ “พี่ฉิน ฉันมีข่าวมาให้พี่ ตอนนี้ตระกูลหูกำลังวางแผนที่จะจัดงานประลองขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ที่มีความสามารถ”
“เอ๋? เมื่อไหร่?” ฉินเฉิงถาม
จี้เซียงพูดออกมาเบาๆ “ได้ยินมาว่าอาทิตย์หน้า เอาละๆ ฉันไม่พูดแล้ว ฉันต้องรีบวางสายก่อน ถ้าหากตระกูลเฝิงรู้เรื่องนี้เข้า ฉันต้องตายแน่!”
พูดจบจี้เซียงก็รีบวางสายลงทันที
“นายโทรไปบอกเขาแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร” พ่อของจี้เซียงพูดออกมา “นายคิดว่าฉินเฉิงคนนั้นจะมีชีวิตรอดไปถึงวันนั้นได้เหรอ?”